ทิม วิเซ่ : สิ่งที่เปลี่ยนนักฟุตบอลวายร้าย ให้กลายมาเป็นนักมวยปล้ำ ?

ทิม วิเซ่ : สิ่งที่เปลี่ยนนักฟุตบอลวายร้าย ให้กลายมาเป็นนักมวยปล้ำ ?

ทิม วิเซ่ : สิ่งที่เปลี่ยนนักฟุตบอลวายร้าย ให้กลายมาเป็นนักมวยปล้ำ ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทิม วิเซ่ (Tim Wiese) ผู้รักษาประตูสัญชาติเยอรมัน ที่แฟนบอลเมืองเบียร์ช่วง 2000’s หลายคนรู้จักกันดี ในฐานะนายทวารที่มีคาแรกเตอร์จอมโหด ดุดัน

กระทั่งในปี 2014 ทิม วิเซ่ กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่ววงการฟุตบอล เมื่อเขาตัดสินใจแขวนสตั๊ดตั้งแต่อายุ 32 ปี แล้วประกาศว่าหลังจากนี้ จะใช้ชีวิตในฐานนะนักมวยปล้ำอาชีพ!

ความสงสัยก่อตัวในใจแฟนกีฬาทั่วโลก ว่าทำไมนักฟุตบอลคนหนึ่ง ถึงตัดสินใจผันตัวเป็นนักมวยปล้ำ กีฬาเพื่อความบันเทิง นอกจาก ทิม วิเซ่ จะพูดจริงทำจริง เขายังประสบความสำเร็จถึงขั้นขึ้นปล้ำให้กับ WWE สมาคมมวยปล้ำอันดับหนึ่งของโลก

Main Stand พาคุณย้อนดูเรื่องราวของ ทิม วิเซ่ จากนักกีฬาฟุตบอลที่มีแต่คนเกลียด สู่ชีวิตที่โลดแล่นบนเส้นทางใหม่ จนกลายเป็นนักมวยปล้ำที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก

วายร้ายแห่งบุนเดสลีกา

เส้นทางการเป็นนักมวยปล้ำของ ทิม วิเซ่ เริ่มต้นโดยที่เขาไม่รู้ตัวตั้งแต่วัยเยาว์ เด็กชายจากเมืองแบร์กิชกลัดบัค ใช้เวลาว่างไปกับการเก็บสะสมการ์ด และเล่นมวยปล้ำกับเพื่อนในสนามเด็กเล่น


Photo : seensportimages.photoshelter.com

“ผมเป็นแฟนตัวยงของ WWE ตั้งแต่ยังเด็ก ในช่วงยุค 90’s ผมรักมวยปล้ำมาก” วิเซ่ให้สัมภาษณ์กับ AFP

“ผมติดตามมวยปล้ำเสมอ แม้ผมจะเข้าสู่วงการฟุตบอล แต่พูดตามตรง ผมไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่งผมจะกลายมาเป็นนักมวยปล้ำจริงๆ”

เหตุผลที่ ทิม วิเซ่ ไม่เคยคิดถึงอาชีพนักมวยปล้ำเพราะ ทิม วิเซ่ เติบโตขึ้นมา ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อมสำหรับการเป็นนักฟุตบอล 

วิเซ่ มีรูปร่างที่สูงถึง 193 เซนติเมตร และน้ำหนักราว 90 กิโลกรัม แต่เปี่ยมไปด้วยความไว เขาจึงเป็นผู้รักษาประตูสไตล์สวีปเปอร์ระดับท็อปของประเทศเยอรมัน และได้รับฉายาจากแฟนบอลว่า “ไอ้เครื่องจักร” (The Machine)

ด้วยรูปร่างที่แข็งแกร่งเกินนักเตะทั่วไป จึงไม่น่าแปลกใจหากเส้นทางการค้าแข้งของวิเซ่ จะเต็มไปด้วยความสำเร็จ เขายึดตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมแวร์เดอร์ เบรเมน ในยุค 2000’s อันเป็นยุครุ่งเรืองของสโมสร

วิเซ่ร่วมหัวจมท้ายกับต้นสังกัด อย่างยาวนานถึง 7 ปี ลุยศึกยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก หลายครั้ง โดยเกียรติประวัติสูงสุดของเขาคงหนีไม่พ้น การเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติเยอรมัน ชุดฟุตบอลโลก 2010 ที่คว้าตำแหน่งอันดับ 3 กลับบ้านได้สำเร็จ


Photo : wikimedia.org

กีฬาฟุตบอลเหมือนจะทำให้ชีวิตของ ทิม วิเซ่ กับมวยปล้ำเป็นเส้นขนาน แต่กลับตรงกันข้าม ทิม วิเซ่ นำความดุดันและป่าเถื่อนจากกีฬามวยปล้ำ มาสร้างเป็นตัวตนของเขาในกีฬาฟุตบอล 

เขาคือนักเตะที่ก้าวร้าวที่สุดในสนามเสมอ วิเซ่พร้อมจะเดินไปตะคอกใส่ทุกคนที่เขาไม่พอใจ ตั้งแต่ผู้เล่น, ฝ่ายตรงข้าม หรือกระทั่ง เพื่อนร่วมทีม

วีรกรรมที่โด่งดังที่สุดของวิเซ่ คงหนีไม่พ้นการวิ่งออกมากระโดดถีบเข้าไปเต็มคอของ อิวิกา โอลิช (Ivica Olić) ศูนย์หน้าของทีมฮัมบูร์ก การกระทำครั้งนั้นทำให้เขาถูกรุมด่าจากแฟนฟุตบอลทั่วประเทศเยอรมัน แต่แทนที่วิเซ่จะรู้สึกกดดัน เขากลับยิ้มรับให้กับบทนักฟุตบอลวายร้ายแห่งบุนเดสลีกา


Photo : www.90min.de

“การพูดจาดูถูกคนอื่นมันอยู่ในสายเลือดของผม” ทิม วิเซ่ ให้สัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้ม

“ตอนผมยังเล่นฟุตบอล ผมเองก็เป็นผู้ร้ายให้แฟนทีมฝ่ายตรงข้ามดูถูกอยู่แล้ว เรื่องนั้นมันไม่เคยกวนใจ พวกเขาเกลียดผมตามสบาย”

“อันที่จริง ผมพยายามทำให้ผู้คนเกลียด เพราะถ้าคุณกลายเป็นคนที่ถูกเกลียดชัง ผู้คนจะแสดงสิ่งเหล่านั้นออกมาในสนาม เพราะฉะนั้น ผมไม่มีปัญหากับมันเท่าไร”

“ในเยอรมัน ไม่มีใครรู้สึกยินดีไปกับความสำเร็จหรือสิ่งที่คุณได้รับ ผมไม่ชอบที่จะรู้สึกไม่มีความสุขในเรื่องของคนอื่น ผมกล้าพูดนะว่าแฟนครึ่งหนึ่งชอบผม ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเกลียดผม ซึ่งมันเป็นเรื่องดีนะ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ยังพูดถึงผม”

สู่เวทีมวยปล้ำ

ความมั่นใจในตัวเองอย่างแรงกล้า และทัศนคติที่สุดโต่ง ของทิม วิเซ่ แสดงออกมาให้เห็นอีกครั้ง เขาปัดปฏิเสธเงินก้อนโตจากทีมเรอัล มาดริด เนื่องจากไม่ต้องการใช้ชีวิตเป็นผู้รักษาประตูมือสอง 


Photo : www.90min.com

วิเซ่ เลือกจรดปากกาเซ็นสัญญากับทีมหน้าใหม่มาแรงในขณะนั้นอย่าง ฮอฟเฟนไฮม์ ในฤดูกาล 2012-13 อันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตการค้าแข้งของเขาก้าวสู่จุดจบ

นายด่านพันธุ์ดุ ฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย นับตั้งย้ายเข้ามาสังกัดทีม “หมู่บ้านแห่งความหวัง” ด้วยภาพลักษณ์และฝีปากที่เคยเป็นปัญหาเมื่อครั้งอดีต แฟนฟุตบอลทีมฮอฟเฟนไฮม์รุมโจมตีกัปตันทีมของตัวเอง จนถึงขนาดเดินทางมาถึงออฟฟิศของสโมสร เพื่อเรียกร้องให้สโมสรถอด วิเซ่ ออกจากการเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่ง

ทุกอย่างในชีวิต วิเซ่ ดูเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 หลังจากถูกถอดจากตำแหน่งมือหนึ่งได้เพียง 1 เดือน ทิม วิเซ่ ก่อเรื่องจนถูกขับไล่ออกจากงานคาร์นิวัลประจำเมือง สโมสรสั่งปรับเงิน และตัดเขาออกจากทีมชุดใหญ่ ให้ไปซ้อมอยู่เพียงลำพังอย่างไม่มีกำหนด

แทนที่จะจมอยู่กับความเศร้า และใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปวันๆ ทิม วิเซ่ หันมาใช้เวลาว่างไปกับการเข้าฟิตเนส เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อของตนเอง นี่คือช่วงเวลาที่ทิม วิเซ่ หวนกลับคิดถึงอะไรบางอย่าง ที่เขาเคยตกหลุมรัก 


Photo : yahoo.com

“ผมไม่ได้มองว่ามวยปล้ำคือทางออกของปัญหา มันแค่เป็นอีกทางเลือกของชีวิต ก่อนจะกลายเป็นคนอ้วนใช้ชีวิตไปวันๆบนโซฟา” ทิม วิเซ่ กล่าวถึงการเริ่มต้นใหม่ในฐานะนักมวยปล้ำ

“คำถามมันเริ่มเข้ามาในหัวผม เพราะผมรู้ว่าเส้นทางของผมในฐานะนักฟุตบอลมันจบแล้ว”

คำกล่าวของวิเซ่ไม่ได้เกินจริง เดือนมกราคมปี 2014 ฮอฟเฟนไฮม์ตกลงยกเลิกสัญญา ทิม วิเซ่ เขาเป็นนักเตะไร้สังกัดอยู่ราวครึ่งปี ก่อนตัดสินใจแขวนสตั๊ด ด้วยวัยเพียง 32 ปี พร้อมประกาศต่อชาวโลกว่า หลังจากนี้ผู้คนจะรู้จัก ทิม วิเซ่ ในฐานะนักมวยปล้ำ ไม่ใช่นักฟุตบอลอีกต่อไป 

“ตอนแรกผมไม่ได้จริงจังอะไรนัก แต่หลายอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ WWE ติดต่อมาอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ผมร่วมงานกับพวกเขาในฐานะนักมวยปล้ำ”

“มันคือแชมเปียนส์ลีก WWE เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการมวยปล้ำ เพราะฉะนั้น ผมจึงมุ่งมั่นตั้งใจมาก และพร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างที่อยู่รอบตัว”


Photo : www.skysports.com

มวยปล้ำกลับมาปลุกไฟในชีวิตของวิเซ่อีกครั้ง หลังจากปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญในโชว์ที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต เมื่อช่วงปลายปี 2014 วิเซ่ เดินทางสู่สหรัฐอเมริกา เพื่อฝึกฝนมวยปล้ำอย่างจริงจังกับ WWE

แม้จะอายุ 34 ปี ทิม วิเซ่ ดูแลร่างกายดีกว่าตลอดชีวิตนักฟุตบอลของเขา วิเซ่เพิ่มน้ำหนักตัวเองจาก 90 กิโลกรัม สู่ 130 กิโลกรัม โดยควบคุมอาหารทุกอย่าง เพื่อลดไขมันเพิ่มกล้ามเนื้อ พร้อมสำหรับรับแรงปะทะที่มากกว่าที่เขาเคยสัมผัสในสนามฟุตบอล

หลังจากฝึกหนักนาน 2 ปี วันที่รอคอยของ ทิม วิเซ่ มาถึง เขามีโปรแกรมขึ้นปล้ำแมตช์แรกในชีวิต โดยร่วมทีมกับ เชมัส และ เซซาโร (Sheamus and Cesaro) พบกับทีมนักมวยปล้ำอธรรม เดอะ ไชนนิง สตาร์ และ โบ ดัลลัส (The Shining Stars and Bo Dallas) ในโชว์แบบไม่ถ่ายทอดออกทีวี ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมัน เมื่อดือนพฤศจิกายน ปี 2016


Photo : www.stuttgarter-zeitung.de

“แผนของผมในการจัดการไชน์นิง สตาร์ นั้นไม่ยาก คือใส่ให้เต็มที่ แล้วอัดพวกเขาจนร่วงออกจากเวที” ทิม วิเซ่ เริ่มโม้ถึงแนวทางการปล้ำ ก่อนแมตช์แรกในอาชีพมวยปล้ำของเขา

“ผมจะจับพวกเขาทั้งสองด้วยมือทั้งสองข้างของผม มือซ้ายจับหนึ่งคน มือขวาจับอีกคน จากนั้นก็ปิดบัญชีพวกเขาซะ ส่วนโบ ดัลลัส ผมจะดร็อปคิกเขา ก่อนจะโยนออกนอกเวทีตามไปอีกคน”


Photo : www.thesun.co.uk

หากคุณชมคลิปการปล้ำของ ทิม วิเซ่ ในคืนนั้น จะพบว่าคำพูดของเขา ไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเลยแม้แต่น้อย วิเซ่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าใช้ท่าไหล่กระแทก และ กระโดดทิ้งตัว ก่อนคว้าชัยชนะไปตามสไตล์แมตช์การปล้ำเอาใจเจ้าถิ่น

หลังจากจบแมตช์ดังกล่าว ทิม วิเซ่ ให้สัมภาษณ์ตามสื่อหลายเจ้า ถึงแผนการต่อไปในการก้าวสู้เส้นทางนักมวยปล้ำเต็มตัว โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า แมตช์ดังกล่าวจะเป็นแมตช์แรก และแมตช์เดียวในชีวิตการปล้ำของเขา มาจนถึงทุกวันนี้

ความสุขที่ได้รับ

ทิม วิเซ่ หายจากหน้าสื่อจนกระทั่งเดือนเมษายน ปี 2017 เขาสร้างความประหลาดใจด้วยการคืนสู่สังเวียนกีฬาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่บนเวทีมวยปล้ำ กลับเป็นสนามฟุตบอลที่เขาเคยหันหลังให้ ด้วยการลงเล่นให้กับทีมดิลลินเกน (Dillingen) ทีมฟุตบอลกึ่งอาชีพในลีกระดับหกของเยอรมัน


Photo : SSV Dillingen

“ในฐานะที่มันเป็นเกมแรก ผมคิดว่ามันเป็นไปด้วยดีนะ ตอนนี้ผมมองไปที่อนาคตอีกครั้ง แน่นอนว่าไม่ใช่การเล่นให้กับลีกระดับหก แต่เป็นบุนเดสลีกา ผมคิดว่าผมยังดีพอที่จะลงเล่นได้อยู่”

เป็นอีกครั้งที่คำพูดของวิเซ่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เขาไม่ได้หวนกลับสู่สนามฟุตบอลอีกครั้งจนถึงวันนี้ เช่นเดียวกับเวทีมวยปล้ำ ที่วิเซ่ประกาศรีไทร์ไปแล้วเรียบร้อย ท่ามกลางความสงสัยจากแฟนฟุตบอลทั่วโลกว่า มันเกิดอะไรขึ้นหลังจากความสำเร็จของเขา ในแมตช์การปล้ำที่เมืองมิวนิคคืนนั้น

“ตอนแรกที่ WWE ติดต่อผมมา พวกเขานำเสนอแนวคิดให้กับผม พวกเขาต้องการให้เป็นสวมบทฮีโร่ของชาวเยอรมัน ผมคิดว่ามันเข้าท่าดี เราพูดคุยกันถึงเรื่องทัวร์ในเยอรมัน หลังจากนั้นค่อยออกไปปล้ำต่างประเทศ”

“สิ่งหนึ่งที่ผมชัดเจนเสมอ คือ ผมจะไม่ใช้เวลากว่า 200 วันอยู่ที่อเมริกา ผมจะไม่ทัวร์รอบโลกเหมือนนักมวยปล้ำคนอื่น ครอบครัวที่เบรเมนต้องมาก่อนเสมอ หลังจากจบแมตช์ของผมที่มิวนิค พวกเขาต้องการให้ผมไปย้ายไปอยู่ที่อเมริกา เพื่อใช้เวลาอยู่ที่นั่นอีกหลายปี”

“ผมติดต่อ WWE กลับไปหลายครั้งเพื่อพูดคุยเรื่องนี้ แต่ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจนกลับมา ผมคิดว่าพวกอเมริกันกลัวผม พวกเขาเห็นแล้วว่าผมไม่ใช่เด็กน้อยที่คอยฟังคำสั่ง และจะทิ้งทุกอย่างเพื่อไปเริ่มต้นใหม่กับ WWE”

“สำหรับผม WWE ในเยอรมัน เป็นเหมือนกับลีกสมัครเล่น ส่วน WWE ในสหรัฐอเมริกา พวกเขาให้ความสำคัญราวกับเป็นประธานาธิบดี ผมคิดว่า WWE กำลังตามหาฮีโร่ท้องถิ่น แต่ต้องเป็นคนที่พวกเขาควบคุมได้ 100 เปอร์เซ็นต์ คนที่พูดได้แค่ใช่ครับนาย ดีครับท่าน ซึ่งคนแบบนั้นมันดูเหมือนผมมากเลยนะ (หัวเราะ)”


Photo : bleacherreport.com

หลายคนอาจมอง ทิม วิเซ่ ว่าเป็นตัวอย่างของนักกีฬาที่ล้มเหลว เขายุติอาชีพนักฟุตบอลด้วยการกระทำสุดห่ามของตัวเอง และเมื่อหันสู่กีฬามวยปล้ำ ยังไปไม่รอดจากทัศนคติที่ดื้อดึง และปฏิเสธจะขึ้นปล้ำในสมาคมท้องถิ่น 

จนต้องจบกับการลงเล่นในฟุตบอลกึ่งอาชีพต่อหน้าแฟนบอล 1,200 คน ไม่เหลือคราบนักฟุตบอลที่เคยติดทีมชาติเยอรมันแม้แต่น้อย

แต่ในทางกลับกัน ทุกความผิดพลาด ทุกการล้มลุกคลุกคลาน ทิม วิเซ่ ตัดสินใจทำทุกอย่างด้วยความต้องการของเขาเสมอ แน่นอนว่า วิเซ่ ล้มเหลวในอาชีพนักมวยปล้ำ แต่ถามว่ามันเรื่องราวการเดินทางที่น่าเศร้าหรือไม่? วิเซ่มีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในใจแล้ว


Photo : www.t-online.de

“ทำไมผมต้องเศร้าละ การปรากฏตัวของผมใน WWE ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากแฟนๆ แน่นอนว่าผมเองก็รู้สึกแบบนั้น ในฐานะที่เป็นแฟนมวยปล้ำตั้งแต่เด็ก อยู่ดีๆ ได้รับข้อเสนอจาก WWE มันเป็นอะไรที่พิเศษมาก”

“เสียงตอบรับจากแฟนๆมันสุดยอดจริงๆ แม้แต่แฟนฟุตบอลที่เคยเกลียดผม ยังให้ความเคารพผมจากความพยายามทั้งหมดที่ผมแสดงออกไป ถ้าคุณดูตามหน้าสื่อในช่วงเวลานั้น มันมีแค่เรื่องราวของทิม วิเซ่ กับ WWE”

“ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่ผมจะไม่ได้รับคำถามจากแฟนๆ ไม่ว่าจะเป็นตามท้องถนนหรือโลกออนไลน์ พวกเขาถามผมเหมือนกันว่า เมื่อไหร่ “ไอ้เครื่องจักร” จะกลับสู่เวทีมวยปล้ำอีกครั้ง”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook