ดีลอิหยังวะ? : โรบินโญ่ แข้งดังที่ย้ายทีมโดยไม่รู้ว่าทีมที่กำลังจะตกลงด้วยคือทีมอะไร

ดีลอิหยังวะ? : โรบินโญ่ แข้งดังที่ย้ายทีมโดยไม่รู้ว่าทีมที่กำลังจะตกลงด้วยคือทีมอะไร

ดีลอิหยังวะ? : โรบินโญ่ แข้งดังที่ย้ายทีมโดยไม่รู้ว่าทีมที่กำลังจะตกลงด้วยคือทีมอะไร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตลาดซื้อขายนักเตะยุคปัจจุบันนั้นมีความดุเดือด ชิงไหวชิงพริบกันทุกเรื่องจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย ... 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายมากถึง ทุกอย่างต้องแข่งกับเวลา ลมปากของเอเย่นต์ จึงทำให้ข้อเสนอและรายละเอียดผิดเพี้ยนไป จนทำให้เกิดเรื่องเพี้ยนๆ สุดฮาที่ตามมาในภายหลัง

นี่คือเรื่องราวการซื้อขายที่ปิดดีลได้อย่างเฉียบขาดในเวลาที่เหลือแค่ 24 ชั่วโมง ทว่าในแง่ของผลลัพธ์นั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

ติดตามประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้ของ แมนฯ ซิตี้ และ โรบินโญ่ ได้ที่นี่

"นิว เปเล่"

แม้ทั่วโลกจะมีการถกเถียงกันว่าระหว่าง เปเล่ กับ ดิเอโก้ มาราโดน่า ใครคือนักเตะที่ดีที่สุดในโลกกันแน่? ทว่าสำหรับชาวบราซิล เปเล่ คือนักเตะที่พวกเขายกย่องว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลตลอดกาล 


Photo : www.worldsoccer.com

ไม่ใช่แค่เรื่องของการยิงประตู แต่ด้วยคาแร็คเตอร์ และความเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่สามารถไปปรากฎตัวในวงการอื่นๆ ได้สบายๆ นั่นจึงทำให้ เปเล่ คือคำจำกัดความของนักเตะที่ครบเครื่องทั้งเรื่องในและนอกสนาม 

ดังนั้นเมื่อในวงการฟุตบอลบราซิลมีนักเตะดาวรุ่งแจ้งเกิดขึ้นมาได้ เด็กหนุ่มเหล่านั้นจะถูกตั้งความหวังว่า "นิว เปเล่" ซึ่งหลายคนก็เจ๊งไม่เป็นท่าเพราะความกดดันเหล่านั้น จนกระทั่งหลายปีผ่านไปในสโมสร ซานโตส ทีมที่ เปเล่ สร้างชื่อเมื่อครั้งอดีต มีเด็กมหัศจรรย์ที่ทุกคนเชื่อว่านี่คือคนที่ "ใกล้เคียง" กับฉายานั้นมากที่สุด ... นั่นก็คือ โรบินโญ่ 


Photo : www.footballwhispers.com

"ในตอนแรกมันโคตรยากเลยคุณรู้ไหม เพราะ เปเล่ คือนักเตะที่ใครก็เปรียบเทียบไม่ได้ คุณจะเอาอะไรไปเปรียบกับคนที่ยิงประตูได้เป็นพันลูก" โรบินโญ่ ที่ขึ้นชุดใหญ่ของ ซานโตส ตั้งแต่อายุ 17 ปี กล่าวกับ FourFourTwo

ดาวรุ่งที่มีแววจะก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับโลกแค่ฝีเท้าอย่างเดียวนั้นไม่พอ และ โรบินโญ่ รู้ดี สำหรับเรื่องนี้เขาเป็นเด็กดีที่ฟังโค้ชและรุ่นพี่ในทีมซานโตสสอน โดยเฉพาะกุนซือของ ซานโตส อย่าง เอแดร์สัน เลเอา ที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมทีมของ เปเล่ ในทีมชาติ บราซิล เมื่อครั้งอดีต 

"เลเอา บอกผมว่า ไอ้หนูแกเป็นผู้เล่นที่โคตรเก่งเลย แกสามารถเป็นเหมือน เปเล่ ได้แน่ แต่แกจงจำไว้ เปเล่ คือ เปเล่ ส่วน โรบินโญ่ นั้นต้องเติบโตเป็น โรบินโญ่ เท่านั้น" นี่คือประโยชน์ของการมีเจ้านายที่เป็นทั้ง โค้ช และ ครูชีวิตในคนเดียว 


Photo : UdeChileVideos

โรบินโญ่ พัฒนาฝีเท้าและสภาพจิตใจตัวเองให้รับกับแรงกดดันในเกมระดับสูงได้ดีขึ้นภายในเวลาปีเดียว ในปี 2004 เขายิงไป 32 ประตูจากการลงเล่น 55 เกม (รวมทุกรายการ) และในวัย 20 ปี ตอนนี้บิ๊กทีมทั่วยุโรปเริ่มยื่นข้อเสนอให้กับเขาแล้ว 

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น โรบินโญ่ มีความคิดที่ค่อนข้างดีกว่านักเตะดาวรุ่งทั่วไป เขามีข่าวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด, บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ในเวลานั้น ทว่าเขาก็ไม่เลือกที่จะย้ายทีมในทันที เพราะเชื่อว่าการอยู่สั่งสมประสบการณ์และรอเวลาที่เหมาะสมจริงๆ แล้วค่อยย้ายคือหนทางที่ถูกต้องที่สุด นั่นจึงทำให้เขาเลือกปฏิเสธทุกข้อเสนอจากบิ๊กทีมต่างๆ 

และเขาก็คิดถูก โรบินโญ่ เล่นให้กับ ซานโตส ไปอีกครึ่งปี จนเขากลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในลีกบราซิล และก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะของทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ ... และตอนนี้ เวลาที่เหมาะสมก็เดินทางมาถึง ซึ่ง โรบินโญ่ ก็ได้เลือกขึ้นมา 1 ทีมจากข้อเสนอที่มีมากมาย

เรอัล มาดริด 

เรอัล มาดริด ทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ณ เวลานั้นคือเป้าหมายต่อไปของเขา ทีมที่มีนักเตะอย่าง ราอูล กอนซาเลซ, โรนัลโด้ (R9) และ ซีเนดีน ซีดาน ในตำแหน่งเกมรุกที่เขาต้องเข้าไปแย่งชิงตำแหน่งเดียวกัน 


Photo : www.foxsports.com.br

"อาจจะเป็นข้อเสนอที่เลือกยาก (ข้อเสนอจากหลายทีมดัง) แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ มาดริด เป็นทีมที่แสดงความสนใจในตัวผมมากที่สุด ผมรู้จักสโมสรนี้ในฐานะทีมที่มีแฟนบอลยอดเยี่ยมที่สุด เมื่อ มาดริด ต้องการผม ผมรู้ทันทีว่าใช่เพราะพวกเขามีกลุ่มนักเตะบราซิลขนาดใหญ่ และมีโค้ชบราซิลอย่าง วันแดร์เลย์ ลุกซอมเบอร์โก้ ด้วย"  คำตอบนี้ยืนยันว่า โรบินโญ่ รู้จักทุกอย่างที่ มาดริด เป็นอย่างดีจึงเลือกตัดสินใจย้ายมาที่นี่ เมื่อช่วงตลาดหน้าร้อน ฤดูกาล 2005-06

โรบินโญ่ ถือว่ามีช่วงเวลาที่ดีในระดับที่ถูกจดจำได้แม่นในฐานะนักเตะของ มาดริด คนหนึ่ง และการเป็นนักจบสกอร์ เขาลงเล่นด้วยการเป็นดาวซัลโวอันดับ 3 ของทีมรองจาก ราอูล และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ขณะที่สถิติก็การันตี โดยยิงทั้งหมด 35 ประตูจาก 135 เกม (รวมทุกรายการ) ให้กับ มาดริด ถือเป็นตัวเลขที่ไม่เลวเลย นอกจากนี้เขายังเป็น เอ็นเตอร์เทนเนอร์ ตัวจริง ทุกครั้งที่ได้บอล โรบินโญ่ จะใช้ทักษะแบบบราซิเลียนเพื่อเรียกเสียงฮือฮาได้เสมอ และเขาก็เติบโตขึ้นมากจากประสบการณ์ที่ เบอร์นาเบว


Photo : @RMadridHome_

อย่างไรก็ตามที่ เรอัล มาดริด แค่นั้นยังไม่พอ แม้ โรบินโญ่ จะเป็นนักเตะที่ดีในยุคที่ มาดริด เปลี่ยนกุนซือเป็นว่าเล่นทั้ง ลุกซอมเบอร์โก้, ฟาบิโอ คาเปลโล่ และ แบรนด์ ชูสเตอร์ ทว่าทีมๆ นี้ต้องการมากกว่านั้น โดยเฉพาะในยุคที่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เป็นประธาน (ครั้งแรก) เขาตั้งใจจะสร้าง "กาลาติกอส" ที่หมายความว่าทีมที่รวมซูเปอร์สตาร์ระดับโลกไว้ด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่า โรบินโญ่ ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น 

โดยเฉพาะในยุคของ คาเปลโล่ นั้น โรบินโญ่ ใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ม้านั่งสำรอง ด้วยเหตุผลที่เขาก็อธิบายไม่ถูก ตัวของ โรบินโญ่ พยายามไม่บ่นและเรียกร้องอะไรมากมายนัก คาเปลโล่ สั่งอะไรเขาก็ทำ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเขากับรู้สึกว่าหลายสิ่งมันเป็นไปอย่างไม่ถูกต้อง และเขาเริ่มรู้สึกว่าเวลาของสโมสรที่เขาชื่นชอบใกล้จะจบลงแล้ว

"ผมไม่สามารถบ่นอะไรได้เลยจากการตัดสินใจของ คาเปลโล่ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปผมเริ่มไม่มีความสุขบนม้านั่งสำรอง ได้ลงเล่นในช่วงท้ายครึ่งหลัง หนักที่สุดคือการถูกจับลงไปเล่นตำแหน่งที่ผมไม่เคยเล่นอย่างเช่นฟูลแบ็ค (ตำแหน่งกองหลัง)" 


Photo : www.theguardian.com

เมื่อความไม่พอใจเริ่มถูกแสดงออกมา และ คาเปลโล่ ก็ยืนยันว่าสถานการณ์จะไม่เปลี่ยนแปลง สโมสรต่างๆ ในยุโรปจึงหูผึ่งและมองมายัง โรบินโญ่ เพื่อขอซื้อตัวไปร่วมทีมในช่วงตลาดซื้อขายฤดูร้อน ฤดูกาล 2008-09 

"ผมไม่เสียใจที่ผมต้องย้ายออก มาดริด เปิดโอกาสให้ผมรู้จักฟุตบอลยุโรป แต่บางครั้งผมก็ต้องสู้เพื่อตัวเอง ผมได้ทุ่มเทให้กับทีมอย่างที่สุดแล้ว ผมทำให้ทีมได้รับชัยชนะในหลายเกม ทว่าตอนนั้นผมมีความตั้งใจว่าจะย้ายออกแน่นอนที่สุด" โรบินโญ่ กล่าว

ที่ไหนก็ได้แต่ย้ายแน่!

เอเย่นต์ของ โรบินโญ่ เริ่มทำงานด้วยการเดินทางไปคุยกับหลายสโมสรที่อังกฤษ โดย 2 ทีมที่ให้ความสนใจและพร้อมสู้ทั้งค่าเหนื่อยและค่าตัวของ โรบินโญ่ คือ เชลซี กับ แมนฯ ซิตี้ 2 สโมสรที่นำเทรนด์การมีเจ้าของเป็นมหาเศรษฐีในอังกฤษ


Photo : elbocon.pe

แรกเริ่มนั้น เชลซี มีภาษีดีกว่าในดีลนี้ เพราะ หลุยส์ เฟลิปเป้ สโคลารี่ กุนซือของ สิงห์บลูส์ นั้นเป็นโค้ชที่เคยร่วมงานกับ โรบินโญ่ มาแล้วในทีมชาติบราซิล อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ ในยุคที่ ชีค มานซูร์ เพิ่งจะเทคโอเวอร์ทีมต่อจากเจ้าของเดิมชาวไทยอย่าง ทักษิณ ชินวัตร แบบสดๆ ร้อนๆ ก็ต้องการแสดงให้เห็นถึงความต่างระหว่างเงินของเศรษฐีไทย กับเงินของเศรษฐีจากกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

"จริงๆ เป้าหมายในใจผมคือเชลซี เพราะ บิ๊กฟิล (สโคลารี่) บอกผมเองเลยว่า ถ้าผมไปที่นั่นผมจะเป็นนักเตะที่สร้างความแตกต่างให้กับทีมได้" โรบินโญ่ ยืนยันสิ่งทีเกิดขึ้นในความคิดของเขา ณ เวลานั้น 

ความจริงดีลนี้ควรจะจบตั้งแต่นักเตะอยากไป และมาดริด ก็พร้อมจะขายเพื่อหาเงินเข้ามาซื้อสตาร์คนใหม่แล้ว แต่ เชลซี กลับทำเรื่องที่ มาดริด ให้อภัยไม่ได้ ด้วยการลงขายเสื้อแข่งของทีมที่มีชื่อ โรบินโญ่ ติดอยู่ตั้งแต่การเจรจายังไม่ลุล่วง 100% ซึ่งจุดนี้เองทำให้ มาดริด มองว่าพวกเขาโดนลูบคม และดีลจาก เชลซี ก็โดนล้มเลิกไปในที่สุด

ดังนั้นม้าอีกตัวก็วิ่งฉิวและเข้าวินแบบสบายๆ ชีค มานซูร์ มาพร้อมกับโปรเจ็คต์ที่จะทำให้ ซิตี้ กลายเป็นทีมที่เต็มไปด้วยสตาร์เหมือนกับ เรอัล มาดริด ... ต่อจากนี้ไปจะไม่มีการซื้อนักเตะเกรดกลางๆ เหมือนที่เคยล้มเหลวกับ โรลันโด้ เบียงคี่, จอร์จอส ซามาราส, โจวานนี่, เวดราน ชอร์ลูก้า และอื่นๆ ก่อนหน้านี้อีกแล้ว 


Photo : www.flickriver.com

และการเปิดตัวด้วยบิ๊กเนมระดับ โรบินโญ่ ในดีลแรกของกลุ่มทุนจากอาบูดาบี คือการทำโปรเจ็คต์ดังกล่าวให้เห็นเป็นภาพที่ชัดขึ้น ดังนั้นดีลดังกล่าวจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นาฬิกากำลังเดินหน้าแบบไม่หยุด มาดริด มีเวลาให้ ซิตี้ จัดการแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น เพราะตลาดซื้อขายกำลังจะปิดตัวลงแล้ว ... 

ความไวเป็นเรื่องของปีศาจ แต่หนนี้ ซิตี้ เดินเกมแบบสายฟ้าแลบ และทำให้ทุกอย่างจบในเวลาที่กำหนดก่อนเช้าวันที 1 กันยายน ปี 2009 และรู้ตัวอีกที โรบินโญ่ ก็มาโผล่ที่สนามบินเมืองแมนเชสเตอร์แล้ว 

 อิหยังวะ? 

ขณะที่แฟนๆ ของ แมนฯ ซิตี้ กำลังยินดีกับนักเตะเบอร์ใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาคว้าตัวมา และเฝ้ารอการเปิดตัวชูเสื้อนักเตะใหม่ โรบินโญ่ ก็ทำให้งานเปิดตัวที่เป็นเหมือนความหวังใหม่ของชาว ซิติเซ่น ต้องอยู่ในอารมณ์ประมาณว่า "อิหยังวะ?" ...


Photo : www.dailymail.co.uk

เสื้อหมายเลข 10 ซึ่งเป็นเบอร์ ซิกเนเจอร์ ปรากฎพร้อมกับ โรบินโญ่ ในงานแถลงข่าว เขานั่งลงที่โต๊ะและเริ่มตอบคำถามอย่างมั่นใจ

"เชลซี มอบข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมให้กับผม" แค่เอ่ยคำแรกทั้งห้องก็เงียบสนิท เชลซี มาได้ยังไง (วะ) ? 

"อ๊ะ ขอโทษครับ แมนฯ ซิตี้ สิ" โรบินโญ่ รีบแก้ต่างหลังรู้ว่าเขาปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านักข่าวในห้องแถลงวันนั้นกำลังยิ้มที่มุมปาก ขณะที่แฟนๆ ของ ซิตี้ ต้องกุมขมับกับนักเตะที่พวกเขาเฝ้ารอ

โรบินโญ่ เล่าภายหลังว่า จริงๆ แล้วเขาไม่ได้พูดผิดเพราะเผลอเรอ แต่เพราะการปิดดีลที่เร็วจนเขามีหน้าที่แค่เซ็นเอกสารทำให้ทุกอย่างรวนไปหมด เขาอธิบายว่า มาดริด ผลักดันดีลนี้แบบสุดๆ เพราะ ซิตี้ ยอมจ่ายถึง 42 ล้านยูโร ซึ่งถือว่ามากโขในยุคนั้นสำหรับค่าตัวของนักเตะแค่คนเดียว หนำซ้ำ เอเย่นต์ของเขาก็รีบรับข้อเสนอส่วนตัวแทนให้ เพราะ ซิตี้ อัดค่าเหนื่อยให้ โรบินโญ่ ถึง 160,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ... อธิบายให้เห็นภาพคือ มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ณ เวลานั้น 


Photo : mcfc.in.th

"ผมจำเรื่องวันนั้น (ตอนย้ายทีม) ได้ดี ผมยอมรับว่าผมไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับ ซิตี้ เลย พอได้ยินชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ผมคิดว่าผมจะได้ไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ... ทุกอย่างมันเร็วมาก เอเย่นต์ผมจัดการคนเดียว 100% กว่าผมจะรู้ว่าต้องไปเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ ก็วินาทีสุดท้ายของตลาดซื้อขายแล้วนะ" 

การย้ายทีมครั้งนี้แตกต่างจากตอนที่เขาย้ายไป มาดริด อย่างชัดเจน ตอนนั้นเขารู้ทุกเรื่องของ มาดริด รู้แม้กระทั่งนักเตะของ มาดริด มีใครบ้าง? มีนักเตะบราซิลกี่คน? และใครเป็นโค้ช ขณะที่การย้ายมา ซิตี้ เขาใช้คำว่า "ไม่รู้เรื่องเลย" 

 เพราะใจไม่มาจึงล้มเหลว

แม้จะปล่อยไก่ไปยกเล้า แต่ความจริงมันคือหลังจากนี้ต่างหาก เมื่อ โรบินโญ่ ต้องเล่นให้ ซิตี้ มันก็ยิ่งชัดเจนว่าเขาไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย ไม่ใช่แค่กับสโมสรเท่านั้น แต่มันรวมถึงกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกด้วย


Photo : @Coral

โช อัลเวส นักเตะบราซิล ของ ซิตี้ ในเวลานั้น เข้ามาเทคแคร์ โรบินโญ่ เป็นคนแรกในฐานะคนบ้านเดียวกัน เล่าเรื่องตลกมากมายเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ แมนเชสเตอร์ ของ โรบินโญ่ เรียกได้ว่าเรื่องราวมันพีกตั้งแต่เกมแรกที่ต้องเจอกับ พอร์ทสมัธ เลยด้วยซ้ำ

"เกมแรกของ โรบินโญ่ กับ พอร์ทสมัธ ในเกมนั้นทุกคนเห็นว่าเขาเล่นได้ยอดเยี่ยมมาก ยิงประตูชัยและเป็นฮีโร่ของเกม แต่ผมจะบอกให้เกมนี้อ่ะโคตรตลกเลย" โช กล่าว

"ก่อนลงสนาม นักเตะก็ต้องเตรียมพร้อมในอุโมงค์ใช่มั้ยล่ะ? นักเตะทั้งสองทีมต่อแถวกันและผมอยู่ติดกับโรบินโญ่ ขณะที่ฝั่งของ พอร์ทสมัธ เดินออกมาด้วยผู้เล่นที่ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ ซิลแว็ง ดิสแต็ง (สูง 193 ซม.), โซล แคมป์เบลล์ (189 ซม.) ปาเป้ บูบ้า ดิย็อป (สูง 192 ซม.) และปิดท้ายด้วย ปีเตอร์ เคร้าช์ (202 ซม.) เท่านั้นแหละ โรบินโญ่ แหงนหน้ามองพวกนั้นแล้วบอกว่า "เฮ้ยไอ้ห่า โช แกบอกข้าหน่อยสิ เราต้องลงไปแข่งรักบี้กับไอ้พวกนี้หรือเปล่าเนี่ย" โช เล่าให้ ESPN ฟังและเขาตอบกลับสั้นๆ ว่า "ผมบอก เออสิวะเพื่อน ฟุตบอลอังกฤษยินดีต้อนรับนะ" 

ทุกอย่างชัดเจนว่ามันไม่เวิร์กตั้งแต่กลัดกระดุมเม็ดแรก จากนั้นมันก็เพี้ยนกันไปหมด โรบินโญ่ ไม่ได้ยกระดับทีมเหมือนกับที่ ซิตี้ หวัง อีกทั้งเขาก็ไม่ชอบคอกับ มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือของทีมด้วย ทั้งสองคนไม่ได้เคารพกันและกัน ซึ่งตัวของ โรบินโญ่ เองก็มีเรื่องหนีกลับบราซิลโดยไม่แจ้งสโมสร จน ซิตี้ ต้องตัดหางปล่อยวัดหลังจากเล่นให้ทีมเพียง 1 ปีกว่าๆ ... 

โรบินโญ่ ถูกปล่อยให้ ซานโตส ยืมตัวในช่วงสั้นๆ ก่อนถูกขายให้ เอซี มิลาน ไปด้วยราคา 18 ล้านปอนด์ ซึ่งที่ มิลาน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด เขาอยู่ในทีมชุดแชมป์ เซเรีย อา ในฤดูกาล 2010-11 แต่ก็เป็นแค่ความสำเร็จช่วงสั้นๆ เพราะหลังจากนั้นเขามีปัญหาเรื่องทัศนคติและพฤติกรรมจนอยู่ไหนก็ไม่ยืด 

โรบินโญ่ เป็นนักเตะพเนจร ด้วยการย้ายไปเล่นในลีกอย่าง จีน, บราซิล และ ตุรกี ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้ไม่มีความชื่นชมมากถึงเขาเท่าไหร่นัก ... และเป็นการสรุปได้ว่าเขากลายเป็นแค่ "นิว เปเล่" อีกหนึ่งคนที่ล้มเหลว ... 


Photo : www.fanatik.com.tr

ปัจจุบัน โรบินโญ่ ในวัย 36 ปี เล่นให้กับ อิสตันบูล บาซัคเซฮีร์ ทีมใน เตอร์กิช ซูเปอร์ลีก และเคยพูดถึงความเสียใจของตัวเองว่า จริงๆ แล้วเขาพลาดที่รีบร้อนออกจาก เรอัล มาดริด เร็วเกินไป และการตัดสินใจนั้นนำไปสู่ความล้มเหลวในชีวิตค้าแข้งของเขาเอง

"ในส่วนของผมในช่วงท้ายกับ มาดริด ผมต้องยอมรับว่าผมเองก็ทำให้เรื่องมันยากเอง อย่างว่านะ ตอนนั้นผมยังเด็กและมีความประพฤติที่ค่อนข้างรุนแรงจริงๆ นั่นแหละ" เขาสรุปเรื่องดังกล่าวกับสื่ออย่าง FourFourTwo

โอกาสมีให้ไม่บ่อยนักในชีวิต น่าเสียดายที่ โรบินโญ่ ใจร้อนเกินไป ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะกลายเป็น นิว เปเล่ เหมือนที่คนทั้งประเทศหวังก็เป็นได้ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook