คำตอบที่แท้จริง : คนเดียวที่อยู่ข้าง อัลเลน ไอเวอร์สัน ในวันที่เขาไม่เหลือใคร
"The Answer" หรือ "คำตอบ" คือฉายาของนักบาสเกตบอลร่างเล็กที่สร้างอิมแพ็คต์ให้กับ NBA มากที่สุดคนหนึ่งอย่าง อัลเลน ไอเวอร์สัน
ไม่ใช่แค่ความสุดยอดในเรื่องของการเล่น แต่มันคือไลฟ์สไตล์ เรื่องราว และด้านมืดของเขา "เอไอ" ผ่านมาแล้วทุกเรื่อง และทุกเรื่องคือเรื่องที่ผู้คนสนใจทั้งหมด
อย่างไรก็ตามหลังฉากทั้งก่อนและหลังในการเป็นนักบาสของ ไอเวอร์สัน มีเรื่องที่ถูกซ่อนอยู่มากมาย ... เรื่องที่ดีก็ดีจนเหลือเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับชีวิตคนๆ หนึ่ง ส่วนเรื่องที่ร้ายก็ร้ายกาจชนิดที่ว่าไม่สมควรเกิดขึ้นกับนักบาสระดับตำนาน
เขาผ่านวัฏจักรของชีวิตที่ขึ้นสุดลงสุดได้ด้วย เจ้าของฉายา "The Answer" ตัวจริงที่ไม่ใช่ตัวเขาเอง ... แอน ไอเวอร์สัน คือคำตอบของเรื่องนี้
ผลผลิตจากความไม่พร้อม
เด็กหนุ่มจาก เวอร์จิเนีย ที่เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของแม่ที่เป็นซิงเกิลมัม "แอน ไอเวอร์สัน" และมีพ่อเลี้ยงที่มีประวัติอาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ ติดตัวอยู่บ้าง ... ตัวของ แอน นั้นมี อัลเลน ตั้งแต่อายุ 15 ปีเท่านั้น
Photo : @dakotagardner
"ฉันรู้ว่าเขาจะเป็นนักบาสที่ได้เล่น NBA ตั้งแต่วันแรกที่ฉันอุ้มเขาหลังคลอด ฉันมีลูกชายที่แขนยาวกว่าเด็กทุกคน ที่พูดคำว่ายาวเนี่ยคือยาวกว่าเด็กทั่วไปเลยนะ ตอนแรกฉันคิดว่าเขาเกิดมาผิดปกติ แต่หมอก็เดินมาบอกว่า 'ไม่หรอก เด็กคนนี้ก็แค่แขนยาว มันน่าดีใจซะอีกนะคุณแม่เขาจะได้คว้าลูกบอลได้อยู่มือ มีประโยชน์จะตายไป' หมอเขาบอกแบบนั้น" นี่คือสิ่งที่เธอคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับลูกชายเธอ
แม้จะยากจนแต่ก็เต็มที่ แอน ทำงานหนักขึ้นเพื่อให้ลูกของเธอได้กินอิ่มนอนหลับ เธอไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ต้องไปอาศัยอยู่กับบ้านของญาติๆ กัน เธอต้องทำงาน 2 กะ ตอนเช้าเป็นพนักงานพิมพ์ดีด ขณะที่ตอนเย็นต้องไปทำงานรับจ้างที่อู่ต่อเรือเพิ่มเติม
แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่เธอยังเป็นวัยรุ่น แม้จะอยากดูแลลูกให้ดีแค่ไหนแต่แอนก็ยังมีนิสัยที่รักสนุกอยู่บ้าง เธอมักจะไปปาร์ตี้หลังเลิกงานและมีเรื่องของการใช้ยาเสพติดมาเกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้ ไอเวอร์สัน เห็นภาพจำที่ไม่ค่อยดีนัก และไม่ค่อยจะได้ใช้ชีวิตแบบเด็กๆ ทั่วไป
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ ไอเวอร์สัน เป็นพวกเด็กสอนยากและค่อนข้างจะต่อต้าน เขาอยากเป็นพวกหัวหน้าในหมู่เพื่อน เขาไม่ได้อยากเล่นบาสเมื่อโตมา แต่เขาอยากเล่นอเมริกันฟุตบอลมากกว่า เพราะ อเมริกันฟุตบอลคือกีฬาที่หนักหน่วงเล่นรุนแรงสมกับเป็นลูกผู้ชาย ส่วนบาสนั้นแตะนิดแตะหน่อยก็ฟาวล์ มันไม่ใช่ทางที่เขาชอบ
Photo : bleacherreport.com
อย่างไรก็ตาม แม่ของเขาพยายามทุกอย่างเพื่อโน้มน้าวใจ ด้วยการเก็บเงินซื้อรองเท้าบาสยี่ห้อ แอร์ จอร์แดน ด้วยการใช้เงินเดือนทั้งเดือนซื้อให้กับเขาเพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการเล่นบาส และหากิจกรรมให้เขาสนิทสนมกับแฟนใหม่ของแม่ที่ชื่อว่า ไมเคิล ฟรีแมน โดยให้ฟรีแมนเป็นคนที่คอยสอนบาสเกตบอลให้ หลังจากนั้น ฟรีแมน ก็กลายเป็นคนๆ หนึ่งที่ ไอเวอร์สัน ให้ความเคารพและถือว่ามีบุญคุณกับเขาจนทุกวันนี้
แม้ทุกอย่างจะเริ่มดีแต่ด้วยความที่ ไอเวอร์สัน นั้นเป็นพี่คนโต แถมน้องของเขายังป่วยบ่อยๆ ด้วย จึงทำให้ ไอเวอร์สัน ทำหน้าที่เป็นคนคอยดูแลเสมือนพ่ออีกคน สถานการณ์บีบบังคับให้เด็กตัวเล็กอย่าง ไอเวอร์สัน ต้องไม่กลัวใคร แต่นั่นกลับกลายเป็นการบ่มนิสัยไม่ดีที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาโดยไม่รู้ตัว
Photo : www.thepostgame.com
ในช่วงวัยรุ่นคนเรานั้นมักจะมีความเชื่อและความเข้าใจในแบบของตัวเอง แม้แนวคิดนั้นจะสวนทางและใช้ไม่ได้บนโลกแห่งความจริงก็ตาม ตัวของ ไอเวอร์สัน เป็นคนแบบนั้น เขาเชื่อว่าการเป็นคนเลือดร้อน และการขึ้นแท่นเป็นหัวโจกคือสิ่งที่ถูกต้อง เพราะ ณ เวลานั้นเขาได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างที่ช่วยมาเติมเต็มในส่วนของครอบครัวที่ขาดหายไป
เรื่องชกต่อยที่ไม่ได้เป็นคดีในตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่นนั้นมีไม่น้อย แต่เหตุการณ์ที่บานปลายที่สุดคือเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 1993 ซึ่งเขาถูกกล่าวหาในคดีทำร้ายร่างกายวัยรุ่นสาวที่ลานโบว์ลิ่งด้วยการใช้เก้าอี้ฟาดหัว แม้ตัวของ ไอเวอร์สัน จะปฎิเสธการกระทำนั้นแต่เขาก็ถูกพิพากษาจำคุกถึง 4 เดือน
ทุกข์สุดๆ จึงรู้ว่าแม่รักแค่ไหน
4 เดือนในคุกคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ไอเวอร์สัน รู้ว่าใครบ้างที่รักเขาจริงๆ แอน และ ฟรีแมน มักจะมาเยี่ยมเขาในคุกบ่อยๆ และพยายามที่จะทำให้ตัวเขาเห็นค่าในตัวเองว่า "ชีวิตของเขามีดีพอมากกว่าการเข้าๆ ออกๆ คุก"
Photo : bleacherreport.com
เมื่อ ไอเวอร์สัน ได้รับความยุติธรรมและออกมาจากคุกแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเขาใช้ชีวิตยากขึ้นกว่าเติมมาก แม้จะมีร่างกายและพรสวรรค์ที่พร้อมจะเป็นนักบาสเกตบอลที่มีฝีมือ แต่การมีชื่ออยู่ในบัญชีอาชญากรรม กลายเป็นตัวตัดสิทธิ์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับอนาคตของเขา เพราะทุกครั้งที่เขาขอทุนจากโรงเรียนในโควต้านักกีฬา ชื่อของเขาจะถูกปัดทิ้งไปแบบไม่ใยดี เรื่องดังกล่าวทำให้ไอเวอร์สันรู้ว่าความผิดพลาดครั้งนี้ส่งผลอย่างยิ่งต่อชีวิตของเขา
"เมื่อมีคดี อนาคตของผมก็จบ ไม่มีโรงเรียนรับใบสมัครของผมเลย ผมไปมาหมดทุกที่ตั้งแต่โรงเรียนเกรดดีๆ หรือเกรดรองๆ โรงเรียนกีฬาด้วย อะไรก็ช่าง ไม่มีใครสนใจผมเลย" ไอเวอร์สันเล่า
แม้จะรู้แต่ก็ยากจะแก้ไข เขาอายุแค่ 18 ปี เพิ่งจบชั้นไฮสคูล และทำได้เพียงการแสดงฝีมือในสนามเท่านั้น ดังนั้น แอน ไอเวอร์สัน จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญกับชีวิตลูกชายของเขาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เธอแบกหน้าไปยังมหาวิทยาลัย จอร์จทาวน์ เพื่อเจอกับโค้ช จอห์น ธอมป์สัน เหตุผลที่เธอต้องทำแบบนั้นไม่ใช่เธออยากให้ลูกได้เป็นโคตรนักบาสหรืออะไรทั้งนั้น เธอต้องการแค่ ไอเวอร์สัน ได้เรียนหนังสือเพื่อจะได้ไม่ต้องกลับไปสู่วงวันเก่าๆ เท่านั้นเอง
"ตอนนั้นแม่ผมไปที่จอร์จทาวน์ ไปหาโค้ชธอมป์สัน คุณรู้ไหมว่าเธอแทบไปกราบขอร้อง ไม่มีคำว่าศักดิ์ศรีหลงเหลือ เธอบอกกับโค้ชว่า 'ฉันต้องการให้คุณช่วยชีวิตลูกของฉัน ถ้าปล่อยให้เขาไม่ได้รับการศึกษา เขาจะต้องกลับไปอยู่ในคุกอีก และมันจะต้องลงท้ายด้วยความตาย'" นี่คือสิ่งที่ แอน ไอเวอร์สัน ไปก้มหัวพูดกับโค้ชธอมป์สันด้วยตัวเอง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ธอมป์สัน รับปาก แอน และดึงตัว ไอเวอร์สัน เข้าสู่ทีม จอร์จทาวน์ ของเขา
ไอเวอร์สัน ที่เป็นคนมีฝีมือดีอยู่แล้ว ตัดสินใจทำตามที่แม่และโค้ชบอก เขาเลือกเล่นบาสเกตบอลเพียงอย่างเดียวและเลิกสนใจที่จะเป็นนักอเมริกันฟุตบอลไปเลย ดังนั้นพัฒนาการของเขาจึงพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และกลายเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ จอร์จทาวน์ เล่นในระดับมหาวิทยาลัยได้เพียง 2 ปีเท่านั้น เขาก็ถูกโค้ชธอมป์สันผลักดันให้เข้าสู่ NBA ด้วยการลงทะเบียนดราฟต์เดย์ในปี 1996 และกลายเป็นดราฟต์อันดับ 1 ของทีม ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส ในปีนั้น
Photo : thesixersense.com
สเต็ปแรกของ แอน ไอเวอร์สัน ได้ผ่านพ้นไป แม้จะล้มลุกคลุกคลานแต่แม่คนนี้ก็พยายามทั้งผลัก ทั้งเข็น ทั้งขอร้อง ทำทุกอย่างจนลูกชายของเธอกลับสู่เส้นทางที่เธอเชื่อมั่นตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา นั่นคือการได้เล่นใน NBA
ทว่าก้าวต่อไปที่ยิ่งใหญ่กว่าคือหลังจากนี้ ประสบการณ์ที่ ไอเวอร์สัน จะต้องเจอในระดับ NBA คือเมื่อเขาได้รับเงินและชื่อเสียงในแบบที่แม้แต่แม่ของเขาเองก็ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัส อัลเลน ไอเวอร์สัน จะเป็นไปในทิศทางไหน จะพุ่งทะยานถึงขีดสุด หรือแค่ทิ้งโอกาสที่ได้มาแบบไร้ค่า นั่นคือสิ่งที่ แอน ไอเวอร์สัน ได้แต่เฝ้ารอและภาวนาว่ามันจะเป็นไปในทางที่ดี
ลูกชายเขย่า NBA
"ผมไม่ต้องการที่จะเป็นจอร์แดน ผมไม่ต้องการที่จะเป็นแมจิค ผมไม่ต้องการที่จะเป็นเบิร์ด ผมไม่ต้องการที่จะเป็นคนเหล่านั้น เมื่ออาชีพของผมจบผมต้องการมองกระจกและพูดว่า ผมทำมันตามทางของผม" ไอเวอร์สัน ในปีแรกกับ ซิกเซอร์ส กล่าว
Photo : @NBAHistory
นัดแรกที่ ไอเวอร์สัน ลงสนาม นักบาสที่สูงแค่ 180 เซนติเมตร เขาสร้างชื่อทั่วอเมริกาด้วยการทำครอสโอเวอร์ใส่ ไมเคิล จอร์แดน ในเกมพบ ชิคาโก้ บูลส์ เขาหลอก จอร์แดน จนหลงทางและฝ่าเข้าไปทำแต้มได้แบบยิ่งใหญ่ ทุกคนในสนามลุกขึ้นปรบมือ และหลังจากนั้นก็กลายเป็นตำนาน ...
เขาได้รางวัลรุกกี้หรือผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในปี 1997 หลังจากนั้นติดทีมออลสตาร์ของ NBA ทั้งหมด 11 สมัย และยิ่งใหญ่ที่สุดคือการคว้ารางวัล MVP ในปี 2001
สิ่งที่ทุกคนกลัวไม่ใช่เรื่องฝีมือ แต่กลับเป็นเรื่องนิสัยต่างหาก เขามักจะทำตัวตามสบายและถืออภิสิทธิ์เหนือเพื่อนๆ คนอื่นในทีม วินัยของเขาก็ค่อนข้างจะหย่อนยาน ว่ากันว่าเขามักจะโดดซ้อมเป็นประจำ
แรกเริ่มมันไม่ใช่ปัญหาอะไรตราบใดที่เขายังสามารถโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ แต่ปัญหาคือในวันที่เขาฟอร์มตกล่ะ? การขาดวินัยของเขาจะได้รับการลงโทษอย่างไร?
ในสารคดี "Iverson" ของ Netflix ที่เล่าเกี่ยวกับเรื่องราวในช่วงชีวิตต่างๆ ของเขามีการบอกว่า ไอเวอร์สัน เป็นเหมือน "ไวรัส" เพียงแต่ว่าเป็นไวรัส ที่ทีมไม่สามารถกำจัดได้ เพราะมูลค่าทางการตลาดที่สูงลิบนั่นเอง
อย่างไรก็ตามวันนั้นก็มาถึงในปี 2006 เมื่อ ไอเวอร์สัน โดนเทรดไปยัง เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ก่อนที่ฟอร์มการเล่นจะดร็อปจากสมัยที่เล่นให้กับ ซิกเซอร์ส เยอะ หลังจากนั้นเขาโดนเทรดไปทั้ง ดีทรอยต์ พิสตันส์, เมมฟิส กริซลี่ย์ส จนกระทั่งกลับมาตายรังที่ ซิกเซอร์ส อีกครั้งด้วยสภาพที่ไม่ได้ช่วยอะไรทีมมากมายนักในช่วงปี 2009
จุดเริ่มต้นของความตกต่ำของ เอไอ คือเรื่องนอกสนามอย่างแท้จริง วินัยเป็นอันดับแรก และอันดับสองคือการจัดการชีวิตส่วนตัวที่พังเละแทบทุกด้าน ... โดยเฉพาะเรื่องของครอบครัวนั้น นับตั้งแต่เขาแต่งงานกับภรรยาที่ชื่อว่า ทาวันน่า ที่คบกันมาตั้งแต่ปี 2002 แต่กลับมีเรื่องทะเลาะตบตีเป็นประจำ นอกจากนี้ยังมีข่าวหย่าร้างเรื้อรังมาตลอด เรียกได้ว่าเป็นคู่รักทรหดก็ว่าได้
ตลอดชีวิตการเล่นอาชีพของไอเวอร์สันทำเงินได้มากถึง 154,500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ ไอเวอร์สัน กลับใช้เงินของเขาอย่างฟุ่มเฟือยด้วยการซื้อสิ่งของหรูหรา รถยนต์ เครื่องประดับราคาแพง และของยิบย่อยอีกมากมายจนถูกฟ้องร้อง ทั้งคดีพกปืนในที่สาธารณะและเสพกัญชา จนกระทั่งเขาประกาศรีไทร์ไปในปี 2011
Photo : www.revolt.tv
ณ เวลานั้นทุกคนดูเหมือนจะซ้ำเติมในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา เรื่องราวมันรุนแรงถึงขั้นมีการกุข่าวว่าเขาไปนั่งขอเงินยามของห้างสรรพสินค้าในแอตแลนต้าเพื่อเอาไปซื้อชีสเบอร์เกอร์กินประทังความหิว หากจะเดาว่าใครสักคนที่อยู่ข้างเคียงข้างเขา และเชื่อมั่นเสมอว่า อัลเลน ไอเวอร์สัน ไม่ใช่คนที่เลวร้ายและไม่ใช่นักกีฬาที่ล้มเหลว คนๆ นั้นก็คือแม่ของเขานั่นเอง
"ฉันคิดเสมอว่า อัลเลน เป็นคนที่มอบหัวใจให้กับบาสเกตบอลจนหมดสิ้น เขายกหัวใจของเขาให้กับแฟนๆ ไม่ว่าใครจะว่ายังไงแต่ฉันคิดว่าเขาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เขาคือผู้ที่ทำให้เด็กๆ เห็นว่าคนตัวเล็กก็กลายเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ได้ ฉันเรียกเขาว่า 'บิ๊กแมน' เสมอ" แอน ไอเวอร์สัน กล่าวถึงลูกชายของเขาที่จบอาชีพไม่สวยนัก
ว่ากันว่าตั้งแต่ที่ อัลเลน เข้าสู่ NBA แอน ไม่เคยหยุดที่จะไปเชียร์ลูกชายของเธอเลย ภาพที่แฟนๆ ของซิกเซอร์สเห็นคือภาพที่เธอกระโดดดีใจสุดตัวและตะโกนว่า "นั่นลูกฉัน นั่นลูกฉัน" ในเวลาที่ ไอเวอร์สัน ทำแต้มได้ เหนือสิ่งอื่นใดในช่วงเวลาที่ยากลำบากถึงขีดสุด แอน ก็ช่วยเหลือ อัลเลน เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องการช่วยเลี้ยงลูกของ ไอเวอร์สัน ที่มีถึง 5 คน ในช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิงของการหย่าร้างกับ ทาวันนา
Photo : theundefeated.com
ไม่ว่าลูกชายจะโตแค่ไหน แต่สำหรับแม่พวกเขายังเป็นเด็กเสมอ แอน อยู่กับ อัลเลน ในวันที่เขาลำบาก ช่วยประคับประคองครอบครัว ไม่ให้ลูกๆ ของเขาต้องมารับบาปบริสุทธิ์ เรียกได้ว่าการอยู่ข้างๆ นอกจากจะเป็นการให้กำลังใจแล้ว ยังเป็นการเตือนสติ ไอเวอร์สัน ว่า ลูกผู้ชายเต็มตัวที่มีครอบครัวต้องรับผิดชอบนั้นต้องทำตัวอย่างไร
โชคยังดีที่ อัลเลน ไอเวอร์สัน ยังไม่สิ้นไร้ไม้ตอกมากนัก เพราะมีสัญญาฉบับหนึ่งที่เขาเซ็นกับ รีบอก สปอนเซอร์คู่บุญ ไว้ตั้งแต่ปี 2001 รายละเอียดของสัญญาฉบับดังกล่าว นอกจากที่เขาจะได้รับเงินปีละ 800,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตแล้ว รีบอกยังได้วางเงิน 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไว้เพื่อเป็นกองทุนให้กับเขา ซึ่งเขาจะได้เงินก้อนใหญ่ดังกล่าวพร้อมดอกผลตอนอายุ 55 ปี ในปี 2030 แต่ต้องทำตามกฎที่ทางรีบอกตั้งไว้ อาทิ ห้ามเล่นการเล่นพนัน เป็นต้น ดังนั้นเงินก้อนดังกล่าวและกฎที่เขาเซ็นสัญญาว่าไว้คืออีก 1 ปัจจัยที่เรียกสติให้ อัลเลน ไอเวอร์สัน กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้อีกครั้ง
ตกต่ำแค่ไหนก็จงอย่าถอดใจ
สำหรับ ซิกเซอร์ส ต่อให้ อัลเลน ไอเวอร์สัน จะหมดสภาพแค่ไหน เขายังคงเป็นตำนานที่นี่เสมอ ในปี 2013 ซิกเซอร์ส ประกาศรีไทร์เสื้อหมายเลข 3 ของ ไอเวอร์สัน และในปี 2016 ไอเวอร์สัน ถูกบรรจุเข้าสู่หอเกียรติยศของ NBA
Photo : www.libertyballers.com
เมื่อชื่อของ อัลเลน ไอเวอร์สัน ถูกประกาศ เขาเดินขึ้นมาพร้อมกับการปาดน้ำตา 2-3 ครั้งและขึ้นไปอยู่โพเดียม เขาเริ่มพูดถึงสิ่งต่างๆ ที่เขาทำมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือผิดพลาด จนกระทั่งมาถึงเรื่องของแม่ แอน ไอเวอร์สัน ซิงเกิลมัมที่ทำให้เขามีทุกวันนี้ได้
แม้ในช่วงวัยรุ่น อัลเลน ไอเวอร์สัน ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร แต่เขาก็จดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจนจนแม่ของเขาไม่อยากจะเชื่อ แอน เองคิดว่าลูกชายของเขาคงลืมสิ่งที่เธอทำไปบ้างแล้ว แต่มันกลับกัน อัลเลน จำได้และเล่าให้ทุกคนในงานประกาศรางวัลครั้งนั้นรู้ว่า แม่ของเขาสุดยอดขนาดไหน
"เรื่องมันก็หลายปีมาแล้วนะ ฉันคิดว่าเขาคงจะลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว แต่ในวันที่เขากล่าวในงานฮอล ออฟ เฟม ฉันได้แต่นั่งมองลูกชายของฉันแล้วก็อุทานว่า ให้ตายเถอะพระเจ้าเขายังไม่ลืมมันนี่นา" แอน กล่าวกับสื่อ Undefeat
"อารมณ์ทุกอย่างพุ่งพล่านมาก ฉันประทับใจจริงๆ คำพูดของเขามีความหมายต่อสภาพจิตใจของฉันมากในฐานะแม่ของลูก มันรู้สึกดีมากที่สิ่งที่ฉันตั้งใจทำเพื่อเขายังอยู่ในหัวใจและความทรงจำของเขาเสมอโดยที่เขาไม่ลืมมันเลย"
ไม่ใช่แค่ อัลเลน ไอเวอร์สัน เท่านั้นที่จำทุกเรื่องได้ แม่ของเขาก็เหมือนกัน แอน มีสิ่งที่จะพูดถึงลูกชายของเธอให้ผู้คนรู้ ...
Photo : hoopshype.com
"แม่จะบ้าเหรอ ผมไม่ไปฝึกบาสเกตบอลบ้าบออะไรนั่นหรอก มันกีฬาของพวกติ๋มๆ เล่นกัน มันอ่อนน่ะผมจะบอกให้ ผมอยากจะเป็นนักฟุตบอลแม่เข้าใจป่ะ?" แอน เล่าย้อนไปถึงวันที่ลูกชายปฏิเสธ ทว่าสุดท้ายพลังของเธอก็มากพอที่จะดึง อัลเลน กลับมาเป็นคนเต็มคนและกลายเป็นนักบาสที่โลกไม่มีวันลืม
"มันไม่ได้อ่อนตุ๋มติ๋มเลยสักนิดแกว่าไหมล่ะ? กระดูกที่หักไปหลายซี่บอกแกได้อย่างดีเลยใช่ไหม? บาสเป็นสิ่งที่แม่รักและสิ่งที่แม่ตั้งใจจะเลือกให้แก แม่ทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นแกไปเล่นฟุตบอลแล้วโดนคนอื่นไล่อัดจนตัวขาดครึ่ง" แอน ไอเวอร์สัน กล่าวปิดท้าย