"ไค ฮาแวร์ทซ์" อาจเป็นนักเตะที่ดีที่สุดที่ "ห้างขายยา" เคยมี?
ไค ฮาแวร์ทซ์ คือนักเตะบุนเดสลีกาที่มีส่วนร่วมในการทำประตูสูงที่สุดรวมทุกรายการในซีซั่นล่าสุด แข้งหนุ่มคนนี้โชว์ฟอร์มดีวันดีคืนจนเกิดคำถามว่าเขาอาจเป็นนักเตะที่ดีที่สุดที่ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เคยมีมาหรือเปล่า? และจะนำทีม "ห้างขายยา" ไปสู่ความสำเร็จได้อีกครั้งได้หรือไม่?
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เป็นอีกหนึ่งสโมสรยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีที่มีลุ้นแชมป์ลีกเสมอมา โดยเฉพาะในช่วงปี 1997 ถึง 2002 ที่พวกเขามีลุ้นแชมป์ทุกปี เริ่มตั้งแต่ในฤดูกาล 1996/97 ทีม "ห้างขายยา" เกือบจะแซงบาเยิร์น มิวนิค ขึ้นไปคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้ในช่วงท้ายฤดูกาล แต่กลับเสียท่าพ่ายโคโลญจน์ ถล่มทลายถึง 0-4 ในแมตช์รองสุดท้าย จบฤดูกาลด้วยแต้มตามหลังบาเยิร์น 2 คะแนน ทำได้เพียงรองแชมป์ในปีนั้น
สองฤดูกาลต่อมาทีม "ห้างขายยา" ปิดซีซั่นด้วยอันดับที่สามและสองตามลำดับ ทำให้เฮดโค้ช คริสโตเฟอร์ เดาม์ ได้ถูกยกย่องว่าเป็นผู้สร้างทีมเลเวอร์คูเซนให้กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างสมบูรณ์แบบ เดาม์พาทีมเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์ลีกมากที่สุดในฤดูกาล 1999/00 ก่อนเกมสุดท้ายของฤดูกาล เลเวอร์คูเซนมีแต้มนำบาเยิร์นอยู่ 3 คะแนน หากพวกเขาเอาชนะหรือแค่บุกไปยันเสมอทีมน้องใหม่อย่างอุนเทอร์ฮัคคิ่ง ก็จะคว้าแชมป์ลีกได้ทันที ทว่าโชคร้ายที่มิชาเอล บัลลัค ดันทำเข้าประตูตัวเองตั้งแต่นาทีที่ 20 ก่อนลงเอยว่าเลเวอร์คูเซนเป็นฝ่ายพ่ายไป 0-2 ประตู ในขณะที่บาเยิร์นเปิดบ้านเอาชนะแวร์เดอร์ เบรเมน ไปได้ 3-1 ประตูแซงหน้าคว้าแชมป์บุนเดสลีกาไปด้วยผลประตูได้เสียที่ดีกว่าชนิดที่ช็อกสายตาแฟนบอลทีม "ห้างขายยา" สุดๆ
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือในฤดูกาล 2001/02 ที่น่าจะเป็นปีของเลเวอร์คูเซนบ้าง บัลลัคและขุนพล "ห้างขายยา" ทำผลงานได้ดีมาตลอดฤดูกาล พวกเขารั้งจ่าฝูงโดยทำแต้มเหนืออันดับสองอยู่ 5 คะแนนขณะที่ยังเหลือการแข่งขันอีกแค่ 3 นัดเท่านั้น แต่ฝันร้ายก็มาเยือนอีกครั้งเมื่อพวกเขาแพ้ถึงสองนัดติดต่อกัน ทำให้ดอร์ทมุนด์เร่งเครื่องขึ้นไปคว้าแชมป์ได้อย่างน่าเจ็บใจ แถมในศึกยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่พวกเขาสามารถหักด่านสำคัญได้ทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล จนทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศกับเรอัล มาดริด ได้สำเร็จ แต่ก็มาพ่ายให้ทีม "ราชันชุดขาว" อย่างฉิวเฉียดอดชูถ้วยแชมป์ไปอีกรายการ และในฤดูกาลเดียวกันนี้พวกเขาก็ยังพ่ายชาลเก้ 04 ในเกมนัดชิงชนะเลิศศึกเดเอฟเบ คัพ อีกด้วย! นับเป็นฝันร้าย 3 ครั้งซ้อนในปีเดียวที่เหล่าแฟนบอลและขุนพลทีม "ห้างขายยา" คงลืมไม่ลง
นอกจากแชมป์เดเอฟเบ คัพ ในฤดูกาล 1992/93 แล้ว ทีม "ห้างขายยา" ก็ยังไม่ได้สัมผัสถ้วยแชมป์ระดับประเทศใดๆอีกเลย พวกเขาคว้าตำแหน่งรองแชมป์ลีกรวมถึง 5 สมัยและหวังจะได้สัมผัสความสำเร็จที่มากกว่านั้นเสมอมา ในฤดูกาลล่าสุดพวกเขารั้งอันดับ 5 ในลีกและยังเหลือการแข่งขันอีก 9 นัด ส่วนในรายการอื่นๆ พวกเขาก็ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ทั้งเดเอฟเบ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ และยูเอฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ถือว่าหนทางสู่ความสำเร็จก็ยังเปิดแง้มอยู่ทั้ง 3 ทาง
ฮาแวร์ทซ์คือกุญแจสำคัญของทีมเลเวอร์คูเซนชุดปัจจุบัน เขาเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกาที่ทำได้ถึง 17 ประตูในฤดูกาลเดียว (2018/19) แล้วยังเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ที่ยิงในบุนเดสลีกาครบ 25 ประตู และในปี 2020 เขาคือผู้เล่นที่มีส่วนร่วมกับการยิงประตูมากที่สุดในบุนเดสลีกา ซึ่งลูกยิงใส่ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ในเกมล่าสุดทำให้เขาทุบสถิติใหม่เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงในบุนเดสลีกาครบ 30 ประตูด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น!
"ผมรู้สึกเหมือนกับว่าได้ปลดปล่อยตัวเองนิดหน่อย ผมกลับมาแล้ว" ฮาแวร์ทซ์กล่าวกับช่องสกาย หลังเกมขย้ำแฟรงค์เฟิร์ต 4-0 ประตู "เวลาช่วยให้ผมแข็งแกร่งขึ้นและยกระดับผมขึ้นไปอีกขั้น ผมขาดความคงเส้นคงวาในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก มีแรงกดดันอยู่บนบ่ามากทีเดียว เมื่อคุณเป็นนักเตะอายุน้อยคุณก็ต้องผ่านด่านอะไรแบบนี้แหละ หลังเล่นไม่ออกมาหลายนัด แฟนๆของคุณก็จะเริ่มสงสัยในตัวคุณ มันไม่ง่ายเลย"
เรื่องทั้งหมดนี้ มิชาเอล บัลลัค เจอมาหมดแล้ว เขาคือนักเตะที่ทุกคนต่างขนานนามว่าเป็น "ตำนานรองแชมป์" การพลาดแชมป์นับครั้งไม่ถ้วนของบัลลัคนั้นสร้างภาพลบจนแทบจะบดบังฝีเท้าอันยอดเยี่ยมในสนามของเขา ซึ่งหากมานับดูแล้วจะพบว่าบัลลัคเคยคว้ารองแชมป์ได้ถึง 13 รายการทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ
แม้กระนั้นก็ตาม รูดี้ เฟิลเลอร์ สปอร์ตติ้งไดเร็คเตอร์ของเลเวอร์คูเซนเชื่อว่าฮาแวร์ทซ์ไม่น่าจะโชคร้ายชะตาอับเฉาเหมือนกับบัลลัค "ไม่มีลิมิตสำหรับเขา เขามีสไตล์การวิ่งและยอดเยี่ยมเหมือนโอซิล และมีทั้งร่างกาย ความแข็งแกร่ง พลังในการเล่นลูกกลางอากาศและยิงประตูได้เยี่ยมเหมือนบัลลัคในช่วงพีก เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะยุโรปที่ใครก็อยากได้ตัวไปแล้ว"
สิ่งที่ฮาแวร์ทซ์มีเหมือนบัลลัคก็คือพวกเขาทั้งสองคนต่างไม่จำเป็นต้องมีถ้วยแชมป์ใดๆมาการันตีคุณภาพฝีเท้าอันยอดเยี่ยม แต่หากเลเวอร์คูเซนจะโชคดีคว้าถ้วยแชมป์ได้สำเร็จสักรายการ ไค ฮาแวร์ทซ์ ก็คงเป็นสาเหตุสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย