แกะรอย-ตีความปริศนา "บัวขาว" ชิ่งหนีชกยก 4 ศึกเค-วัน
นับตั้งแต่ถือกำเนิดไทยไฟต์เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา วงการมวยไทยในโลกสมัยใหม่เริ่มขยายความนิยมในวงกว้างมากยิ่งกว่าที่เคยเป็น และต้องยอมรับว่าการดึง บัวขาว บัญชาเมฆ หรือบัวขาว ป.ประมุข ตามชื่อเดิมที่นักมวยไทยหรือแชมป์เค-วัน 2 สมัยใช้เข้ามาชกในรายการทำให้นักมวยไทยที่ไปโด่งดังในต่างประเทศกลับมาสร้างชื่อในเมืองไทยอย่างเต็มตัวในช่วง 4-5 ปีหลังนี้
แต่ท่ามกลางความนิยมกับเส้นทางเบื้องหลังของวงการมวยไทยในตลาดใหม่ดูเหมือนมีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัญญากับค่าย ซึ่งมีส่วนกับเรื่องแบ่งผลประโยชน์หรืออาจไม่นับข่าวซุบซิบเรื่องความ สัมพันธ์กับสาวคนดังของวงการนางงาม จนมาล่าสุดกับปัญหาการชกเค-วัน เวิลด์ แม็กซ์ ไฟนัล
เป็นการแข่งครั้งแรกในประเทศไทย ที่อาคารกรีฑาในร่ม ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งบัวขาว ขึ้นชกพบกับเอ็นริเก เคห์ล นักชกจากเยอรมนี ซึ่งหลังชกไป 3 ยก กรรมการให้ทั้งคู่เสมอกันจึงต้องชกในยกที่ 4 แต่ฝ่ายนักชกชาวไทยเดินทางออกจากเวทีมวยไปทำให้กรรมการตัดสินให้เคห์ล รับแชมป์ไปตามธรรมเนียม
เหตุการณ์นี้สร้างความมึนงงให้กับแฟนมวยทั่วประเทศ กลายเป็นเสียงวิจารณ์อย่างหนักและมีการตั้งคำถามต่อวงการกีฬามวยและนักมวย ชื่อดังของไทยอีกครั้งในหลายแง่มุมจากที่บัวขาวเดินทางไปลงบันทึกประจำวัน กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานไม่ให้ถูกครหาเนื่องจากมีการส่งต่อข้อมูลกันว่าการชกเค-วันครั้งนี้อาจมีล็อกผลการแข่งขัน
ร.ท.ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ผู้จัดการส่วนตัวของบัวขาวให้สัมภาษณ์กับมติชนออนไลน์หลังจบไฟต์การแข่งขัน โดยรายงานข่าวอ้างอิงประโยคที่ผู้จัดการนักกีฬาคนดังของวงการให้สัมภาษณ์ตอน หนึ่งว่า "...พูดกันแบบคนไทยด้วยกันคือ งานนี้มีคนไทยรวมหัวกับต่างชาติทำลายศิลปะแม่ไม้มวยไทย ทำลายวงการมวยไทย..."
แฟนบางคนอาจตีความและตั้งคำถามโน้มเอียงไปทางข้อสันนิษฐานว่า คำตอบของปัญหานี้เกี่ยวกับการพนันหรือไม่ ขณะที่การแถลงข่าวครั้งแรกของบัวขาว หลังจากเกิดไฟต์ปัญหา บัวขาวกลับไม่ยอมตอบคำถามเรื่องข้อสงสัยเกี่ยวกับการพนันตามที่กระแสในโลกออนไลน์ถกเถียงกันว่าเว็บไซต์พนันที่เชื่อมโยงกับการแข่งอาจมีส่วนในการล็อกผลการแข่งขัน แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่า สาเหตุที่ไม่ได้ขึ้นชกยก 4 มาจากการตัดสินใจของตัวเองโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวกับใครล่วงหน้า และระบุว่า ไม่เสียใจกับการละทิ้งเวทีซึ่งถือเป็นหน้าที่ โดยบัวขาวให้เหตุผลว่า "ปกป้องศักดิ์ศรีและวิชาชีพ"
นอกจากนี้ บัวขาวยังกล่าวคำพูดที่น่าจะต้องอาศัยข้อมูลและการตีความอีกว่า "...ผมอยากให้ทุกคนได้ตัดสินเอง เบื้องลึกจะสูงหรือจะต่ำ จะชนะหรือแพ้ มันก็อาจจะหลายขั้นตอนของเขา ถ้าผมชกต่อและอยู่ฟังคำตัดสิน ผมก็มีส่วนในคำตัดสินทันที และมันก็อาจจะมีผลต่าง ๆ"
คำถามต่อมาคือ เส้นทางต่อไปของบัวขาวในรายการนี้ เจ้าตัวระบุว่า ยังจะชกต่อไปจนกว่าจะหมดสัญญาหลังปี 2015 ไม่แน่ว่าหลังปี 2015 อาจมีข้อมูลอะไรที่สามารถบ่งชี้ให้กับคนทั่วไปที่ไม่ใช่คนวงในได้ รับรู้อย่างชัดเจนมากกว่านี้ก็เป็นไปแต่ ณ เวลานี้ มีหลายปัจจัยที่เข้ามาส่งผลต่อการตีความสารและข้อความจนอาจทำให้คนที่ไม่รู้ข้อมูลเบื้องลึก
ตีความกันไปหลายทิศทาง ซึ่งนอกเหนือไปจากคนในวงในแล้ว ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่มีใครสามารถยืนยันแบบฟันธงชัดเจนว่าคำไหนของใคร เท็จ-จริงหรือไม่
เชื่อว่าแฟนส่วนใหญ่เข้าใจธรรมชาติอย่างหนึ่งของการแข่งกีฬาเกือบทุกชนิดคือมักเกี่ยวข้องกับการพนันไม่ว่าจะในรูปแบบถูกหรือผิดกฎหมายก็ตาม ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหน่วยงานพยายามเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาตรงนี้ แต่จากกรณีล่าสุด ดูเหมือนว่าจะยิ่งฉายภาพสังคมแวดล้อมที่อยู่รอบคำว่า "กีฬา" ซึ่งถูกสร้างให้เป็นกิจกรรมเพื่อความเป็นเลิศทางร่างกายเสริมกับการกล่อมเกลาจิตใจ
นับตั้งแต่เรื่องสัญญากับค่ายที่มีเรื่องส่วนแบ่งผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือเรื่องราวอื่น ๆ ทำให้เห็นว่า การแสวงหาผลประโยชน์มีอยู่ในทุกวงการโดยเฉพาะเมื่อธุรกิจการค้าเข้ามาผูกพัน และเกี่ยวข้องด้วยยิ่งทำให้บทบาทของการแข่งมักถูกโยงเข้ากับเรื่องการตลาด หรือการค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อทิศทางของโลกเดินมาแบบนี้ ความไม่ชอบมาพากลในเรื่องผลการแข่งก็ไม่ได้มีให้เห็นเป็นครั้งแรกในวงการ กีฬา แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอและแทบทุกชนิดมีเรื่องลักษณะนี้จนบางครั้ง ก็ต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเป็นเครื่องเพิ่มน้ำหนักยืนยันความ บริสุทธิ์บ้างก็เคยมีมาแล้วในกีฬาระดับภูมิภาค
สำหรับบัวขาวถือเป็นนักกีฬาที่คนในและนอกวงการยกย่องและยอมรับในความสามารถ ไว้ใจและเชื่อมั่นในพฤติกรรมโดยรวมมาโดยตลอด แม้ว่าจะเกิดคำถามบ้างในบางกรณี แต่เชื่อว่าในอนาคตน่าจะมีความกระจ่างมากขึ้นไม่มากก็น้อยหากบริบทแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป