เว้นระยะ 2 ม., ห้ามปะทะ ฯลฯ, สรุปทุกประเด็นมาตรการควบคุมนักเตะกลับมาฝึกซ้อมของพรีเมียร์ลีก

แจกแจงรายละเอียดมาตรการควบคุมของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่อนักฟุตบอลของสโมสรสมาชิก ในประเด็นการให้แข้งอาชีพกลับมาร่วมฝึกซ้อมกับต้นสังกัดในวันอังคารที่ 19 พฤษภาคมนี้ ตามการรายงานจาก สกาย สปอร์ตส์ สื่อในอังกฤษ

หัวข้อในที่ประชุม

ฝ่ายจัดการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ประชุมร่วมกับตัวแทนนักเตะ, สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (พีเอฟเอ) และตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาลอังกฤษ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น หารือในประเด็นการให้นักเตะกลับมาฝึกซ้อมกับต้นสังกัดในสัปดาห์หน้า โดยมีวันอังคารที่จะถึงนี้เป็นกำหนดการเริ่มต้น

สกาย สปอร์ตส์ รายงานว่า นักเตะได้รับการแจกจ่ายคู่มือมาตรการฝึกซ้อมหนาราว 40 หน้าโดยที่มีกัปตันทีมของแต่ละสโมสรเป็นตัวแทนในการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ดังกล่าว

"พวกเราจะได้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยมากกว่าการไปซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยซ้ำ สนามซ้อมจะปลอดภัยอย่างมาก อันที่จริงมันจะปลอดภัยกว่าการพาครอบครัวออกไปช็อปปิ้งประจำสัปดาห์อย่างที่พวกเขาเคยทำด้วยอีกต่างหาก" หนึ่งในตัวแทนระดับซีเนียร์ของสโมสรให้สัมภาษณ์กับ สกาย สปอร์ตส์ โดยไม่เปิดเผยตัวตน

"เราจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ควบคุมโดยแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ"

รูปแบบการฝึกซ้อม

บรรดานักเตะจะเดินทางมายังสนามซ้อมของต้นสังกัดด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลโดยสวมเครื่องแบบฝึกซ้อมมาจากที่พัก ซึ่งพรีเมียร์ลีกแนะนำให้พวกเขาสวมหน้ากากและถุงมือระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวตลอดเวลา รวมทั้งไม่อนุญาตให้โดยสารรถยนต์ร่วมกับเพื่อนร่วมทีม และทำความสะอาดภายในรถของตนเองให้ปราศจากเชื้อมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ยังต้องผ่านด่านตรวจวัดอุณหภูมิก่อนที่จะเข้าไปยังอาคาร

มาตรการควบคุมจะเข้มข้นตั้งแต่บริเวณลานจอดรถ เมื่อพรีเมียร์ลีกชี้ว่าไม่ให้นักฟุตบอลใช้ที่ประจำของพวกเขาอย่างเคย โดยสโมสรต้องจัดวางสล็อตว่างที่ด้านข้างระหว่างรถแต่ละคัน รวมไปถึงไม่อนุญาตให้ใช้บริการล้างรถและบริการตัดผมด้วยเช่นกัน

เมื่อนักเตะจอดรถเรียบร้อยแล้วพวกเขาต้องตรงไปยังสนามซ้อมทันทีภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจากบุคคลอื่น 2 เมตรตลอดเวลา ขณะที่เซสชั่นการฝึกซ้อม กำหนดให้มีเวลาไม่เกิน 75 นาที แบ่งเป็นกลุ่ม แต่ละเซสชันไม่เกิน 5 คน ภายใต้การควบคุมของโค้ช 3 ราย

พรีเมียร์ลีกยังเน้นย้ำให้นักเตะสวมใส่หน้ากากหรืออุปกรณ์สนูดส์ (หน้ากากคลุมจมูกและปากสำหรับนักกีฬา) ตลอดเวลาที่ฝึกซ้อม และหากพวกเขาต้องการได้รับการดูแลจากทีมแพทย์ของสโมสร เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจำเป็นต้องใส่ชุด พีพีอี อันรวมไปถึงหน้ากากและถุงมือก่อนดำเนินการอีกด้วย

ทั้งนี้ เซสชั่นการฝึกซ้อมในเฟสแรกจะไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวและไม่มีการเข้าปะทะแต่อย่างใด ไม่อนุญาตให้มีเซสชั่นฝึกซ้อมที่ทำให้นักเตะต้องใกล้ชิดกัน และสิ่งของทุกอย่างที่นักเตะสัมผัสในการซ้อมจำต้องได้รับการฆ่าเชื้อเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น พื้นสนาม, ลูกฟุตบอล, ถุงมือ, เสาประตู และอุปกรณ์การฝึกซ้อมอื่นๆ

เมื่อเซสชั่นการฝึกซ้อมสิ้นสุดลง พรีเมียร์ลีกอนุญาตให้นักเตะวอร์มดาวน์เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ และต้องเดินทางกลับที่พักทันที โดยห้ามรับประทานอาหารร่วมกันหลังจากนั้นที่สนามฝึกซ้อม

มาตรการดังกล่าวยังไม่อนุญาตให้นักเตะอยู่ซ้อมเพิ่มเติม รวมทั้งไม่สามารถใช้งานสนามซ้อมอื่นเพิ่มเติมได้ และไม่อนุญาตให้มีการประชุมทีมในสนามฝึกซ้อม โดยผู้จัดการทีมสามารถจัดการประชุมทีมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้เท่านั้น

นอกจากนี้ เหล่านักฟุตบอลจะต้องถูกตรวจหาเชื้ออย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ รวมไปถึงการตรวจสุขภาพเพื่อหาอาการที่เกี่ยวข้องเบื้องต้น การตรวจดังกล่าวจะต้องเกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมงก่อนหน้าการฝึกซ้อม ขณะเดียวกัน นักเตะต่างชาติที่จะเดินทางกลับมายังอังกฤษ จะสามารถกลับมาฝึกซ้อมกับต้นสังกัดให้หลังจากวันเดินทางกลับ 14 วันเท่านั้น และทุกสโมสรจำเป็นที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการในงานที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 โดยเฉพาะ

ท่าทีของนักเตะ

นักเตะทุกคนต้องยินยอมที่จะแจ้งให้ต้นสังกัดทราบทันที หากมีสมาชิกในบ้านเริ่มต้นมีอาการที่อาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโควิด-19 โดยพรีเมียร์ลีกแสดงท่าทีว่ากฎระเบียบทั้งหมดในมาตรการควบคุมนั้นยากที่จะลดความเสี่ยงให้เป็น 0 โดยสิ้นเชิง แต่จุดประสงค์คือการทำให้สนามซ้อมของทั้ง 20 สโมสรนั้นเป็นที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อันเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการกลับมาแข่งขันโปรแกรมที่เหลืออีกครั้งให้สิ้นสุดภายในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้

สกาย สปอร์ตส์ ชี้ว่า นักเตะส่วนใหญ่ต้องการที่จะกลับไปฝึกซ้อมร่วมกับต้นสังกัดอีกครั้ง แต่มีประเด็นที่นักเตะส่วนหนึ่งสงสัยว่า เพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงนำสถิติที่บ่งชี้ว่าคนผิวสี, เอเชีย และกลุ่มชาติพันธุ์ มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 และเสียชีวิตสูงกว่ามาแสดง นอกจากนี้ ยังมีประเด็นกังวลในการเซ็นยินยอมเอกสารยอมรับมาตรการจัดการของสโมสรภายใต้การควบคุมทั้งหมด โดยพวกเขาต้องการให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิ์ทางกฎหมายและสัญญาว่าจ้างมาเกี่ยวข้อง

ขณะที่ พีเอฟเอ ต้องการมั่นใจว่านักเตะที่ไม่ต้องการกลับมาร่วมซ้อมกับต้นสังกัดจะได้รับการเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจดังกล่าวจากสโมสร โดยที่ไม่ถูกระงับการจ่ายเงินค่าตอบแทนหรือเลือกปฎิบัติแต่อย่างใด