เรย์ มิสเตริโอ : คนเล็กหัวใจใหญ่ ผู้เปิดประตูมวยปล้ำเม็กซิกันสู่สายตาคนทั่วโลก

เรย์ มิสเตริโอ : คนเล็กหัวใจใหญ่ ผู้เปิดประตูมวยปล้ำเม็กซิกันสู่สายตาคนทั่วโลก

เรย์ มิสเตริโอ : คนเล็กหัวใจใหญ่ ผู้เปิดประตูมวยปล้ำเม็กซิกันสู่สายตาคนทั่วโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนมวยปล้ำ เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก เรย์ มิสเตริโอ (Rey Mysterio) นักมวยปล้ำตัวเล็กใจใหญ่ เจ้าของท่าไม้ตาย 619 ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของเราเสมอ

ผลงานเบื้องหน้าของ เรย์ มิสเตริโอ คือเรื่องราวที่รู้จักกันดี แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นักมวยปล้ำสายเลือดเม็กซิกัน จะได้รับการยอมรับในวงกว้าง เรย์ มิสเตริโอ ต้องทำงานอย่างหนักตั้งแต่วันแรก กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้

Main Stand พาคุณไปดูเรื่องราวของ เรย์ มิสเตริโอ ตั้งแต่วันที่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อนี้ จนถึงวันที่ถูกคนทั่งโลกเรียกว่าราชา และยังคงยืนหยัดบนเวทีมวยปล้ำมานานกว่า 30 ปี

ก่อนจะเป็น เรย์ มิสเตริโอ

สิ่งแรกที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับ เรย์ มิสเตริโอ นั่นคือ ชื่อ เรย์ มิสเตริโอ ไม่ใช่ชื่อจริงของนักมวยปล้ำรายนี้ ชื่อจริงของเขาคือ ออสการ์ กูเตียร์เรซ (Óscar Gutiérrez) 

ส่วนชื่อ เรย์ มิสเตริโอ เป็นนามแฝงของนักมวยปล้ำชาวเม็กซิโกรายหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในยุค 70’s จากการปล้ำในสมาคมท้องถิ่นที่เมืองติฮัวนา ประเทศเม็กซิโก โดยชื่อ เรย์ มิสเตริโอ มีความหมายว่า ราชาผู้ลึกลับ


Photo : www.reymysteriogmoat.com

การใช้นามแฝงแทนชื่อจริงในฐานะนักมวยปล้ำ ถือเป็นเรื่องปกติในวัฒนธรรมมวยปล้ำเม็กซิโก หรือ ลูชา ลิเบร (Lucha Libre) ซึ่งมีเอกลักษณ์สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การสวมหน้ากากคลุมศีรษะสีสันสดใส โดยชื่อแฝงของนักมวยปล้ำแต่ละราย สามารถส่งต่อให้กับนักมวยปล้ำรุ่นต่อไปได้ หากมองเห็นนักมวยปล้ำรุ่นใหม่ ที่มีศักยภาพมากพอจะแบกเกียรติยศบนหน้ากากของนักมวยปล้ำรายนั้นต่อไป

เมื่อเวลาล่วงเลยเข้าสู่ปี 1987 เรย์ มิสเตริโอ ซีเนียร์ (Rey Misterio Sr.) เปิดยิมสอนมวยปล้ำที่เมืองติฮัวนา เขามีลูกศิษย์ฝีมือดีมากมายที่แฟนมวยปล้ำรู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็น คอนแนน (Konnan), ไซโคซิส (Psicosis) หรือ ไซคลอป (Ciclope) แต่จนแล้วจนรอด ไม่มีใครที่ถูกรับเลือก ให้ใช้ชื่อ เรย์ มิสเตริโอ ต่อจากตำนานรายนี้

วันหนึ่ง เรย์ มิสเตริโอ ซีเนียร์ ได้รู้จักกับลูกศิษย์คนใหม่ เขาเป็นเด็กชายวัย 8 ขวบ ที่เดินทางเพียงลำพังกว่า 20 ไมล์ ข้ามชายแดนสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก เด็กชายไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นหลานชายของเขา ผู้สืบทอดสายเลือดโดยตรงของ เรย์ มิสเตริโอ

“มันเป็นความคิดที่อยู่ในหัว และอยู่ในใจของผมเสมอ เมื่อไรก็ตามที่ผมขึ้นปล้ำแมตช์แรก ผมจะได้ใช้ชื่อ เรย์ มิสเตริโอ จูเนียร์ ผมคิดว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับผม” เรย์ มิสเตริโอ คนปัจจุบันที่เรารู้จักกันดี ย้อนเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการสืบทอดชื่อ เรย์ มิสเตริโอ จากคุณลุง

“ถามว่าทำไม? หนึ่งเลยคือลุงไม่มีลูก ผมเป็นเหมือนลูกชายของเขา และที่สำคัญ พวกเราคือสายเลือดเดียวกัน อย่างไร เรย์ มิสเตริโอ ก็จะเป็นชื่อของผม ในฐานะนักมวยปล้ำ”

สิ่งที่ เรย์ มิสเตริโอ จูเนียร์ คิดไม่ได้ผิดเลยแม้แต่น้อย เขาคือนักมวยปล้ำพรสวรรค์สูงมากที่สุดคนหนึ่ง เท่าที่โลกนี้เคยรู้จัก แม้จะสูงเพียง 160 เซนติเมตร และหนักไม่ถึง 65 กิโลกรัม เขาควรจะสร้างชื่อเสียงให้โลกรู้จักได้ตั้งแต่ตอนนั้น หากไม่ติดว่ากฎหมายของสหรัฐอเมริกา ไม่สามารถให้ใบอนุญาตทำงานแก่เด็กอายุ 15 ปี

แต่เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ปัญหา เขามีคุณลุงเป็นตำนานนักมวยปล้ำในเมืองติฮัวนา และแม้จะต้องเริ่มต้นที่ค่ายมวยปล้ำท้องถิ่นของเม็กซิโก ด้วยชื่อ เรย์ มิสเตริโอ มันคงไม่ยากที่เขาจะสร้างชื่อเสียง จนก้าวขึ้นสู่ระดับสูงอย่างรวดเร็ว

โชคร้ายที่ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด ...


Photo : All about wrestling

“เมื่อแมตช์แรกของผมมาถึง ผมไม่ได้ใช้ชื่อ เรย์ มิสเตริโอ จูเนียร์ ตอนนั้นผมช็อคมาก” เรย์ จูเนียร์ ย้อนเล่าช่วงเวลาที่เปลี่ยนเส้นทางมวยปล้ำของเขาไปตลอดกาล

“ผมถามลุงผมว่าทำไม ลุงตอบแค่ว่า ผมยังไม่พร้อม ผมยังไม่พร้อมที่จะแบกชื่อนั้นไว้ ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่า เขาพูดถูกต้องที่สุด”

ก่อนจะเป็น เรย์ มิสเตริโอ ที่รู้จักกันในปัจจุบัน นักมวยปล้ำรายนี้ใช้ชื่อว่า “กิ้งก่าเขียว” หรือ “ฮัมมิงเบิร์ด” ในช่วงเริ่มต้นของอาชีพ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นหลานของนักมวยปล้ำชื่อดัง และต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อรับค่าจ้างไม่ถึง 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับนักมวยปล้ำหน้าใหม่

สถานการณ์ปากกัดตีนถีบ ผลักดันให้เจ้ากิ้งก่าเขียว พัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งปี 1991 หลังก้าวสู่เส้นทางนักมวยปล้ำอาชีพได้ 2 ปี คุณลุงของเขาก็ใจอ่อน ยอมมอบชื่อ เรย์ มิสเตริโอ ให้แก่หลานชาย โลกจึงได้รู้จักกับ เรย์ มิสเตริโอ จูเนียร์ นักมวยปล้ำรุ่นใหม่ที่จะสานต่อตำนานของราชาผู้ลึกลับ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

เผยแพร่มวยปล้ำเม็กซิกัน

ปี 1992 เรย์ มิสเตริโอ จูเนียร์ ก้าวเข้าสู่สมาคมใหญ่ในประเทศเม็กซิโกอย่าง AAA (Asistencia Asesoría y Administración) แต่ตัวเขาไม่ได้รับการผลักดันมากนัก โดยยังคงปล้ำอยู่ในระดับกลาง ไม่มีผลงานอะไรโดดเด่น


Photo : www.sportskeeda.com

ไฮไลต์ในอาชีพของ เรย์ มิสเตริโอ ช่วงนั้น คือการปล้ำในสมาคม World Wrestling Association สมาคมท้องถิ่นของเมืองติฮัวนา ที่ เรย์ มิสเตริโอ เปิดศึกกับนักมวยปล้ำร่วมค่าย ไซโคซิส ทั้งสองสร้างแมตช์มวยปล้ำที่ร้อนแรง แต่โชคร้ายที่มันถูกจำกัดอยู่ในวงแคบ ชื่อเสียงของ เรย์ มิสเตริโอ จึงไม่เคยไปไกลกว่าเมืองแถบชายแดนของเม็กซิโก

โชคชะตาของ เรย์ มิสเตริโอ มาถึงจุดเปลี่ยนในปี 1995 เมื่อ พอล เฮย์แมน เจ้าของค่าย ECW (Extreme Championship Wrestling) ค่ายมวยปล้ำอินดี้มาแรงของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ได้เห็นเทปการปล้ำระหว่าง เรย์ และ ไซโคซิส ทันทีที่ดูจบ พอล เฮย์แมน ไม่รีรอที่จะโทรหาใครสักคน เพื่อนำนักมวยปล้ำทั้งสองรายเข้ามาสู่ค่าย

“มันคือสิ่งที่ร้อนแรงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น และมันไม่ใช่คู่เอกของวันด้วยซ้ำ เด็กสองคนนี้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อสร้างสิ่งมหัศจรรย์ทุกคืน” พอล เฮย์แมน ย้อนเล่าถึงความหลัง ในวันที่เขาได้รู้จักกับ เรย์ มิสเตริโอ

“มันคือมวยปล้ำที่แตกต่างออกไป สิ่งที่เรียกว่า ลูชา ลิเบร ไม่เคยมีใครในประเทศนี้ (สหรัฐอเมริกา) เคยเห็นมันมาก่อน แม้ว่า WCW จะเคยทำโชว์มวยปล้ำลูชาในลอสแอนเจลิส แต่มันโคตรจะห่วยแตก”

พอล เฮย์แมน ไม่รอช้า ดึงตัว เรย์ มิสเตริโอ และ ไซโคซิส จากเม็กซิโก สู่เมืองฟิลาเดลเฟีย บ้านของ ECW พอล เฮย์แมน จับทั้งสองมาเจอกันตั้งแต่แมตช์แรก และทำในสิ่งที่เด็กทั้งสองต้องตะลึงงัน คือไม่พูดสิ่งใดนอกจากว่า “พวกเอ็งออกไปปล้ำ และทำให้เต็มที่”

เรย์ มิสเตริโอ และ ไซโคซิส ยืนงงอยู่กับที่กว่า 20 นาที เพราะถึงพวกเขาจะเป็นยอดฝีมือในเม็กซิโก แต่สำหรับสหรัฐอเมริกา พวกเขาคือน้องใหม่ที่ยังคงตื่นเต้น และต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เรย์ มิสเตริโอ จึงตัดสินใจ บุกไปยังห้องทำงานของ พอล เฮย์แมน เพื่อถามให้รู้ชัดว่า เขาต้องการอะไรกันแน่

“ทำทุกอย่างที่นายจำเป็นต้องทำ ปล้ำมวยปล้ำ ต่อยกัน บิน หรืออัดก่อนให้เลือดออก ทำอะไรก็ได้ที่นายต้องการ ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คนดูเห็นว่า นายคือนักมวยปล้ำที่ดีที่สุดในโลก” พอล เฮย์แมน ตอบกลับมา

“เรย์ แล้วนายคิดว่านายคือนักมวยปล้ำที่ดีที่สุดในโลกหรือเปล่าล่ะ?”

เรย์ มิสเตริโอ ตอบคำถามทั้งหมดของ พอล เฮย์แมน ด้วยการปล้ำกับไซโคซิส พวกเขานำศาตร์ ลูชา ลิเบร มวยปล้ำจากเม็กซิโกที่ชาวอเมริกันไม่เคยเห็น เข้ามาผสมผสานกับสไตล์ฮาร์ดคอร์ของ ECW ได้อย่างลงตัว ทุกครั้งที่ทั้งคู่พบกัน เสียงร้องของแฟนใน ECW Arena จะดังก้องไปทั่ว เพื่อตอบรับมวยปล้ำสุดเร้าใจที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต

ชมแมตช์การปล้ำระหว่าง เรย์ มิสเตริโอ และ ไซโคซิส ด้านล่าง

ความสำเร็จของ เรย์ มิสเตริโอ ใน ECW ทำให้เขาได้รับการยกย่องจนถึงทุกวันนี้ ในฐานะนักมวยปล้ำที่เผยแพร่สไตล์ ลูชา ลิเบร ที่เคยถูกจำกัดอยู่ในเม็กซิโก ให้กระจายตัวสู่สหรัฐอเมริกา 

ก่อนที่ตัว เรย์ มิสเตริโอ เอง จะกลายเป็นผู้เปิดประตู นำมวยปล้ำสไตล์ ลูชา ลิเบร ให้แฟนมวยปล้ำทั่วโลกได้รู้จัก ผ่านผลงานของใน WWE จนได้รับฉายา “ราชาแห่ง ลูชา ลิเบร” มาจนถึงทุกวันนี้

ภารกิจสุดท้ายของราชา

เวลาล่วงเลยผ่านจากวันแรกที่ เรย์ มิสเตริโอ ก้าวสู่สหรัฐอเมริกา มายาวนานกว่า 20 ปี ทุกวันนี้เขายังคงเป็นนักมวยปล้ำระดับสูงของ WWE และยังคงได้รับความนิยมจากแฟนมวยปล้ำมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นแฟนมวยปล้ำรุ่นเก่าที่ติดตามมานาน หรือแฟนมวยปล้ำรุ่นใหม่ที่เพิ่งรู้จัก เรย์ มิสเตอริโอ ในฐานะตำนานที่ยังคงโลดแล่นในวงการ


Photo : sportzwiki.com

แต่หากมองในความเป็นจริง ความโด่งดังของ เรย์ มิสเตริโอ ไม่ใช่เรื่องดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักมวยปล้ำสไตล์ลูชาด้วยกันเอง เพราะนั่นหมายความว่า WWE ไม่สามารถปั้นนักมวยปล้ำลูชารุ่นใหม่ขึ้นมาแทน เรย์ มิสเตริโอ ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ WWE ดึงตัว เรย์ กลับมาสู่สมาคมอีกครั้ง หลังจากโบกมือลาไปในปี 2013

ทุกวันนี้ เรย์ มิสเตริโอ ยังคงเป็นนักมวยปล้ำหน้ากากหมายเลขหนึ่งของสมาคม หรืออาจจะเรียกว่าหมายเลขหนึ่งของโลก อย่างที่เคยเป็นมาตลอด 20 ปี มันไม่ใช่เรื่องดีกับวงการ ลูชา ลิเบร เลย ซึ่งตัวเรย์ มิสเตริโอ เอง ก็รู้เรื่องนี้ดี

“ผมเป็นตัวแทนผู้คนของผม ผมรู้เรื่องนี้ดี และผมเองก็สัมผัสถึงมัน ผมรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่วันแรก และมันคือส่วนสำคัญที่สุดในการเดินทางของผม” เรย์ มิสเตริโอ สัมภาษณ์กับ Al Jazeera

“ผมต้องการทิ้งบางอย่างให้แก่คนรุ่นหลัง คนจะยังคงพูดถึง เรย์ มิสเตริโอ แม้ว่าผมจะจากไปแล้ว แต่เป้าหมายของผมคือ ผมไม่อยากให้ผู้คนจดจำผมแค่ในความทรงจำ ผมต้องการช่วยเหลือนักมวยปล้ำละตินรุ่นใหม่ พวกเขากำลังช่วยกันเผยแพร่ ลูชา ลิเบร ผมจำเป็นต้องช่วยพวกเขาปฏิรูปกีฬานี้”

เรย์ มิสเตริโอ ทำตามดั่งที่กล่าว ในการกลับมาสู่ WWE เป็นครั้งที่สอง เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการปล้ำกับ อันดราเดร (Andrade) นักมวยปล้ำพรสวรรค์ชาวเม็กซิกัน ทั้งสองปล้ำกันแบบจัดเต็มทุกครั้งที่เจอกัน ชวนให้แฟนมวยปล้ำนึกถึงเมื่อครั้งที่ เรย์ มิสเตริโอ พบกับ ไซโคซิส ปลุกกระแสมวยปล้ำสไตล์ลูชา ให้กลับมาร้อนแรงบนเวที WWE อีกครั้ง หลังจากซบเซาไปหลายปี

ความสำเร็จของ เรย์ มิสเตริโอ อาจทำให้เขาเป็นนักมวยปล้ำสไตล์ ลูชา ลิเบร ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งทั้งหมดอาจไร้ความหมาย หากเขาไม่สามารถสานต่อสิ่งที่เขาสร้างมาได้ตลอดทั้งชีวิต

ไม่มีใครรู้ว่า เรย์ มิสเตริโอ จะปล้ำได้อีกนานแค่ไหน แต่สิ่งที่แน่ใจได้หลังจากนี้คือ เรย์ มิสเตริโอ จะทุ่มเทชีวิตทั้งหมดหลังจากนี้ เพื่อนำพามวยปล้ำสไตล์ ลูชา ลิเบร กลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง เพื่อให้ผู้คนจดจำและรู้จักนักมวยปล้ำละตินรายอื่น ไม่ต่างจากที่แฟนมวยปล้ำทั่วโลก มอบความรักให้แก่ เรย์ มิสเตริโอ เหมือนดั่งในปัจจุบัน


Photo : whatculture.com

“ผมเห็นนักมวยปล้ำรุ่นใหม่ หลายครั้งที่ผมคิดว่า พวกเขาทำแบบนั้นได้อย่างไร บางครั้งผมก็คิดว่า บางทีเราอาจจะเป็นแบบนั้น ในช่วงที่เริ่มสร้างชื่อในวงการนี้ แน่นอนผมมีความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ เสมอ แต่ตอนนี้เราอยู่ในยุคใหม่แล้ว”

“เป้าหมายของผมตอนนี้ คือต้องการเปิดศึกกับอันดราเดรต่อไป ผมไม่กลัวที่จะเดิมพันหน้ากากของผม ในศึกเรสเซิลมาเนีย เพราะไม่ว่าใครจะชนะ มันจะช่วยยกระดับมวยปล้ำของเราขึ้นไปให้สูงขึ้น”

“ผมรู้ดีว่าผมอยู่ที่นี่ เพื่อเป็นตัวแทนแก่สิ่งที่ผมเติบโตขึ้นมา นั่นคือมวยปล้ำสไตล์ ลูชา ลิเบร และผมจะทำสิ่งนั้น จนกว่าจะแขวนหน้ากากของผม” เรย์ มิสเตริโอกล่าวถึงภารกิจสุดท้ายของเขา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook