โลกของมวยปล้ำ : มายาคติที่สะท้อนให้สังคมเห็นว่า ความยุติธรรมเป็นสิ่งหายาก

โลกของมวยปล้ำ : มายาคติที่สะท้อนให้สังคมเห็นว่า ความยุติธรรมเป็นสิ่งหายาก

โลกของมวยปล้ำ : มายาคติที่สะท้อนให้สังคมเห็นว่า ความยุติธรรมเป็นสิ่งหายาก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สิ่งที่ครอบงำความคิดและชีวิตมนุษย์ในโลกสมัยใหม่ คงหนีไม่พ้น “มายาคติ” อันหมายถึงการสื่อความหมายด้วยคติความเชื่อทางวัฒนธรรม ที่กลบเกลื่อนทำให้เหมือนว่าเป็นเรื่องตามธรรมชาติ

มายาคติครอบงำความหมายของทุกสิ่งรอบตัวเราโดยไม่รู้ตัว มันเข้าไปสร้างความหมายใหม่ในระดับค่านิยมเเละอุดมการณ์ กล่าวคือละทิ้งความหมายเบื้องต้น จนถูกลดทอนให้เหลือเป็นเพียงรูปสัญญะ เพื่อสื่อถึงสิ่งอื่นเสมอ 

กีฬาที่ถูกมายาคติครอบงำมากที่สุดคือ “กีฬามวยปล้ำ” กีฬาต่อสู้ที่คนทั่วไปเข้าใจกันดีว่ามีการกำหนดผลล่วงหน้า แบ่งฝักฝ่ายคนดี-ชั่วชัดเจน รวมถึงกรรมการที่ไม่เคยทันเกม และเอื้อผลประโยชน์ให้ฝ่ายผู้ร้ายทุกครั้ง 

Main Stand จะอธิบายมายาคติที่ครอบคลุมกีฬามวยปล้ำ ผ่านบทความแนวคิดโครงสร้างนิยม “โลกของมวยปล้ำ” ถึงการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่วในกีฬามวยปล้ำ และความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความไม่ยุติธรรมของกีฬาชนิดนี้มานานหลายสิบปี

มวยปล้ำคือมหรสพ

มายาคติที่เกิดขึ้นในกีฬามวยปล้ำ ถูกอธิบายไว้โดยนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า โรลองค์ บาร์ตส (Roland Barthes) ผ่านบทความ “โลกของมวยปล้ำ” (The World of Wrestling/ Le monde où l’on catche) ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Esprit ตั้งแต่ปี 1952 ก่อนนำมารวมเล่มเป็นหนังสือชื่อดังก้องโลกอย่าง “มายาคติ” (Mythologies)


Photo : sportzwiki.com

โลร็องต์ บาร์ตส กล่าวอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจโลกของมวยปล้ำอย่างง่าย โดยเปรียบเทียบมวยปล้ำเข้ากับสองสิ่งที่ชาวฝรั่งเศสในเวลานั้นรู้จักกันดี อย่างแรกคือ มหรสพโบราณในสมัยกรีก-โรมัน อย่างที่สองคือ กีฬามวยสากล เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพว่า มายาคติที่ครอบคลุมกีฬามวยปล้ำเป็นอย่างไร

ในมุมมองของ โลร็องต์ บาร์ตส กีฬามวยปล้ำไม่ได้แตกต่างอะไรจากมหรสพโบราณ กล่าวคือ มวยปล้ำทุกโชว์จะเต็มไปด้วยแสงสีเสียงตระการตา แม้จะจัดอยู่ในห้องโถงที่เล็กที่สุด โชว์มวยปล้ำยังจำเป็นที่จะต้องดึงอารมณ์ร่วมของผู้ชมออกมา ผ่านแสงสีเสียงที่สร้างขึ้นนอกเหนือเวทีมวยปล้ำ อันเป็นลักษณะสำคัญของมหรสพโบราณ ทั้งละครโอเปร่า และ การต่อสู้วัวกระทิง ที่เน้นการขับอารมณ์ของผู้ชมให้ออกมามีส่วนร่วมกับการแสดงที่อยู่ตรงหน้า

ในทางกลับกัน โลร็องต์ บาร์ตส เปรียบเทียบมวยปล้ำเข้ากับมวยสากล เพื่อชี้ให้ผู้อ่านเห็นชัดเจนว่า มวยปล้ำไม่ใช่กีฬา ดั่งที่หลายคน (ในช่วงเวลานั้น) เข้าใจ ในขณะที่มวยสากลคือเรื่องของนักกีฬาที่ต่อสู้กันเพื่อความเป็นเลิศ ชัยชนะและความพ่ายแพ้ถูกตัดสินกันด้วยความสามารถ ผู้แพ้ถูกปลอบประโลมด้วยเรื่องของโชคชะตา ที่ยังพานักสู้ผู้โชคร้ายไปไม่ถึงฝั่งฝัน ผลการแข่งขันกลายเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะกำหนดเนื้อเรื่องที่จะดำเนินต่อไปในชีวิตของนักมวยแต่ละคน


Photo : www.imdb.com

เรื่องราวที่กำลังบอกเล่าในกีฬามวยสากล คือสิ่งไร้สาระในกีฬามวยปล้ำ ผู้ชมมวยปล้ำไม่สนใจเรื่องของโชคชะตา ที่ต้องกินระยะเวลานานในการเข้าใจ มวยปล้ำนำเสนอภาพที่ฉาบฉวย เข้าใจง่าย และสามารถดึงอามรณ์จากผู้ชมได้ โดยไม่ต้องสนใจผลการแข่งขัน เพราะมวยปล้ำคือการแสดงที่ต้องเล่นกับอารมณ์ของผู้ชมอย่างต่อเนื่อง มากกว่าจะสรุปเรื่องราวทั้งหมดผ่านผลแพ้ชนะในช่วงท้ายของการแข่งขัน

สาระสำคัญของกีฬามวยปล้ำ จึงไม่ได้อยู่ที่ผลแพ้ชนะ แต่เป็นช่วงเวลาระหว่างการปล้ำ ซึ่งในความหมายของ โลร็องต์ บาร์ตส คือการแสดง ทั้งจากท่าทางที่เกินจริงของผู้แสดง และ การยั่วล้อเล่นอารมณ์ของคนดู เพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ชม โดยวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะทำอย่างนั้น คือการกำหนดบทบาทและความดี-ชั่ว ให้แก่นักกีฬา อันเป็นวิธีการที่ไม่แตกต่างจากละครโบราณเลยแม้แต่น้อย

หน้าที่ของคนดีและคนชั่ว

บทบาทคนดี-คนชั่วที่เกิดขึ้นในกีฬามวยปล้ำ คือสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องนำเสนอออกมาเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจว่า นักกีฬามวยปล้ำที่เห็นอยู่ตรงหน้า มีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร ทั้งลักษณะท่าทาง, ภาษาที่ใช้พูด หรือ กระทั่งการแต่งกาย ทุกอย่างต้องชัดเจนมาก เพื่อให้คนดูเข้าใจได้ทันทีว่านักมวยปล้ำคนนี้ เป็นคนดีหรือคนชั่ว ตั้งแต่การเห็นครั้งแรก


Photo : www.sportskeeda.com

ในสายตาของ โลร็องต์ บาร์ตส ผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดบนเวทีมวยปล้ำ คือนักมวยปล้ำฝ่ายอธรรม ทั้งจากการกระทำของนักมวยปล้ำกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น ความโหดร้าย, ความขี้ขลาด หรือการทรยศนักมวยปล้ำด้วยกัน รวมถึงลักษณะท่าทางที่ดูชั่วร้าย บางครั้งถึงขนาดไม่ใช่มนุษย์ ทั้งหมดมีส่วนสำคัญในการปลุกเร้าอารมณ์จากคนดูออกมา รวมถึงเป็นใจความหลักที่ช่วยผลักดันเนื้อเรื่องให้เดินทางต่อไปได้

ภาพลักษณ์ของนักมวยปล้ำอธรรม จึงเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ที่ถูกฝังลงไปในดิน และจะเติบโตไปเป็นการต่อสู้ในกีฬามวยปล้ำทั้งหมด อารมณ์ร่วมและความบันเทิงระหว่างการปล้ำ ถูกตั้งต้นออกมาจากนักมวยปล้ำกลุ่มนี้ และสิ่งสำคัญที่จะช่วยต่อยอดเรื่องราวจากความชั่วร้ายของนักมวยปล้ำอธรรมได้ คือเนื้อเรื่องที่จะส่งเสริมให้คนเหล่านี้เป็นใหญ่

มวยปล้ำเป็นเหมือนดั่งละครดราม่าเรื่องหนึ่ง ที่กว่าพระเอกจะมีความสุขในตอนท้าย เราต้องทนดูตัวร้ายครองความยิ่งใหญ่ตลอดทั้งเรื่อง นักมวยปล้ำที่ยิ้มแย้มและเป็นมิตรกับคนดู มักจะต้องรับบทบาทชายโชคร้ายที่ถูกหักหลัง หรือพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นธรรม ก่อนกลับมาแก้แค้นเพื่อทวงคืนความยุติธรรมแก่ตน


Photo : www.expreso.com.pe

ความพิเศษของนักมวยปล้ำธรรมะ จึงไม่ได้อยู่ที่การกระทำบนเวที แต่เป็นสิทธิพิเศษที่อนุญาตให้พวกเขา พูดคุยความในใจกับผู้ชมโดยตรง สื่อสารความอัดอั้นตันใจในฐานะผู้ถูกกระทำ เพื่อให้ผู้ชมเอาใจช่วยนักมวยปล้ำรายนั้น แก้แค้นนักมวยปล้ำตัวร้าย ที่กำลังจะขึ้นเวทีในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า

ความจริงที่เกิดขึ้นในโลกของมวยปล้ำ จึงไม่ได้ต่างจากความจริงที่เกิดขึ้นในโรงละคร ทั้งสองคือพื้นที่ซึ่งอนุญาตให้ผู้ชมปลดปล่อยความเห็นทางศีลธรรม อันแท้จริงแล้วควรถูกจำกัดไว้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ในโชว์มวยปล้ำ ความดีชั่วถูกนำเสนอออกมาโดยตรง ไม่ถูกตัดทอน หรือทำให้เหมือนโลกแห่งความเป็นจริงด้วยซ้ำ

ความบันเทิงในกีฬามวยปล้ำ จึงมาจากการที่ผู้ชมสามารถมีอารมณ์ร่วมกับเนื้อเรื่องที่ดำเนินอยู่เบื้องหน้าได้อย่างเต็มที่ ทั้งเสียงปรบมือนิยมชมชอบแก่คนดี และเสียงโห่ด่าทอแก่นักมวยปล้ำวายร้าย ผู้ชมสามารถแสดงกิริยาทั้งหมดได้ผ่านการชมมวยปล้ำ แบบที่บางคนไม่เคยคิดจะลงมือทำในชีวิตจริง

ความเจ็บปวด ความพ่ายแพ้ และความยุติธรรม

สิ่งที่มวยปล้ำนำเสนอสู่สายตาสาธารณชน ไม่ได้จำกัดเพียงเรื่องของจริยธรรมความดี-ชั่ว แต่ยังรวมไปถึงใจความสำคัญบางอย่างที่ปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่องและการต่อสู้แทบทุกแมตช์ของกีฬามวยปล้ำ นั่นคือ ความเจ็บปวด, ความพ่ายแพ้ และความยุติธรรม


Photo : bleacherreport.com

โลร็องต์ บาร์ตส มองว่า มวยปล้ำนำเสนอภาพความทุกข์ทรมานของผู้ชายสองคนบนเวที ผ่านเนื้อเรื่องแนวโศกนาฏกรรมทุกรูปแบบเท่าที่จะคิดได้ โดยสิ่งสำคัญที่ขับเน้นภาพความเจ็บปวดของนักมวยปล้ำให้เด่นชัด คือการแสดงของนักมวยปล้ำบนเวที

นักมวยปล้ำแตกต่างจากกีฬาต่อสู้อื่นตรงที่ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขารู้สึกเจ็บปวด จากการถูกทุ่มลงกับพื้น หรือ ท่าทรมาน พวกเขาจะแสดงอาการเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งท่าทีกรีดร้อง หรือ สีหน้าที่แทบรับความเจ็บปวดไม่ไหว แตกต่างจากนักกีฬาต่อสู้ประเภทอื่น ที่เลือกจะอดกลั้นความเจ็บปวด และพร้อมทำทุกทางที่จะแสดงให้ผู้ชมเห็นว่า เขายังยืนหยัดบนเวทีได้ไหว

การแสดงภาพความเจ็บปวดอย่างเด่นชัด ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของกีฬามวยปล้ำ โลร็องต์ บาร์ตส กล่าวอย่างชัดเจนว่า มวยปล้ำคือกีฬาเดียวบนโลกใบนี้ ที่อนุญาตให้แสดงภาพของการทรมานได้อย่างชัดเจน ผ่านท่าล็อคประเภทต่างๆ ที่ไม่ได้มีเจตนาใช้งานเพื่อให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ เพื่อแสดงภาพที่ซาดิสต์ออกมาเอาใจคนดู แม้ว่าผู้ชมจะรู้อยู่แล้วความเจ็บปวดที่เห็นบนเวทีทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็น “ของปลอม”


Photo : lordsofpain.net

ภาพความเจ็บปวดทั้งหมดที่แสดงบนเวที จะถูกรวบรวมและส่งสู่สายตาผู้ชมในลักษณะของความพ่ายแพ้ ผู้ชายสูงใหญ่เกือบ 200 เซนติเมตร นอนแผ่อยู่กับพื้นและไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนขึ้นฟ้า ใจความสำคัญของความพ่ายแพ้ในกีฬามวยปล้ำ ไม่ได้อยู่ที่มันคือผลลัพธ์ของการแข่งขัน แต่เป็นบทสรุปของความทุกข์ทรมาน และความอัปยศอดสู ราวกับถอดออกมจากเทพนิยายโบราณ

โลร็องต์ บาร์ตส เปรียบเทียบความพ่ายแพ้ของนักมวยปล้ำ ราวกับการตรึงกางเขนของพระเยซู มันคือการไถ่บาปสำหรับฝ่ายธรรมะ และการประจานของฝั่งอธรรม ผู้ชมอาจเห็นพระเอกที่เจ็บปวดมาตลอดทั้งแมตช์พ่ายแพ้ หรือคนชั่วที่โดนลงทัณฑ์อย่างน่าอัปยศในตอนท้าย ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร มวยปล้ำคือการแสดงที่ต้องมีจุดจบ

แต่สิ่งที่ทำให้มวยปล้ำไม่เหมือนกีฬาใด และยังคงได้รับความนิยมจนถึงทุกวันนี้ คือการนำเสนอเรื่องราวของ “ความยุติธรรม” แนวคิดเรื่องของการเอาคืน คือสิ่งที่จำเป็นในกีฬามวยปล้ำ มันคือเหตุผลสำคัญที่ยังทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมกับกีฬามวยปล้ำได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักเพียงใด

กีฬามวยปล้ำนำเสนอภาพความยุติธรรมอย่างชาญฉลาด กล่าวคือ ความยุติธรรมในวงการมวยปล้ำ เป็นเรื่องที่แทบไม่มีอยู่จริง กรรมการไม่เคยเห็นกลโกงใดของนักมวยปล้ำฝ่ายอธรรม ในขณะที่ผู้ชมทั้งสนามเห็นอย่างเด่นชัดด้วยสองตาของพวกเขา ผู้ชมจึงเริ่มเรียกร้องหาความยุติธรรม ที่ไม่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า และต้องการเห็นผู้ร้ายถูกลงทัณฑ์ในตอนจบ


Photo : whatculture.com

แฟนมวยปล้ำจึงฝากความหวังไว้ที่นักมวยปล้ำฝ่ายธรรมะ ชายเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่บนเวที และสามารถจะตะบันหน้านักมวยปล้ำตัวโกง เพื่อทวงคืนความยุติธรรมคืนมาอีกครั้ง มันคือการตัดสินโทษแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ที่แม้จะล้าหลังราวกับกฎหมายในยุคบาบิโลเนียน แต่สำหรับกีฬามวยปล้ำ มันไม่ใช่สิ่งที่เกินเลย

โลกของมวยปล้ำ คือโลกที่มีความชั่วร้ายเป็นธรรมชาติ มันคือโลกที่กฎหมายอ่อนแอ โลกที่ไม่มีกติกา โลกที่กรรมการผู้เป็นกลางพร้อมจะหันหลังให้กับการแข่งขัน มวยปล้ำคือการแสดงภาพของโลกที่โกลาหลต่อหน้าผู้ชม โดยมีนักมวยปล้ำ, กรรมการ รวมถึงตัวผู้ชมเอง เป็นตัวละครหลักของการแสดงครั้งนี้

โลกของมวยปล้ำ

โลร็องต์ บาร์ตส กล่าวในช่วงท้ายของบทความ โลกของมวยปล้ำ ว่ามายาคติของการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่วในกีฬามวยปล้ำ จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ ในขณะที่มวยปล้ำอเมริกา ยึดถือความดีชั่วผ่านเรื่องของการเมืองเป็นสำคัญ (ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงสงครามเย็น) ฝรั่งเศสจะยึดถือในเรื่องของจริยธรรมเสียมากกว่า


Photo : aminoapps.com

คำกล่าวของ โลร็องต์ บาร์ตส กล่าวชัดเจนว่ามวยปล้ำคือภาพสะท้อนของการต่อสู้ระหว่างความดี-ชั่ว ในแต่ละสังคม และแม้เวลาผ่านมาหลังจากบทความโลกของมวยปล้ำตีพิมพ์กว่า เกือบ 70 ปี ดูเหมือนว่ามายาคติตรงนี้ในกีฬามวยปล้ำ จะยังไม่ลดลงไป

ความไม่ยุติธรรมของแต่ละสังคม ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นจริยธรรมพื้นฐาน, ปัญหาเศรษฐกิจ, การกดขี่ของรัฐ หรือ ความไม่เป็นธรรมของส่วนกลาง ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งในเนื้อเรื่องของกีฬามวยปล้ำ เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมตีตั๋วเข้ามาชมการแข่งขัน ที่อ้างอิงจากเรื่องราวในชีวิตจริงของคนทุกวันนี้

นักมวยปล้ำฝั่งธรรมะคือภาพแทนของคนธรรมดาทั่วไป ในที่นี้คือผู้ชมกีฬามวยปล้ำ ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นชายธรรมดาที่ทำตามกฎระเบียบของสังคมทุกเมื่อเชื่อวัน แต่กลับต้องเจอการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจากส่วนกลาง ซึ่งคือกรรมการมวยปล้ำ ที่ไม่เคยเหลียวแลความชั่วร้ายที่มีอยู่ในสังคม

ส่วนนักมวยปล้ำอธรรม พวกเขาไม่ใช่คนที่อยู่นอกกฎหมาย แต่เป็นอะไรที่ชั่วร้ายยิ่งกว่า นักมวยปล้ำฝ่ายอธรรม คือภาพแทนของกลุ่มคนที่อยู่ภายใต้กฎหมาย และพร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมายที่ตั้งไว้ ตราบใดก็ตามที่ได้รับประโยชน์จากมัน


Photo : wrestlingworld.co

แต่เมื่อไรก็ตาม ที่พวกเขาเห็นช่องว่างจากความอ่อนแอของความยุติธรรม (ในโลกมวยปล้ำ) กลุ่มคนที่เคยอยู่ใต้กฎหมาย จะพร้อมทำเรื่องชั่วร้ายเพื่อหาประโยชน์เข้าตัวเองเสมอ นี่คือกลุ่มคนที่มนุษย์ทั่วไปมองว่าชั่วร้ายที่สุดในสังคม มันจึงเป็นภาพที่เหมาะสมอย่างมาก สำหรับการสร้างตัวร้ายในกีฬามวยปล้ำ

มวยปล้ำจึงไม่ใช่แค่กีฬา แต่มันคือมายาคติที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบอกเล่าการต่อสู้ระหว่างความดี-ชั่ว ท่ามกลางระบบยุติธรรมที่ล้มเหลว มวยปล้ำจึงยังคงพิเศษจนถึงทุกวันนี้ เพราะหนทางเดียวที่เราจะได้เห็น นักกีฬาที่ถูกกดขี่มาอย่างช้านานได้ชูมือในตอนท้าย ขณะที่ผู้ร้ายลงไปกองกับพื้นแบบหมดสภาพ โดยที่ไม่อาจจะลุกขึ้นมาได้อีก

โลกของมวยปล้ำ ไม่ต่างจากโลกความเป็นจริงของมนุษย์ หากแต่คนดีและคนชั่วในโลกของมวยปล้ำ ถูกแบ่งอย่างเด่นชัด และผู้ร้ายมักถูกลงโทษในตอนท้าย ต่างจากโลกแห่งความจริงที่คำว่า คนดี ถูกอ้างใช้โดยคนทุกฝ่าย จนแยกไม่ออกว่าใครดี-ชั่ว และเราไม่เคยแน่ใจว่า ผู้ร้ายจะได้รับการลงทัณฑ์ตามความผิด ท่ามกลางความยุติธรรมที่ถูกจำกัดเอาไว้ จนน้อยยิ่งกว่าที่เคยสัมผัสในโลกของมวยปล้ำ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook