สงสัยกันไหม : โตเกียว เกมส์ เลื่อนแบบนี้ แล้วไฟโอลิมปิก จะถูกดับหรือไม่?

สงสัยกันไหม : โตเกียว เกมส์ เลื่อนแบบนี้ แล้วไฟโอลิมปิก จะถูกดับหรือไม่?

สงสัยกันไหม : โตเกียว เกมส์ เลื่อนแบบนี้ แล้วไฟโอลิมปิก จะถูกดับหรือไม่?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โอลิมปิก เกมส์ คือมหกรรมกีฬา ที่ทุกคนทั่วโลกรอคอยในทุก 4 ปี...โอลิมปิก เกมส์ คือกีฬาที่มีมนต์เสน่ห์หลายอย่าง ยากจะหาการแข่งขันไหนมาเทียบเทียม

หนึ่งในนั้นคือการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก การวิ่งส่งต่อเปลวเพลิง เพื่อจุดไฟเริ่มต้นการแข่งขัน อันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกีฬาโอลิมปิก เกมส์ ที่ทำต่อเนื่องยาวนาน เกือบ 100 ปี

แต่ในปี 2020 ด้วยภาวะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ต้องถูกเลื่อนออกไป ทั้งที่คบเพลิงของโอลิมปิก เกมส์ในครั้งนี้ ได้ถูกจุดขึ้นเป็นที่เรียบร้อย

เปลวไฟของการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ มีความสำคัญมากแค่ไหน? เมื่อการแข่งขันถูกเลื่อน เปลวไฟนี้จะดับลงหรือไม่ ติดตามเรื่องราวนี้ไปพร้อมกับเรา

ที่มาของเปลวเพลิง

ไฟคบเพลิงโอลิมปิก คือสิ่งที่อยู่คู่กับการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ มาโดยตลอด ไม่ใช่แค่การแข่งขันโอลิมปิกในปัจจุบันเท่านั้น แต่มีบทบาทสำคัญ ตั้งแต่ช่วงการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ ในยุคกรีกโบราณ ช่วง 776 ปีก่อนคริสตกาล หรือเกือบ 2800 ปี ก่อนปัจจุบัน


Photo : www.olympic.org

โอลิมปิก เกมส์ ในอดีตถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นกิจกรรมบวงสรวง เทพเจ้าซุส (Zeus) เทพเจ้าสูงสุดที่ชาวกรีกนับถือ บวกกับเรื่องราวตำนานปรำปราของเทพนิยายกรีก ยิ่งทำให้ชาวกรีกให้ความสำคัญกับการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ และจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ช่วงเวลานั้น

สำหรับเพลิงไฟ กับการแข่งขันโอลิมปิกยุคโบราณ จะถูกจุดขึ้นก่อนการแข่งขันโอลิมปิกจะเริ่มต้น แต่ไม่ได้จุดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงถึงการเริ่มต้นของการแข่งขันกีฬาแบบในปัจจุบัน แต่จุดขึ้นเพื่อบวงทรวงเทพเจ้าตามความเชื่อของชาวกรีก

เวลาผ่านไปหลายพันปี กีฬาโอลิมปิก เกมส์ ถูกนำกลับมาจัดอีกครั้ง ในปี 1896...แต่สำหรับเพลิงไฟในการแข่งขัน ต้องรอถึงปี 1928 ถึงจะได้กลับมาอีกครั้ง

ปี 1928 โอลิมปิก เกมส์ จัดขึ้นที่กรุงอัมส์เตอร์ดัมส์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งรัฐบาลของประเทศลงทุนสร้างสนามกีฬา โอลิมปิก สเตเดียม ขึ้นมาใหม่ เพื่อการแข่งขันครั้งนี้โดยเฉพาะ และมอบหมายให้ แยน วิลส์ (Jan Wills) สถาปนิกชื่อดัง เป็นผู้ควบคุมการสร้างสนามครั้งนี้

วิลส์ต้องการออกแบบให้กีฬาโอลิมปิก เกมส์ ในครั้งนั้น มีความเชื่อมโยงกับโอลิมปิก เกมส์ ในยุคกรีกโบราณ หลังจากได้ศึกษาเรื่องราวทั้งหมด เขาตัดสินใจเลือกการนำเพลิงไฟ กลับมามีส่วนร่วมในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติอีกครั้ง

สถาปนิกผู้นี้ออกแบบ หอคอยขึ้นมาคู่กับสนามกีฬา และบนยอดหอคอยจะมีคบเพลิงไว้สำหรับจุดไฟ...ผลงานของวิลส์ ถูกใจคณะกรรมการโอลิมปิกอย่างมาก จนทำให้เขาได้รับเหรียญทองโอลิมปิก ในสาขาออกแบบสนามยอดเยี่ยมไปด้วย


Photo : tipperarystudies.ie

อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันครั้งนั้น เพลิงโอลิมปิก กลับนำมาสู่ปัญหาในประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อนักการเมืองเคร่งศาสนา มองว่าการจุดคบเพลิงโอลิมปิก (ซึ่งหอคอยอยู่สูงกว่าโบสถ์ในศาสนาคริสต์) เป็นการลบหลู่ความเชื่อท้องถิ่น

แม้จะเกิดปัญหา แต่คบเพลิงโอลิมปิก ได้กลับไปปรากฎตัวอีกครั้ง ใน 4 ปีถัดมา ที่เมืองลอส แองเจลิส ด้วยแนวคิดเดิมว่า เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงความเชื่อมโยง ระหว่างโอลิมปิก เกมส์ ยุคโบราณกับปัจจุบัน 

โอลิมปิก เกมส์ ในปี 1932 ครั้งนี้ ได้จุดไฟไว้ในคบเพลิงตลอดเวลา สร้างความประทับใจให้กับคนจำนวนมาก กับเพลงไฟที่โชติช่วง อยู่ตลอดเวลา ณ ลอสเองเจลิส เมมโมเรียล โคลิสเซียม (Los Angeles Memorial Coliseum)

 

มีวันนี้เพราะฮิตเลอร์

“การแข่งขันกีฬา การต่อสู้อย่างสุดกำลัง ช่วยปลุกบุคลิกภาพที่แข็งแกร่งที่สุด ของมนุษยชาติ กีฬาไม่ได้ทำให้เราแตกแยกกัน แต่ทำให้เรารวมกันเป็นหนึ่ง เข้าใจกัน และเคารพซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถสื่อสารกัน ในช่วงเวลาอันแสนสงบสุขนี้”

“นี่คือเหตุผลว่าทำไม เปลวไฟแห่งโอลิมปิก จึงไม่ควรมีวันตาย”


Photo : www.dailymail.co.uk

คำพูดที่แสนมีความหมายนี้ ออกมาจากปากของผู้นำทรงอำนาจ ที่ลือชื่อในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และทำลายความสงบสุขของโลกในอีกไม่กี่ปี หลังจากนั้น...เราหมายถึง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ชายผู้มีส่วนสำคัญกับการให้กำเนิดการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก

โอลิมปิก เกมส์ 1936 ซึ่งจัดขึ้นในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ที่กำลังอยู่ภายใต้การนำของพรรคนาซี ต้องการใช้มหกรรมกีฬาครั้งนี้ ในการประกาศแสงยานุภาพของประเทศ เพื่อสร้างความหวั่นเกรงแก่ประเทศรอบตัวปูทางการแผ่ขยายอำนาจในอนาคต

พรรคนาซี เห็นความสำคัญของเปลวไฟในโอลิมปิก เกมส์ และพวกเขาคิดว่า แค่จุดไฟระหว่างแข่งขันยังไม่เพียงพอ แต่พวกเขาต้องการทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น

พรรคนาซี จึงเสนอไอเดียไปยังคณะกรรมการโอลิมปิก ให้มีการวิ่งคบเพลิง จากเมืองโอลิมเปีย ประเทศกรีซ สถานที่ซึ่งถูกใช้แข่งขันโอลิมปิก เกมส์ ในยุคกรีกโบราณ วิ่งส่งต่อเพลิงไฟนั้น มาจนถึงกรุงเบอร์ลิน

ไอเดียสุดบรรเจิดนี้ ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการโอลิมปิก การวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก จึงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากประเทศกรีซ สู่ประเทศเยอรมัน

ในปี 1936 การวิ่งคบเพลิงในโอลิมปิก เกมส์ ไม่ได้มีความหมายมากไปกว่า หนึ่งในโฆษณาชวนเชื่อของนาซี ที่พวกเขาใช้การวิ่งครั้งนี้ ถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของนาซี 


Photo : theweek.com

โดยใช้คบเพลิงของการแข่งขันกีฬาครั้งนี้เป็นตัวแทนว่า ความยิ่งใหญ่ของยุคกรีกโบราณ ได้ส่งต่อสู่ประเทศเยอรมัน ภายใต้การนำของพรรคนาซี เป็นที่เรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม คนทั่วโลกชื่นชอบในความคิดนี้ และมองว่าเป็นกิจกรรมที่ดี ในการเปิดการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์...ทำให้ 4 ปีถัดมา การแข่งขันในปี 1940 มีการรับประกันว่า จะมีการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก จากกรีซ ไปยังเมืองที่จัดการแข่งขันแน่นอน

อย่างไรก็ตาม สงครมโลกครั้งที่ 2 ทำให้โอลิมปิก เกมส์ 1940 ต้องถูกยกเลิก และไฟแห่งโอลิมปิก ไม่ได้ถูกจุดขึ้นในช่วงเวลานั้น ทั้งที่เจ้าภาพอย่างประเทศฟินแลนด์ สร้างแผนของการวิ่งคบเพลิงครั้งนี้เอาไว้หมดแล้ว 

 

เพลิงไฟที่ไม่มีวันดับ

ปี 1940 คือครั้งสุดท้าย ที่แผนการวิ่งคบเพลงโอลิมปิก ถูกยกเลิก ไม่เกิดขึ้นตามแผนที่วางไว้ เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมา การวิ่งคบเพลงโอลิมปิก คือสิ่งที่อยู่คู่กับโอลิมปิก เกมส์ ในทุกการแข่งขัน


Photo : AP | www.dailymail.co.uk

สำหรับโตเกียว เกมส์ ในปี 2020 แผนการวิ่งจากโอลิมเปีย ประเทศกรีซ สู่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นถูกวางไว้อย่างดี เพื่อส่งต่อเปลวไฟจากบ้านเกิดของมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สู่สถานที่ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬา ที่กำลังจะมาถึง

แต่ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก ทำให้อนาคตของโอลิมปิก เกมส์ 2020 สั่นคลอน...ท่ามกลางความกังวลว่า โอลิมปิก เกมส์ ที่กำลังจะมาถึง จะถูกเลื่อนออกไป เปลวไฟของมหกรรมกีฬาครั้งนี้ กลับถูกจุดขึ้นอย่างเป็นทางการ ที่โอลิมเปีย ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา

“19 สัปดาห์หลังจากนี้ พิธีเปิดของเรากำลังจะมาถึง ท่ามกลางการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เราต้องการแสดงพลังของเรา ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด-19” 

โธมัส บัค (Thomas Bach) ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล แสดงความมั่นใจ ถึงการตัดสินใจจุดไฟที่แสดงถึงการเริ่มต้น การแข่งขันโอลิมปิก ตามกำหนดการเดิม

ไม่กี่วันหลังจากนั้น เปลวเพลิงถูกส่งจากประเทศกรีซ มาถึงประเทศญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว ในวันที่ 20 มีนาคม โดยตลอดระยะทางการวิ่งส่งคบเพลิง ภายในประเทศกรีซ ไม่ได้ใช้การวิ่งตามปกติ เพื่อป้องกันความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19


Photo : yahoo.com

อย่างไรก็ตาม ในประเทศญี่ปุ่น พวกเขาตัดสินใจใช้วิธีส่งต่อเปลวเพลิง มือต่อมือแบบดั้งเดิม แต่มีการป้องกัน ด้วยการไม่ให้คนทั่วไป มารับชมการส่งต่อคบเพลิง เหมือนอย่างที่เคยทำมา ในโอลิมปิก เกมส์ครั้งก่อนๆ

ตามกำหนดการเดิม คบเพลิงโอลิมปิก จะถูกวิ่งวนทั่วประเทศญี่ปุ่น นับจากเมือง อิชิโนมากิ (Ishinomaki) เมืองแรกที่ได้รับเปลวเพลิงนี้ จนถึงกรุงโตเกียวในท้ายที่สุด

แต่หลังจากเริ่มต้นได้เพียงไม่กี่วัน ในวันที่ 24 มีนาคม...โอลิมปิก เกมส์ 2020 ถูกเลื่อนออกไปในปี 2021 ทำให้คบเพลิงถูกหยุดไว้ที่เมือง ฟูกุชิมา ตามกำหนดการที่คบเพลิงต้องไปถึงในวันนั้น


Photo : www.taiwannews.com.tw

หลังจากนั้นไม่นาน โอลิมปิก เกมส์ ที่กรุงโตเกียว ได้รับการกำหนดวันแข่งขันใหม่ เป็นวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 ตุลาคม แต่สำหรับเปลวเพลิงโอลิมปิก ที่ถูกจุดขึ้นแล้ว จะเดินหน้าไปต่อ หรือถูกดับแล้วจุดใหม่อีกครั้ง เมื่อถึงเวลาอันสมควร?

“จากเหตุการณ์ทั้งหมด เรายังไม่ได้ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น เพราะต้องพิจารณาสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 อย่างถี่ถ้วน” ยูกิฮิโกะ นูโนมูระ (Yukihiko Nunomura) หนึ่งในคณะกรรมการของการแข่งขันครั้งนี้กล่าว

แต่สิ่งหนึ่งที่ทางโอลิมปิก รับประกันได้ คือเปลวไฟของการแข่งขันครั้งนี้ จะไม่ถูกดับลงอย่างแน่นอน โดยทางโอลิมปิก ตัดสินใจให้คบเพลิงอยู่ที่เมืองฟูกุชิมาต่อไป อย่างน้อยจนถึงสิ้นเดือนเมษายน

“เปลวไฟแห่งโอลิมปิกสามารถเป็นแสงสว่างปลายทาง ภายในอุโมงค์อันมืดมิด เหมือนที่โลกของเรากำลังตามหาอยู่ในตอนนี้” โธมัส บัค กล่าว


Photo : mainichi.jp

โอลิมปิก ได้เขียนข้อความผ่านเว็บไซต์ว่า แม้การแข่งขันโอลิมปิก เกมส์จะต้องถูกเลื่อนออกไป แต่เปลวเพลิงนี้จะไม่หายไปไหน เพื่ออยู่เป็นสัญลักษณ์ของความหวัง กับปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ต่อสู้กับมัน และเอาชนะให้ได้

ไฟของการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ 2020 ที่ยังคงอยู่ คือภาพแทนว่ามหกรรมกีฬาแสนยิ่งใหญ่ครั้งนี้ แม้จะถูกเลื่อนออกไป แต่จะไม่หายไปไหน จะยังคงอยู่เพื่อเป็นทั้งความหวัง และความสุข ให้กับคนรักกีฬาทั่วโลก

เมื่อถึงวัน เวลาอันเหมาะสม เปลวไฟนี้จะลุกโชติช่วง ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook