มหากาพย์! เฮียมู ปะทะ เจ๊เหี่ยว

มหากาพย์! เฮียมู ปะทะ เจ๊เหี่ยว

มหากาพย์! เฮียมู ปะทะ เจ๊เหี่ยว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จบไปแล้วสำหรับศึก ลอนดอน ดาร์บี้ แมตซ์ สัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่าง เชลซี กับ อาร์เซน่อล ส่วนผลการแข่งขันก็ยังคงเป็น "สิงห์บลูส์" ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ฟาดฟันเอาชนะ พลพรรค "ปืนโต" ของ อาร์แซน เวนเกอร์ ไปได้แบบไม่ยากเย็นนักที่ 2 ประตูต่อ 0

จากผลการแข่งขันนัดดังกล่าว ทำให้ 12 เกมหลังสุดที่ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ เจอกับทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ เขาไม่เคยเอาชนะได้เลย โดย เสมอ 5 นัด และแพ้ 7 นัด! อย่างไรก็ตาม รูปเกม, การครองบอล, โอกาสบุก, จังหวะจบสกอร์, จังหวะจุดโทษ, การกลับมาพบต้นสังกัดเก่าของ เชส ฟาเบรกาส, ความร้อนแรงของมหาเทพเวลเบ็ค, การระเบิดสกอร์อย่างต่อเนื่องของ ดีเอโก้ คอสต้า หรืออะไรต่างๆ นาๆ ที่เกิดขึ้นในเกมนัดนี้ ก็ไม่ถูกพูดถึงเท่ากับการทะเลาะกันของ 2 กุนซือ "เจ๊เหี่ยว" และ "เฮียมู"!
 
สำหรับคนที่ไม่ได้ชมเกมส์ ผมจะอธิบายให้ฟัง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในนาทีที่ 20 เมื่อ อเล็กซิส ซานเชส กองกลางจอมเลื้อยของ "ปืนใหญ่" ถูก แกรี่ เคฮิลล์ กองหลัง เชลซี เข้าเสียบสกัดอย่างหนัก จนทำให้ "อีเจ๊" ไม่พอใจโวยวายอยู่ข้างสนาม และพยายามจะเดินออกจากกรอบเทคนิกไปดูอาการของลูกทีมค่าตัวแพง แต่ต้องมาเผชิญหน้ากับ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" เสียก่อน จึงเกิดการปะทะคารมกันอย่างหนัก.. ตามคลิปด้านล่างนี้

จะว่าไปแล้ว 2 กุนซือผู้ยิ่งใหญ่แห่งกรุงลอนดอน ก็เปิดศึกปะทะคารมกันแรงๆ มาโดยตลอด นับตั้งแต่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทัพ "สิงโตพันล้าน" ครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อน ฉะนั้นวันนี้ผมจึงขอรวบรวม 4 วิวาทะ สงครามน้ำลายเชิงจิตวิทยาเด็ดๆ ที่ทั้ง 2 คน สาดใส่กัน มาให้ได้อ่านกัน ว่าคู่จิ้นคู่นี้ เคยแขวะอะไรกันไว้บ้าง ไปเริ่มกันเลยครับ

1. "โรคจิต ถ้ำมอง" ในปี 2005

1 ปีหลังจากที่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีม เชลซี รอบแรก ได้ใช้เงินทุนมหาศาลกว้านซื้อนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์เข้ามาร่วมทีม จนทำให้ เวนเกอร์ รู้สึกว่ามันไม่แฟร์ และได้เป็นฝ่ายเริ่มเปิดศึกสาดสงครามน้ำลายก่อนโดยกล่าวว่า "ผมคิดว่าโลกนี้ มันไม่ได้มีแต่ ผู้แพ้กับผู้ชนะเท่านั้น วงการฟุตบอลไม่ควรสนับสนุน ทีมที่เอะอะก็ใช้แต่เงิน มากกว่าการสร้างรากฐานของตัวเองขึ้นมา เพราะทีมพวกนี้มันจะทำให้วงการกีฬาดิ่งลงเหว''
 
หลังสิ้นคำสัมภาษณ์ดังกล่าว มีหรอที่กุนซือจอมอหังการอย่าง "เฮียมู" จะยอมได้ ไม่นานเกินรอก็ได้ออกมาตอกกลับ กุนซือขงเบ้งแบบแสบๆ ว่า "ผมคิดว่า เวนเกอร์ เนี่ยเป็นโรคจิตชนิดนึงนะ เขาเหมือนพวกถ้ำมอง ชอบสอดส่องเรื่องของคนอื่น เขาเป็นพวกชอบใช้กล้องส่องเข้ามาดูบ้านคนอื่นว่าเป็นอย่างไรบ้าง วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากพูดถึงแต่เรื่องของ เชลซี แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่จ้องมองความสำเร็จของผู้อื่น ที่ตัวเองไม่มี เวนเกอร์ ทำตัวมีปัญหากับเรื่องของเราตลอด เขาคงมีอาการป่วยอะไรสักอย่างแหละ"

มูรินโญ่ : "เฮ้! คนโรคจิต" /// เวนเกอร์ : "หุบปากซะ! เจ้าโง่!"

เจอดอกนี้เข้าไป "เจ๊เหี่ยว" แทบจะกรี๊ดเป็นภาษาเฟร้นซ์ให้บ้านแตก พร้อมตีโพยตีพายจะฟ้องศาลว่าถูกหมื่นประมาท โดยกล่าวว่า "ผมคงต้องใช้กฏหมายเข้ามายุติเรื่องนี้แล้วหละ เขาเป็นคนที่ไร้สติเกินที่ใครจะควบคุมได้ เขาไม่มีความเคารพและความนับถือต่อคนอื่น เมื่อความสำเร็จตกไปอยู่กับคนโง่ มันก็จะทำให้คนนั้นโง่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ความฉลาดก็ไม่เพิ่มขึ้นอีกด้วย" ..
 
งงๆ มั้ย? ถ้างงผมจะแปลไทย เป็นไทยให้ฟัง เอาง่ายๆ เลยคือ เวนเกอร์ ขู่ว่าจะฟ้องร้อง พร้อมเหน็บว่า มูรินโญ่ เป็นคนสติไม่ดี พูดไม่คิด ไร้มารยาท การศึกษาต่ำ บลา บลาๆๆๆ แต่ดอกที่เจ็บผมว่ามันอยู่ตรงนี้ครับ แกบอกว่า พอมูได้แชมป์ ก็คิดว่าตัวเองเก่งขึ้น แต่จริงๆ แม่งยิ่งโง่! เออออ เอาดิ่ เริ่มมัน ไปตามกันต่อดีกว่า ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
 
แต่นายใหญ่จอมไซโครอย่าง มูรินโญ่ ก็หาได้จะกลัวการขึ้นโรงขึ้นศาลไม่ แถมยังออกมาพูดเชิงท้าทายกวนประสาท (แถวบ้านเรียกกวนทีน!) ด้วยว่า "ผมคงมีความสุขมากที่จะได้ขึ้นศาลกับ เวนเกอร์ เพราะเรามีไฟล์ที่เขาเคยพูดถึงสโมสรเชลซี ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาทั้งหมด แล้วมันก็ไม่ใช่ไฟล์แค่ 5 หน้ากระดาษนะ แต่มันมีมากถึง 120 หน้าเลยทีเดียวเชียวแหละ''
 
แปลกแต่จริง ที่เจอเย้ยเยี่ยงนี้แต่ เวนเกอร์ ปฏิเสธที่จะตอกกลับ ขอสงบศึกสงครามน้ำลายบทนี้ และไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป. . . ก็ไม่ทราบว่า เป็นเพราะเจ๊แกถือคติ "อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา" หรือเปล่านะครับ?

2. "ใช้เงินซื้อความสำเร็จ" ในปี 2007

ปีสุดท้ายของ มูรินโญ่ กับการคุมทัพ "สิงห์บลูส์" รอบแรก ก่อนจะย้ายไปคุม อินเตอร์ มิลาน ทีมดังในอิตาลี ก่อนจากกันไป ก็ไม่วายที่คู่กัดอย่าง เวนเกอร์ จะส่งสาสน์ทิ้งทวน โดยคราวนี้ก็ยังออกมาแขวะเรื่องเดิมๆ ว่า "ถ้าคุณอยากจะเปรียบเทียบความสามารถของผู้จัดการทีมทุกๆ คน ที่อยู่ในลีกนี้ด้วยจำนวนการใช้เงินที่พอๆ กัน คุณก็สามารถที่จะทำได้ แต่มีอยู่ทีมนึงที่ทุ่มเงินมากที่สุด จนประสบความสำเร็จ ฉะนั้นคุณจะยกกุนซือทีมนั้น มาเทียบกับคนอื่นๆ ไม่ได้หรอก คุณรู้ใช่ไหมว่าผมหมายถึงใคร?"
 
ในตอนนั้น กุนซือชาวโปรตุกีส ยังใจเย็นและไม่ได้ออกมาตอบโต้ในทันที แต่หลังจากที่โยกไปคุมทัพ "งูใหญ่" ได้ไม่นาน จู่ๆ ก็ออกมาพูดถึงคู่กัดเก่าซะงั้นว่า ''ที่อังกฤษชอบพูดเรื่องเกี่ยวกับสถิติมากมาย พวกคุณรู้มั้ยคนอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ มีสถิติเก็บชัยชนะในพรีเมียร์ลีก ได้เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ แต่แปลกดีเน๊อะ ทำไมไม่มีใครพูดถึงตัวเลขผลงานในถ้วยยุโรปของเขาบ้างละว่าเป็นอย่างไร?''

3. "ขายมาต้า" ปี 2014

หลังจาก มูรินโญ่ กลับมาคุมทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" เป็นคำรบที่ 2 ได้ไม่นานนัก เวนเกอร์ ก็ออกโรงคร่ำครวญ ที่ "จ่ามู" ตัดสินใจขาย ฆวน มาต้า ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งๆ ที่เป็นคู่แข่งร่วมลีก โดยนายใหญ่เลือดน้ำหอมกล่าวว่า ''เชลซี ลงเตะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ครบแล้วทั้ง 2 นัด พวกเขาถึงได้ขาย มาต้า ออกไป ผมคิดว่าถ้าคุณต้องการเคารพทุกๆ คนในอาชีพอย่างยุติธรรม เรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น'' (อันนี้นี่ผม ไม่เข้าใจเวนเกอร์ จริงๆ เขาจะขาย เขาจะซื้อใคร ก็เรื่องของเขาสิ ใช่มั้ย?)

เคสนี้ผมว่า มูรินโญ่ Win! นะครับ

มีหรอ ที่นายใหญ่แห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ จะยอมสวนกลับทันควันว่า ''การที่ เวนเกอร์ ออกมาบ่นเป็นเรื่องปกติไปแล้วหละ เพราะเขาทำประจำ แต่ผมบอกเลยนะว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับที่เราไม่ต้องเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้วซะหน่อย โดยปกติเขาควรจะดีใจนะที่เราขายผู้เล่นอย่าง ฆวน มาต้า ออกไปจากทีมมากกว่า แต่นี่แหละคือธรรมชาติของ เวนเกอร์ เรื่องนี้มันไร้สาระมาก ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ไม่ยุติธรรมนะ''

4. "ผู้เชี่ยวชาญด้านความล้มเหลว" ปี 2014

ต่อจากเหตุการณ์ด้านบน แค่เดือนเดียว เหมือนไฟแค้นในตัวของ "เดอะ แฮปปี้ วัน" ยังครุกรุ่นอยู่เล็กน้อย โดยออกมาเหน็บกุนซือเฟร้นซ์ว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความล้มเหลว ''ถ้าหากผมไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้นานถึง 8 ฤดูกาล ผมคงอายขายขี้หน้า และย้ายออกจากลอนดอนไปนานแล้วแหละ แต่มันก็พูดยากนะ เพราะผมไม่เคยล้มเหลวไร้แชมป์นานๆ แบบเขาเลย ดังนั้นผมจึงยกให้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความล้มเหลวเลยหละ และถ้าผมเป็นเขาผมคงไม่กล้าคุมทีมต่อไปแล้วหละ'' . .. ซี๊ดอู้ยยยยยย! ผมว่าสงครามประสาททั้งหมดทั้งมวล ดอกนี้เจ็บสุดนะฮะ

อันดับจ่ามูเหนือกว่าทุกปีที่ดวลกันในอังกฤษ ทำให้เกิดคำว่า "ผู้เชี่ยวชาญด้านความล้มเหลว"

เวนเกอร์ คงเจ็บสุดๆ กับคำพูดดังกล่าว ทนไม่ไหวออกมาตอบโต้ว่า ''เขาทำตัวน่ารังเกียจ อันที่จริงผมไม่ต้องการพูดถึงเรื่องโง่เง่าไร้สาระกับที่ไม่เคยให้เกียรติกันแบบนี้เลยนะ ผมไม่เคยพูดถึงเขาผ่านสื่อแบบให้เจ็บช้ำน้ำใจเลยสักครั้ง (หรออ? อันนี้ผมเติมเองนะ 555) สิ่งเดียวที่ผมรู้ก็คือ เชลซี น่าจะรู้สึกละอายแก่ใจมากกว่าผม ผมไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว แต่คำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่ามันน่าขายหน้าจริงๆ''
 
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ที่พอจะมีกระแสข่าวครึกโครม ให้วิพากษ์วิจารณ์กัน นอกเหนือจากนี้ จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายอย่าง ที่ทั้ง 2 คนนี้ ตอด, จิก, กัด, แขวะ, หยาม กันมาโดยตลอด อย่างเช่นล่าสุดก็เรื่องของ เชส ฟาเบรกาส ที่ มูรินโญ่ ก็มาไซโครเป่าประสาทว่า เชส มีความสุขกับเชลซี มากกว่าตอนอยู่กับ อาร์เซน่อล บลาๆๆๆ และอีกมากมายหลายเรื่องจริงๆ
 
และผมก็เชื่อมั่นว่า หลังจากเหตุการณ์หวิดวางมวยกันในเกม "ลอนดอน ดาร์บี้" เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ศึกใหญ่ของไม้เบื่อไม้เมาคู่นี้คงจะไม่จบกันง่ายๆ แน่นอน ผมเชื่อว่ามหากาพย์เรื่องนี้ต้องดำเนินต่อไป จนกว่าใครคนใดคนนึงจะก้าวลงจากตำแหน่งกุนซือของทีมเสียก่อนนั่นแหละ
 
ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไปครับ ว่าจะมีวาทะอะไรเด็ดๆ จากทั้งคู่อีกนับจากนี้ไป ยังไงก็ขอให้มันเป็นแค่ จิตวิทยา เกมกีฬา ในสนามก็พอนะครับ อย่าถึงขั้นต้องเกือบวางมวยกันแบบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเลยนะครับ ไม่งั้นอาจจะถูกเนรเทศให้มาทำทีมในประเทศแถบเอเชีย ที่แม่งต่อยกันได้ทุกอาทิตย์แทนก็เป็นได้นะครับ! แหม่

ชิน ชินพัฒน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook