จัดเต็ม! เก็บตกทุกประเด็นร้อน หลังเกม "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้"
ประเด็นร้อนหลังเกม
- เกมใหญ่ ตัดสินกันที่ความแน่นอน ล้วนๆ
รูปเกมในวันนี้ค่อนข้างาเป็นไปตามคาดของใครหลายคนที่มองว่า เรือใบสีฟ้า จะเป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าใส่ และทางฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด จะเน้นเกมรับและรอจังหวะสวนกลับ
ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นเกมที่สนุกและสูสีอีกเกมหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างมีทีเด็ดการเข้าทำในแบบของตัวเอง แต่ข้อแตกต่างในเกมนี้อยู่ที่ผู้มาเยือนมีจุดผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย และแน่นอนในเกมระดับนี้แถมเป็นดาร์บี้แมทช์ศึกแห่งศักดิ์ศรี ทุกความผิดพลาดล้วนส่งผลต่อรูปเกม
ซึ่งสุดท้ายทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็ถูกลงโทษจากความผิดพลาดเหล่านั้น จนต้องพ่ายแพ้กลับไปชนิดที่รูปเกมดูไม่น่าจะเป็นผู้ปราชัยในวันนี้ด้วยซ้ำ
- เอแดร์ซอน เป็น "แพะ" ในเกมนี้
แน่นอนว่าหากจะมองหาผู้เล่น แมนฯ ซิตี้ สักคนที่จะมารับผิดชอบกับผลการแข่งขันที่ออกมาแบบนี้ หนึ่งในนั้นคงต้องเป็น เอแดร์ซอน โมราเอส นายทวารมือกาวของเรือใบสีฟ้า มาเป็นอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะเขาเองมีส่วนกับการที่ทีมเสียประตูทั้ง 2 ลูก แถมยังเกือบพลาดท่าทำเสียประตูที่สามอีกด้วย
โดยประตูแรกอาจจะโทษเจ้าตัวไม่ได้แบบเต็ม ๆ แต่อย่างน้อยก็มีส่วน เพราะลูกยิงของ มาร์กซิยาล ไม่ได้หนีตัวเขาไปเท่าใดนัก แต่อาจเป็นเพราะไม่ทันระวัง จึงส่งผลให้ล้มตัวลงไปปัดบอลไม่ทันไหลลอดตัวเข้าประตูไป
ไม่เพียงแค่นั้น ก่อนจะเสียประตูที่สองในช่วงท้ายเกม นายด่านชาวบราซิลเลียน รายนี้ ยังมีจังหวะจับบอลลั่น จนเกือบโดน มาร์กซิยาล ฉกบอลไปยิง แต่ยังดีที่เจ้าตัวยังตามมาเคลียร์ออกไปได้ทัน
ที่สำคัญที่สุด จังหวะการเสียประตูที่สองในช่วงทดเวลา จากการขวางบอลไปเข้าเท้า แม็คโทมิเนย์ ยิงสวนตูมเดียวหาย ! และทั้งหมดนี้ทำให้สุดท้าย ทีมเรือใบ ต้องกลับบ้านมือเปล่า และหนึ่งในคนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดคือชายที่ชื่อ เอแดร์ซอน คนนี้นั่นเอง
- ขาด เดอ บรอยน์ เหมือนขาดใจ
เกมนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะมีปัญหามากแค่ไหนถ้าขาดเพลย์เมกเกอร์อันดับต้น ๆ ของโลก ณ ปัจจุบันอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บทำให้ลงสนามในเกมสำคัญนี้ไม่ได้
ซึ่งต้องบอกเลยว่า การเข้าทำของ ซิตี้ ในวันนี้ ดูจะขาดความหลากหลายไปพอสมควร เพราะในยามที่คีย์แมนชาวเบลเยี่ยม อยู่ในสนาม เขามักจะเสกลูกมหัศจรรย์ออกมาให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ทั้งลูกโยนยาวที่แม่นเหมือนจับวาง ลูกจ่ายทะลุช่องชนิดที่ถวายพานให้ใส่สกอร์ หรือแม้แต่ในยามที่เกมรุกตีบตัน เจ้าตัวก็มีทีเด็ดจากลูกยิงไกลสุดสวยที่สามารถหวังผลได้อยู่เสมอ
น่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้จากบรรดาแข้งเรือใบเลยในค่ำคืนนี้ และด้วยเหตุนั้นเอง จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ทัพซิติเซน ไม่สามารถผลิดสกอร์ได้เลยแม้แต่ประตูเดียวในศึกครั้งนี้
- ปีศาจแดง ฟอร์มดีวันดีคืน
จากชัยชนะในวันนี้ เท่ากับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังร้อนแรงแบบสุด ๆ เพราะพวกเขาไม่แพ้ใครมาแล้ว 10 เกมหลังสุดในทุกรายการ นับตั้งแต่พ่ายคาบ้านให้กับ เบิร์นลีย์ 0-2 เมื่อปลายเดือน มกราคม ที่ผ่านมา
นอกจากอิทธิพลของ "บรูโนเอฟเฟกต์" ที่มายกระดับทีมแล้ว เหมือนกับว่าเหล่าบรรดาแข้งปีศาจแดงเอง ก็ดูจะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่ามันย่อมส่งผลถึงสภาพจิตใจของคู่แข่งในแต่ละสัปดาห์ที่จะต้องเริ่มหนักใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในการต้องรับมือกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งต่างกับช่วงครึ่งฤดูกาลแรกอย่างสิ้นเชิงที่แทบจะไม่เหลือออร่าความเป็นยักษ์ใหญ่อันทรงพลังเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
สถิติอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ทั้งไปและกลับใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยทำเอาไว้ล่าสุดในปี 2009/10
- เกมนี้เป็นความพ่ายแพ้นัดที่ 7 ในลีกของ แมนฯ ซิตี้ นั่นทำให้ฤดูกาลนี้กลายเป็นปีที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา คุมทีมในลีกแพ้มากที่สุดในชีวิตการเป็นผู้จัดการทีมของเขา
- ปัจจุบัน แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครในทุกรายการมาแล้ว 10 นัดติดต่อกัน ซึ่งครั้งล่าสุดที่เคยทำได้คือตอนที่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เข้ามาคุมทีม 11 นัดแรก ในช่วงเดือน ธันวาคม ปี 2018 ถึง กุมภาพันธ์ ปี 2019
- จากความพ่ายแพ้ในนัดนี้ เท่ากับว่า เรือใบสีฟ้า ปราชัยต่อ ปีศาจแดง มาแล้วถึง 3 ครั้งภายในฤดูกาลเดียว
- อ็องโตนี มาร์กซิยาล เป็นผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนที่สอง ที่สามารถยิงประตูในเกม แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ ได้ 3 เกมติดต่อกัน ต่อจาก อีริค คันโตนา ที่เคยทำเอาไว้ 5 นัดติดต่อกันในปี 1993 ถึง 1996
- นอกจากนี้ มาร์กซิยาล ยังเป็นผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด คนแรกที่สามารถยิงประตูใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งไปและกลับในฤดูกาลเดียวกันได้ นับตั้งแต่ คริสเตียนโน โรนัลโด้ เคยทำเอาไว้ล่าสุดในปี 2006/07
- นับตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2020 เป็นต้นมา บรูโน เฟอร์นันเดส เป็นนักเตะที่มีส่วนกับการทำประตูมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก (5 ครั้ง - ยิง 2 แอสซิสต์ 3)
- ราฮีม สเตอร์ลิง กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดอันดับที่ 4 ที่ลงสนามใน พรีเมียร์ลีก ครบ 250 นัด ต่อจาก เวย์น รูนีย์ เจมส์ มิลเนอร์ และ แกเร็ธ แบร์รี
อัลบั้มภาพ 53 ภาพ