ศึกที่ไม่มีคนอยากชนะ : เรื่องราวศัตรูที่รักระหว่าง เฟเดอเรอร์ และ นาดาล
ยุทธจักรของเทนนิสนับตั้งแต่เข้ายุคปี 2000 เป็นต้นมา ไม่มีคู่ปรับคู่ใดที่คู่คี่สูสี มีสตอรี่ และ ชิงชัยกันมากไปกว่า โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ ราฟาเอล นาดาล อีกแล้ว
การฟาดฟันระหว่างทั้งคู่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการเทนนิสมากมาย และหนึ่งในนั้นคือการสร้างคำถามโลกแตกขึ้นมาว่า "ที่สุดแล้วใครคือนักเทนนิสที่เก่งกว่ากัน?"
เพราะนี่คือกีฬาที่ต้องดวลกันแบบ 1 ต่อ 1 และทั้งคู่ก็เป็นพวก "เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์" หรือต้องทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ดีที่สุดเท่านั้น เมื่อนั้นการห้ำหั่นเฉือนคมทั้งในและนอกสนามจึงเกิดขึ้น และผ่านเวลามากว่า 20 ปี ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ยังตอบไม่ได้ชัดเจนสักที
ติดตามเรื่องราวการชิงเบอร์ 1 ของโลก ที่เริ่มต้นด้วยการเป็นคู่แข่ง และรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นศัตรูที่รักได้ที่นี่
'Swiss Bliss' และ 'Raging Bull'
ว่ากันว่าเพราะความแตกต่างทำให้โลกเรานั้นมีสีสัน คำกล่าวนี้ถือว่าใช้อ้างอิงถึง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสจาก สวิตเซอร์แลนด์ และ ราฟาเอล นาดาล จาก สเปน ได้อย่างดีที่สุด
ตัวของ เฟเดอเรอร์ นั้นถือว่าแจ้งเกิดก่อนอยู่พักใหญ่เนื่องจากเขาอายุมากกว่า นาดาล อยู่ 5 ปี ช่วงที่ เฟเดอเรอร์ สร้างชื่อเสียงนั้นถือเป็นช่วงสืบทอดรอยต่อระหว่างนักเทนนิสคู่ปรับแห่งยุค 90's อย่าง พีท แซมพราส และ อังเดร อากัสซี่ พอดิบพอดี
Photo : www.tennisworldusa.org
เฟเดอเรอร์ นั้นถูกเรียว่าเด็กอัจฉริยะ เทิร์นโปรตั้งแต่อายุ 17 ปี ซึ่งในช่วงที่เทิร์นโปรขึ้นมาก็ถีบตัวเองขึ้นติดอันดับท็อป 100 ของโลกได้อย่างรวดเร็ว ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่เหมือนกับนักเทนนิสวัยรุ่นคนอื่นๆ เพราะลายเซ็นของการหวดเทนนิสฉบับ เฟเดอเรอร์ คือ สง่างาม, แน่นอน และ มีช็อตฆ่าคู่ต่อสู้ที่เฉียบขาด
แค่ 5 ปีในระดับอาชีพ เฟเดอเรอร์ ก็คว้าแกรนด์สแลมแรกได้แล้วด้วยการคว้าแชมป์ วิมเบิลดัน ในปี 2003 ก่อนที่คล้อยหลังจากนั้นเพียงปีเดียว เฟเดอเรอร์ กลายเป็นนักหวดมือ 1 ของโลก
ขณะที่ นาดาล นั้นเทิร์นโปรในปี 2001 ด้วยวัยเพียง 15 ปีเท่านั้น แม้จะเล่นในสไตล์ที่ไม่ต่างจากวัยรุ่นทั่วไป คือ ดุดัน รวดเร็ว วิ่งไล่กวดทุกจังหวะ ไม่ยอมเสียแต้มง่ายๆ เพียงแต่สิ่งที่ นาดาล แตกต่างจากเด็กรุ่นเดียวกัน คือเขาเป็นคนที่มีสภาพจิตใจแข็งแกร่งเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นเบอร์ 1 และที่สำคัญคือเรื่องทักษะต่างๆ นั้นไปไกลเกินกว่าอายุแล้ว
Photo : Yahoo
และแล้วเส้นทางระหว่าง "Swiss Bliss" (จอมสุนทรีย์จากสวิส) และ "Raging Bull" (เจ้ากระทิงโกรธา) ก็มาบรรจบกันในปี 2004 ที่รายการ ไมอามี่ มาสเตอร์ส ณ เวลานั้น เฟเดอเรอร์ คือมือ 1 ของโลก ขณะที่ นาดาล วัยย่าง 18 ปี เป็นมืออันดับ 35 ของโลก
การประมือในวันนั้นทำให้ เฟเดอเรอร์ ได้ย้อนภาพกลับไปเห็นตัวเองในวัยหนุ่ม วันที่เขาเป็นนักเทนนิสดาวร่งในยุค 90's ที่เจอกับมือ 1 ของโลกอย่าง แซมพราส และ อากัสซี่ ... นาดาล มาในชุดสีแดงแขนกุด และลุยใส่ เฟเดอเรอร์ แบบไม่กลัวดีกรี
"ถ้า เฟอเดอเรอร์ รีดฟอร์มที่ดีที่สุดออกมา ผมคงไม่มีโอกาสชนะ แต่ในการแข่งขันอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าคนอย่างผมอยู่ในฟอร์มที่โคตรของโคตรสุดยอด และเขาเกิดแกว่งขึ้นมา ผมว่าผมชนะได้นะ" คำกล่าวของ นาดาล ก่อนปะทะมือ 1 ของโลกแสดงให้เห็นว่า ศึกครั้งนี้เขาไม่ได้หวังเก็บแค่ประสบการณ์แบบที่ใครคิดอย่างเดียว แต่เขาหวังไปถึงการชนะมือ 1 ของโลกเลยทีเดียว
Photo : Tennis World USA
Bleacher Report ให้คำนิยามของ นาดาล ในแมตช์ดังกล่าวว่าเป็นเหมือนแมตช์ที่นำส่วนประกอบต่างๆที่มีในตัวออกมาใช้อย่างถูกที่ถูกเวลา ทั้งจิตวิทยา, ความเรียบง่าย และความอ่อนน้อมถ่อมตน
"เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เป็นรองสุดกู่ มันทำให้ นาดาล เล่นได้ดียิ่งกว่าเดิม เขาไม่มีอะไรจะเสีย หากว่าเขาแพ้นั่นคือเสมอตัวเพราะแพ้มือ 1 ของโลก แต่ถ้าเขาจะชนะนั่นหมายความว่าเขาเป็นนักเทนนิสระดับโลก" เจ.เอ. อัลเลน นักเขียนของ Bleacher Report ว่าถึงบรรยากาศในเกมนั้น
"นาดาลไม่ยอมแพ้และกัดไม่ปล่อย เหมือนหมาพิทบูลที่เมื่อได้งับใครเข้าที่น่องแล้วมันจะสะบัดสุดแรงจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย และถ้าคุณอยากจะให้มันหลุดจากขาของคุณแล้วล่ะก็ ... ตัดขาของคุณทิ้งยังง่ายเสียกว่า"
ผลการแข่งขันในวันนั้น นาดาล เอาชนะ เฟเดอเรอร์ แบบ 2 เซ็ตรวดด้วยคะแนน 6-3 และ 6-3 และหลังจากนั้นหนทางครองมือ 1 ของโลกไปจนเลิกเล่นของ เฟเดอเรอร์ ก็ต้องเจอกับตัวปัญหาเข้าให้แล้ว
ศึกแย่งชิงหมายเลข 1...ที่ทั้งคู่ไม่ต้องการ
หลังจากคว่ำ เฟเดอเรอร์ ได้ในครั้งนั้น นาดาล ไต่ระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะเข้าวงการช้ากว่า แต่เมื่อเครื่องติด มันคือการไล่ล่าแบบหายใจรดต้นคอ แม้จะยังไม่ถึงระดับแชมป์แกรนด์สแลม ทว่า นาดาล เริ่มถูกสื่อพูดถึงในแง่ของว่าที่นักเทนนิสชาวสเปนที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป้าเดียวที่ขวางทางเขาอยู่ก็คือ "เฟดเอ็กซ์" นั่นเอง
ตัวของ นาดาล เองก็มอง เฟเดอเรอร์ เป็นคู่แข่งที่พยายามจะก้าวข้ามให้ได้ เขาพัฒนาตัวเองจนถูกเรียกว่า "ราชาคอร์ทดิน" หลังจากชนะรวด 24 แมตช์ติดต่อกันบนคอร์ทดิน ทำลายสถิติของตำนานอย่าง อากัสซี่ และคว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกอย่าง เฟรนช์ โอเพ่น ในปี 2005 ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยทีนเอจ
Photo : www.abc.net.au
ขณะที่ เฟเดอเรอร์ นั้นเป็นผู้เล่นที่มาตรฐานไม่เคยตก รักษาฟอร์มการเล่นของตัวเองมาได้ดีตลอด หลังจากเจอกันครั้งแรก นาดาล และ เฟเดอเรอร์ ต้อง "เจอกันทุกปี" และ "แทบทุกรายการ" เท่าที่คุณจะนึกออกในเกมเทนนิสระดับสูง ต่างคนต่างประสบความสำเร็จ ต่างคนต่างกวาดแชมป์ จนทำให้เกิดปัญหาโลกแตกว่า "ตกลงแล้วใครเก่งกว่ากัน?"
คำถามดังกล่าวแบ่งแฟนเทนนิสออกเป็น 2 ฝั่ง ... ส่วนใหญ่ฝั่งหนึ่งจะให้ความเห็นว่า เฟเดอเรอร์ คือเบอร์ 1 ที่แท้จริง เพราะทุกอย่างที่เขาทำเป็นธรรมชาติและดูไร้ที่ติ เหมือนกับออกมาจากหนังสือเรียนเทนนิสเด๊ะๆ และในแง่ของถ้วยรางวัลที่เขากวาดแชมป์แกรนด์สแลมมากมาย
แต่อีกฝั่งก็บอกว่า นาดาล ควรจะเป็นนักเทนนิสที่เก่งยิ่งกว่า เพราะสถิติเฮดทูเฮดระหว่างทั้งคู่ นาดาล เหนือกว่าชัดเจน โดยเฉพาะการเจอกัน 10 ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004-2007 นาดาล เอาชนะได้ถึง 7 ครั้ง ขณะที่ เฟเดอเรอร์ ชนะนาดาลได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้นเอง
Photo : www.supernewsworld.com
ปัญหาดังกล่าวเถียงกันอย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งมีนายทุนตัดสินใจทุ่มเงิน 1.63 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ "วัดให้ชัดๆ" ไปเลย ด้วยการเนรมิตรคอร์ทเทนนิส ที่แบ่งครึ่งระหว่าง คอร์ทดิน และ คอร์ทหญ้า อย่างละครึ่ง และให้ทั้งสองฝั่งสลับกันตีเพื่อความเท่าเทียม พวกเขาเชื่อว่าการทำแบบนี้จะยุติปัญหาโลกแตกนี้เสียที
ในเวลานั้น นาดาล กำลังชนะบนคอร์ทดินมาติดต่อกัน 72 ครั้ง ขณะที่ เฟเดอเรอร์ ชนะบนคอร์ทหญ้ามาติดต่อกัน 48 ครั้ง ... ทั้งคู่ชอบใจกับแนวคิดนี้และตัดสินใจลงแข่งแมตช์ตัดสินที่จัดขึ้นใน มายอร์ก้า บ้านเกิดของนาดาล
"ถ้า โรเจอร์ พีกขึ้นมา ผมจะต้องเล่นให้อยู่ระดับที่เหลือเชื่อ (Unbelievable) ถ้าไม่อย่างนั้นไม่มีทางชนะเขา เมื่อ โรเจอร์ อยู่ในสภาพที่เต็มร้อย เขาจะเป็นเหมือนคนที่มาจากอีกโลกหนึ่ง และไม่มีวันที่จะหยุดเขาได้ง่ายๆ" นาดาล กล่าวในปี 2007
การดวลกันบนคอร์ทครึ่งดินครึ่งหญ้า ผลการแข่ขันในวันนั้น นาดาล เป็นฝ่ายชนะ ... ซึ่งถ้าหากว่านี่เป็นศึกตัดสินจริงๆ โลกควรจะได้คำตอบสำหรับคำถามโลกแตกไปแล้ว ทั้งๆ ที่แฟนคลับของ นาดาล เป็นฝ่ายเฮ และ ฝั่งเฟเดอเรอร์ เป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บใจ แต่ตัวของนักเทนนิสทั้ง 2 ฝั่งไม่ได้คิดเช่นนั้น โดยเฉพาะตัวของผู้ชนะอย่าง นาดาล ที่บอกว่า "เฟเดอเรอร์ ไม่ใช่คนที่เขาอยู่เหนือกว่า"
Photo : www.sportsflu.com
"ถ้ามีใครสักคนบอกว่าผมเป็นนักเทนนิสที่ดีกว่า โรเจอร์ ผมสามารถบอกได้เลยว่า คนๆ นั้นไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเทนนิสเลยแม้แต่นิดเดียว" นาดาล ซูฮกผู้แพ้และทำให้การช่วงชิงความเป็น 1 ของทั้งคู่ต้องดำเนินต่อไป ... ไม่ใช่ในฐานะ "คู่ปรับ" อย่างที่ใครอยากเห็น แต่เป็นฐานะยอดฝีมือที่ต่างยอมรับความยอดเยี่ยมของกันและกัน
ศัตรูที่รัก
ทุกเกมที่ทั้งสองคนลงแข่งขันกัน ภาพรวมของการแข่งจะออกมาในทิศทางที่ดุเดือด จนพาลจะทำให้หลายคนคิดว่าพวกเขาทั้งคู่แอบซ่อนความอยากเอาชนะ เพื่อเป็น 1 ในปฐพี แต่ในความจริงคือเมื่อนานวันผ่านไป การไล่ตีไล่หวดกันมาตลอด 2 ทศวรรษ ทำให้ทุกคนรู้ว่า คำถามว่า "นาดาล กับ เฟเดอเรอร์ ใครกันแน่ที่เก่งกว่ากัน?" คือคำถามที่ไม่มีคำตอบ (ที่พอใจสำหรับทุกคน)
ทั้งคู่ทำในสิ่งที่ง่ายกว่าการหาคำตอบ นั่นคือการยอมรับในฝีมือของกันและกัน เท่านั้นก็จบเรื่อง ... โดยเฉพาะตัวของ นาดาล เองที่เป็นนักเทนนิสไม่กี่คนบนโลกนี้ที่มีสถิติเฮดทูเฮดเหนือ เฟเดอเรอร์ (สถิติถึงสิ้นสุดปี 2019 นาดาล ชนะ 24 เฟเดอเรอร์ ชนะ 16) ก็ยังยอมรับว่า ทุกครั้งที่เล่นกับ เฟเดอเรอร์ เขาไม่เคยคิดถึงสถิติที่ผ่านมา มีแต่การใส่สุดฝีมือเพื่อคว่ำคนที่ถูกยกย่องว่าเป็น "GOAT" ของวงการเทนนิสเท่านั้น
Photo : The Pitt News
"เมื่อคุณเดินลงคอร์ทเพื่อแข่งกับเขา ผมรู้สึกได้ว่าผมกำลังจะได้เล่นกับคู่แข่งที่ไม่น่าเชื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไม่สามารถช่วยให้ผมรอดจากความพ่ายแพ้ได้ ดังนั้นผมจึงเล่นทุกแมตช์กับเขา ด้วยการหวังว่าแมตช์นี้จะเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ และการแข่งกับเขาแต่ละครั้งไม่เคยให้ความรู้สึกที่ซ้ำกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว" นาดาล กล่าวถึง เฟเดอเรอร์ ด้วยการคารวะจากใจจริง
ขณะที่ เฟเดอเรอร์ เองก็ไม่ต่างกัน เมื่อมีคนมอบความยกย่องให้ เขาก็ไม่ลังเลที่จะตอบกลับเหมือนกับที่ได้มา การแพ้นาดาลบ่อยครั้งไม่ได้ทำให้เขาเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ความพ่ายแพ้เหล่านั้นทำให้ เฟเดอเรอร์ กลายเป็นคนที่ตามเชียร์นาดาลอยู่เสมอมา โดยไม่กลัวว่าวันหนึ่งสถิติแชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุด 20 รายการของเขาจะถูกทำลาย ทั้งๆ ที่ตอนนี้ จำนวนแชมป์แกรนด์สแลมของนาดาลตามหลังเขาเพียงแค่ 1 รายการเท่านั้น
"ผมเป็นแฟนอันดับ 1 ของ ราฟา ผมคิดว่าการเล่นของเขายอดเยี่ยมที่สุด นี่คือคู่แข่งที่น่าเหลือเชื่อ ผมดีใจเรามีการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา" เฟดเอ็กซ์ กล่าว
ไม่มีคำพูดเสียดสีกันเหมือนกับการชิงตำแหน่งหมายเลข 1 ในวงการอื่นๆ แม้จะมีการบิลด์ให้ทั้งคู่พูดอะไรที่ดุเดือดถึงกันบ้างเพื่อสร้างสตอรี่ให้กับการแข่งขัน แต่เรื่องราวระหว่าง นาดาล กับ เฟเดอเรอร์ สามารถเรียกว่ามิตรภาพได้อย่างเต็มปาก ทั้งสองคนมักจะพูดถึงกันในแง่ดีเสมอ และต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกเอาใจช่วย ในวันที่แต่ละคนอายุมากขึ้น, อยู่ในช่วงฟอร์มตก หรือแม้กระทั่งต้องเจอกับอาการบาดเจ็บ ที่อาจจะเป็นเหตุผลทำให้การแข่งขันที่ทั้งคู่ไม่อยากให้ถึงตอนจบนั้นต้องจบลงก่อนเวลาอันควร
Photo : UBITENNIS
"ผมคิดว่าเราทั้งคู่เป็นคนที่มีบุคลิกแตกต่างกันมาก รวมถึงสไตล์การเล่นด้วย ทุกอย่างต่างกันคนละขั้ว แต่ถึงอย่างนั้นเราทั้งคู่ก็หาเส้นทางไปสู่ความเก่งกาจในแบบของตัวเองได้" เฟเดอเรอร์ สรุปถึงเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาจึงตอบคำถามโลกแตกไม่ได้เสียที
สุดท้ายก็กลายเป็นว่าตำแหน่งผู้เล่นที่ดีที่สุดโลก ต่างก็ไม่มีใครต้องการจะรับมัน ทั้งคู่เหมือนกับเด็กน้อยที่รู้จักแต่ความสนุก รีดพลังของตัวเองออกมาให้เต็มที่ทุกครั้งที่ได้แข่งขันกันเท่านั้น ส่วนเรื่องผลการแข่งขัน ... ก็แล้วแต่ว่าวันนั้นใครเล่นได้ดีกว่า รวมถึงคนดูจะคิดและตัดสินกันอย่างไร
มิตรภาพระหว่าง ราฟาเอล นาดาล และ โรเจอร์ เฟเดเรอร์ คือความยิ่งใหญ่ที่โลกเทนนิสจะต้องจดจำ ... บางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นต้องชนะไปเสียทุกเรื่อง แค่เสพความสุขกับช่วงเวลาที่พิเศษที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่าแล้ว สำหรับการที่ได้เจอกับใครสักคนที่ทำให้เราสามารถข้ามขีดจำกัดของตัวเองมาได้จนไม่น่าเชื่อ