สปัด เว็บบ์ : นักบาสเกตบอลที่ทำลายความเชื่อว่า "คนตัวเล็กดังค์ไม่ได้"

สปัด เว็บบ์ : นักบาสเกตบอลที่ทำลายความเชื่อว่า "คนตัวเล็กดังค์ไม่ได้"

สปัด เว็บบ์ : นักบาสเกตบอลที่ทำลายความเชื่อว่า "คนตัวเล็กดังค์ไม่ได้"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากพูดถึงกีฬาบาสเกตบอล Stereotype หรือภาพจำที่แฟนกีฬานึกถึงแบบขึ้นใจ คงหนีไม่พ้น "ความสูง"

เพราะนอกจากส่วนใหญ่ของผู้ที่เล่นกีฬานี้จะมีความสูงมากกว่าคนทั่วไปแล้ว ห่วงบาสเกตบอล อันเป็นจุดที่ผู้เล่นจะต้องทำแต้มนั้น ยังมีความสูงจากพื้นมากถึง 10 ฟุต (3.05 เมตร) เลยทีเดียว

ทว่าในยุค 1980's ก็มีนักบาสเกตบอลคนหนึ่ง ซึ่งมีความสูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว (170 เซนติเมตร) โผล่มาคว้าแชมป์ NBA สแลมดังค์ ปี 1986 แบบพลิกโผ

และ สปัด เว็บบ์ ก็ได้ทำให้ความเชื่อที่ว่า "คนตัวเล็กดังค์ไม่ได้" เปลี่ยนไปตลอดกาล ...

อุปสรรคจากความสูง

สปัด เว็บบ์ หรือชื่อเต็ม แอนโธนี เจอโรม เว็บบ์ ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอลตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ทว่าดูเหมือนเขาจะมีอุปสรรคสำคัญที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ...

สิ่งนั้นก็คือ ความสูง ที่ไม่ว่าจะพยายามเพิ่มมันด้วยวิธีไหน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยเลยแม้แต่น้อย จนหลายคนปรามาสเขาตั้งแต่ตอนเรียนอยู่เกรด 7 (มัธยมศึกษาปีที่ 1) ว่า "เตี้ยเกินกว่าที่จะเล่นบาสเกตบอล"

Photo : Backing The Pack

ด้วยอุปสรรคที่ธรรมชาติให้มานี้ ทำให้ช่วงเวลาส่วนใหญ่ของสปัดในทีมบาสเกตบอล คือการอยู่ม้านั่งข้างสนาม แต่ที่สุดแล้วโอกาสก็มาถึง เมื่อมีผู้เล่นในทีมที่ตรวจร่างกายไม่ผ่าน ทำให้เจ้าตัวได้มีเวทีพิสูจน์ฝีมือ และก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทำคนเดียว 22 คะแนนในเกมแรกที่ลงสนาม

หลังจากนั้น สปัดก็เริ่มสร้างชื่อในการแข่งขันระดับมัธยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยสไตล์การเล่นที่คล่องแคล่ว รวดเร็ว แถมยังสามารถกระโดดได้สูงกว่าเด็กที่ตัวใหญ่กว่าหลายคน โดยหนังสือพิมพ์ Denver Post เคยลงข่าวว่า สปัดสามารถกระโดดดังค์ได้ ตั้งแต่ตอนที่มีความสูงเพียง 5 ฟุต 3 นิ้ว (160 เซนติเมตร) เท่านั้น

Photo : NTV

ถึงจะมีผลงานที่น่าประทับใจ แต่สิ่งที่ฟ้าประทานมาให้ก็กลายเป็นอุปสรรค เมื่อแทบไม่มีมหาวิทยาลัยใดให้ความสนใจในตัวสปัดเลย จนเขาต้องไปเริ่มต้นการเล่นระดับคอลเลจกับทีมเกรดรองอย่าง มหาวิทยาลัยมิดแลนด์ ถึง 2 ปี กระทั่งฟอร์มของเขาไปเข้าตา มหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา สเตท และได้ย้ายเข้าไปเล่นให้กับสถาบันดังกล่าวในที่สุด โดยหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ ม. นอร์ธแคโรไลนา สเตท ประทับใจจนต้องยื่นทุนนักกีฬาให้ คือการที่เขาสามารถกระโดดในแนวดิ่งได้สูงถึง 42 นิ้ว (110 เซนติเมตร) ทั้งๆ ที่มีความสูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว (170 เซนติเมตร)

แม้จะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ทว่าก็แทบไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะเล่นในลีกบาสเกตบอลอันดับ 1 ของโลกอย่าง NBA ได้ เพราะแมวมองแทบทุกสำนักต่างลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ถ้าสปัดไม่ได้รับโอกาสจากทีมในทวีปยุโรปที่การแข่งขันไม่เข้มข้นเท่า เขาก็คงได้ไปอยู่กับทีม ฮาร์เล็ม โกลบทร็อตเตอร์ส ทีมบาสเกตบอลสายโชว์ชื่อดัง ส่วนสาเหตุนั้น ก็มาจากส่วนสูงอีกเช่นเคย

Photo : CBS Atlanta

แต่ที่สุดแล้ว สปัด เว็บบ์ ก็ได้รับโอกาสใน NBA จนได้ เมื่อ ดีทรอยต์ พิสตันส์ ดราฟต์เขาเข้าทีมด้วยอันดับที่ 87 ในรอบที่ 4 ของปี 1985 ทว่าก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้รับโอกาสให้พิสูจน์ฝีมือ เมื่อพิสตันส์เลือกที่จะปล่อยตัวออกมาหลังจากเริ่มฤดูกาลได้ไม่นาน โดยที่ยังไม่เคยได้ลงเล่นเลยแม้แต่นัดเดียว

แม้เส้นทางของสปัดยังไม่ตีบตัน เมื่อ แอตแลนตา ฮอว์คส์ เซ็นสัญญาคว้าตัวเขาไปร่วมทีมหลังจากนั้น แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น ...

เมื่อ สปัด เว็บบ์ ตัดสินใจสมัครร่วมการแข่งขัน NBA สแลมดังค์ ปี 1986

 

เซอร์ไพรซ์ครั้งประวัติศาสตร์

หลายคนเชื่อว่า การตัดสินใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขันสแลมดังค์ของสปัด น่าจะมาจากความต้องการพิสูจน์ตัวเองว่า คนตัวเล็กอย่างเขาก็สามารถดังค์ได้ แต่ความจริงจากปากของเจ้าตัวนั้นเป็นอย่างไร?

"สำหรับผม สิ่งที่โฟกัสคือการพิสูจน์ตัวเองว่า ดีพอสำหรับการเล่นบาสเกตบอลมากกว่า การคว้าแชมป์สแลมดังค์มันไม่ใช่เป้าหมายใหญ่สำหรับผมในตอนนั้น จะพูดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นก็น่าจะได้ เพราะ สแตน คาสเทน ประธานของทีมมาหาผมก่อนแข่งเพียงสัปดาห์เดียว แล้วถามว่า 'อยากลงแข่งไหม?' ผมก็ 'ได้เลยครับท่าน' แค่นั้นเลย" นี่คือสิ่งที่ สปัด เว็บบ์ เปิดใจกับเว็บไซต์ของทีม แอตแลนตา ฮอว์คส์ เมื่อปี 2006

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ยืนยันด้วยตัวเอง นั่นคือเกม NBA ออลสตาร์ ปี 1986 ซึ่งมีการแข่งขันสแลมดังค์เป็นหนึ่งในนั้นด้วย จัดขึ้นในเมืองดัลลัส การได้ลงแข่งในบ้านเกิดของเขา จึงน่าจะช่วยให้เจ้าตัวมีแรงกระตุ้นเป็นพิเศษ

Photo : Sport Iliustrated

การประกาศลงแข่งสแลมดังค์ของสปัด สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่ง โดมินิก วิลกินส์ เจ้าของฉายา "The Human Highlight Reel" เพื่อนร่วมทีมฮอว์คส์ ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์สแลมดังค์ปี 1985 ที่เจ้าตัวยืนยันว่า "ไม่เคยเห็นสปัดโชว์ดังค์ในการซ้อมทีมเลยแม้แต่ครั้งเดียว" ด้วยเหตุผลที่สปัดเผยไปข้างต้น กับความต้องการที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองดีพอสำหรับ NBA ... ถึงกระนั้น วิลกินส์เองก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่พิเศษในตัวเพื่อนร่วมทีมคนนี้

"ไม่รู้สินะ ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งแน่ๆ และผมบอกกับทุกคนด้วยว่า เขามีโอกาสที่ดีในการคว้าแชมป์เลยล่ะ" วิลกินส์ เผยกับ The Boston Globe

และสิ่งที่วิลกินส์คิดก็กลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อในรอบแรก สปัดเป็นผู้ทำคะแนนสูงสุด 141 คะแนน จากการดังค์ 3 ครั้ง เข้ารอบรองชนะเลิศไปสมทบกับวิลกินส์ ซึ่งได้บายจากการเป็นแชมป์เมื่อปีก่อน 

Photo : Sohu

และหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นศึกดวลเดือดระหว่างเพื่อนร่วมทีม เมื่อทั้งคู่ต่างทำคะแนนสูงสุดเท่ากัน 138 คะแนน จากการดังค์ 3 ครั้ง ในรอบรองชนะเลิศ โดยที่ภาษีของสปัดดีกว่านิดๆ จากการที่เขาสามารถโชว์การดังค์ให้กรรมการทั้ง 5 คน ให้ 50 คะแนนเต็มได้ ด้วยการโยนบอลโด่งให้เด้งพื้น ก่อนจะรับลูกขึ้นดังค์กลับหลังด้วย 2 มือในจังหวะที่พอดีสุดๆ

ในตอนนั้น ทุกคนในสนามต่างเฮสุดเสียง เริ่มเรียกชื่อ "สปัด สปัด" กันทั้งสนาม ... ถึงตอนนี้ สปัดไม่ได้เพียงมาเพื่อแข่ง แต่เขามาเพื่อหมายจะชนะการแข่งแล้ว

ทุกอย่างต้องมาตัดสินกันที่รอบชิงชนะเลิศ ... เหลือแค่ 2 คน สปัด กับ วิลกินส์ ต้องดวลกันตัวต่อตัว ดังค์ต่อดังค์ ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

 



สปัด ซึ่งต้องขึ้นดังค์ก่อน เก็บ 50 คะแนนเต็มในการดังค์ครั้งแรกด้วยการหมุนตัว 360 องศา แต่วิลกินส์ก็สามารถเรียก 50 คะแนนเต็มจากกรรมการได้เช่นกัน จึงต้องมาว่ากันใหม่ในการดังค์ครั้งที่ 2 คราวนี้สปัดกลับมาใช้แนวคิดแบบเบสิค ด้วยการทุ่มบอลเด้งพื้นให้ชิ่งกับแป้น ก่อนกะจังหวะกระโดดขึ้นดังค์ด้วยมือเดียวแบบสวยงาม พิสูจน์ให้คนทั้งสนามเห็นว่า ที่เขาเคยกระโดดในแนวดิ่งได้สูงถึง 42 นิ้วจากพื้นนั้นไม่ใช่เรื่องฟลุค แต่ทำได้จริง

50 คะแนนเต็ม และเสียงร้องเรียกชื่อของสปัดจากทั้งสนาม บีบให้วิลกินส์ต้องดังค์ให้ได้ 50 คะแนนเต็มเท่านั้นเพื่ออยู่ต่อในการแข่งขัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เพียงพอ เพราะการดังค์ครั้งที่ 2 ในรอบชิงชนะเลิศของวิลกินส์ เรียกคะแนนจากกรรมการได้เพียง 48 คะแนนเท่านั้น ... สปัด เว็บบ์ คว้าแชมป์ NBA สแลมดังค์ในปี 1986 อย่างสมศักดิ์ศรี 

หลังจากการคว้าแชมป์ ไมค์ ฟราเทลโล เฮดโค้ชของทีมฮอว์คส์เอ่ยปากถึงการต่อสู้ระหว่างทีมเมตว่า "เหมือนสปัดจะต้มวิลกินส์ซะเปื่อยเลย เขาบอกกับอีกฝ่ายเองว่าไม่ได้เตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้ซ้อมเลยด้วย จนวิลกินส์คิดว่า แค่ใช้ลวดลายแบบปกติที่เคยทำก็น่าจะเพียงพอกับการคว้าแชมป์ ซึ่งเขาคิดผิด"

แล้วตัวสปัดเองล่ะ พูดถึงผลงานของตัวเองว่าอย่างไร?

"ไม่รู้สิ ผมเองก็อธิบายการดังค์ของตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน ก็แค่ออกไปกระโดดดังค์เท่านั้นเอง จะบอกว่าการกระโดดได้สูงขนาดนั้น เป็นความสามารถที่พระเจ้าประทานมาให้ก็คงได้" สปัด เผยกับ The Boston Globe

"แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นสิ่งที่ผมพยายามรักษามันมาตลอดนะ ผมซุ่มซ้อมกับเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ทำมาเรื่อยๆ แม้บางครั้งจะไม่มีใครเห็นก็ตาม"

Photo : Pack Insider

ไม่เพียงเท่านั้น สปัดยังมองว่า การแข่งดังค์ นั้นคือส่วนผสมระหว่างการสร้างงานศิลปะ และการดวลปืน

"ผมคิดว่านักบาสสายดังค์ก็เหมือนกับศิลปินนะ คุณต้องวาดภาพขึ้นมาในหัว แล้วก็ออกไปทำภาพนั้นให้เกิดขึ้นจริง แต่ในการแข่งขัน เวลาที่คุณเห็นคู่แข่งดังค์แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ออกไปโชว์ให้เหนือกว่าหมอนั่น"

"ผลของมันน่ะเหรอ? เอาเป็นว่าถึงแม้ผมจะไม่ได้ลงแข่งดังค์ก่อนหน้านั้นมาเป็น 10 ปี แต่ที่ผมจำได้ ผมไม่เคยแข่งดังค์แพ้ใครแม้แต่หนเดียวนะ"

มรดกที่ได้สร้าง

การคว้าแชมป์สแลมดังค์ในปี 1986 ของ สปัด เว็บบ์ ทำให้เขากลายเป็นแชมป์สแลมดังค์ที่ตัวเล็กที่สุดตลอดกาล ด้วยความสูง 5 ฟุต 7 นิ้ว ... คำที่คนพูดว่าคนตัวเล็กดังค์ไม่ได้ ได้เปลี่ยนไปแล้วตลอดกาล 

ทว่ามันก็เป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเจ้าตัวไม่น้อยเช่นกัน

"ว่ากันตามตรง ช่วง 1-2 ปีแรกหลังคว้าแชมป์ ผู้คนเอาแต่พูดเรื่องที่ผมคว้าแชมป์สแลมดังค์เต็มไปหมด จนกลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปรู้จัก แต่เดี๋ยวก่อน ... ผมเป็นนักบาสเกตบอลนะโว้ย นั่นคือสิ่งที่ผมอยากให้คนจดจำเหมือนกัน"

Photo : Slam

ถึงกระนั้น การคว้าแชมป์ของสปัด ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้นักบาสเกตบอลตัวเล็กทั่วโลกหันมาฝึกการดังค์ หนึ่งในนั้นคือ เนท โรบินสัน ผู้เล่นของ นิวยอร์ก นิกส์ ซึ่งสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว (175 เซนติเมตร) มากกว่าสปัดเพียง 2 นิ้ว ที่ตัดสินใจลงแข่ง NBA สแลมดังค์ในปี 2006

และนอกจากสปัดจะถือหางรุ่นน้องสายพันธุ์ตัวเล็กเหมือนกันแล้ว เขายังเป็นพาร์ทเนอร์ในการสร้างสรรค์การดังค์ให้อีกด้วย

"พูดตามตรงเลยว่า เราซ้อมด้วยกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง" สปัดเผยถึงเรื่องราวเบื้องหลัง "เนทโทรหาผมให้ไปเจอกันที่โรงยิมซักแห่ง พอเจอกัน เขาก็บอกให้ผมยืนถือบอลตรงนี้ๆ แล้วหมอนั่นก็วิ่งมารับบอล กระโดดข้ามตัวผมดังค์ลงห่วงไปเลย ที่สำคัญ ตัวเขาไม่ได้โดนตัวผมเลยสักนิด"

ไม่เพียงแค่ตอนซ้อม เพราะเนทยังได้เชิญสปัดมาเป็นผู้ช่วยในการแข่งดังค์ของเจ้าตัว จนทำให้เขาคว้าแชมป์สแลมดังค์ในปี 2006 ได้สำเร็จ แถมหลังจากนั้น เนทยังสามารถคว้าแชมป์ในปี 2009 ได้อีกสมัย

แม้ตัวของ สปัด เว็บบ์ จะยืนยันว่า ไม่ต้องการให้คนจดจำเขาในฐานะจอมดังค์ก็จริง แต่ก็ภูมิใจกับผลงานที่เกิดขึ้น ซึ่งกลายเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนอีกมากมาย

"มีน้อยคนนะที่จะทำในสิ่งเดียวกับที่ผมประสบความสำเร็จได้ ซึ่งแน่นอน มันเป็นเรื่องดีที่ผมได้อยู่ในกลุ่มเดียวกับคนผู้นั้น"

"และผมก็ภูมิใจกับตำแหน่งแชมป์สแลมดังค์ของตัวเองจริงๆ ครับ"

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook