ฟิลลิปส์ และ ควินน์ : ดูโอ "โทรเลข-หลักกิโล" กับชัยชนะเหนือ "โมเดิร์น ฟุตบอล"

ฟิลลิปส์ และ ควินน์ : ดูโอ "โทรเลข-หลักกิโล" กับชัยชนะเหนือ "โมเดิร์น ฟุตบอล"

ฟิลลิปส์ และ ควินน์ : ดูโอ "โทรเลข-หลักกิโล" กับชัยชนะเหนือ "โมเดิร์น ฟุตบอล"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อฟุตบอลอังกฤษมาถึงยุคผลัดเปลี่ยน นักเตะต่างชาติเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของเกมรุก ภาพลักษณ์บอลโบราณของพรีเมียร์ลีกก็เริ่มเลือนหายไป พร้อมๆกับที่ใครๆก็บอกว่าตกยุค

อย่างไรก็ตามมีกองหน้าคู่หนึ่งที่เอาชนะโมเดิร์นฟุตบอลได้ด้วยการถล่มประตูแบบไม่มียั้งจนถึงระดับผู้คว้ารางวัลดาวซัลโวยุโรปมาแล้ว 

ติดตามเรื่องของของ ไนออล ควินน์ และ เควิน ฟิลลิปส์  2 ดาวยิงจากทีมน้องใหม่อย่าง ซันเดอร์เเลนด์ ที่ยิงประตูรวมมากกว่า เธียร์รี่ อองรี และ เดนิส เบิร์กแคมป์ เป็น 10 ลูกได้ที่นี่

ซันเดอร์แลนด์ยังคงเดิม 

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเริ่มก่อตั้งในปี 1992 ณ เวลานั้นหลายสโมสรพยายามเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ให้ถูกใจการตลาด เริ่มซื้อนักเตะต่างชาติเข้ามาเล่นเพื่อทำให้ทีมดีขึ้นเก่งขึ้น และนำมาซึ่งฟุตบอลที่ทันสมัย ลบล้างภาพจำเก่าๆ ว่าบอลอังกฤษก็แค่โยนแล้วโหม่ง จนโดนฟุตบอลอิตาลีที่เป็นลีกรวมสตาร์ระดับโลกล้ำหน้าไปไกล 


Photo : bleacherreport.com

ภาพดังกล่าวเริ่มแสดงให้เห็นเด่นชัดเมื่อก้าวเข้าสู่ยุค 2000's เมื่อนักเตะต่างชาติเริ่มเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ หลายทีมจึงได้เห็นความต่าง เธียร์รี่ อองรี, เดนนิส เบิร์กแคมป์, ดไวท์ ยอร์ค, หรือแม้แต่ เปาโล ดิ คานิโอ ต่างก็แสดงให้เห็นว่าเมื่อคุณมีกองหน้าที่มีทั้งเทคนิคและสัญชาตญาณการจบสกอร์ สิ่งที่จะตามมาคือเกมฟุตบอลที่สนุก ถูกใจแฟนๆ และมีโอกาสได้ผลการแข่งขันที่ดี 

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หลากหลายทีมพยายามจะใช้กองหน้าต่างชาติเพื่อให้เข้ากับโมเดิร์นฟุตบอล กลับมีสโมสรหนึ่งที่ยึดมั่นบอลโบราณ ระบบการเล่น 4-4-2 กองหน้าตัวใหญ่ 1 คนไว้พักบอล และตัวเล็กวิ่งเร็วอีก 1 คนไว้เก็บตก  สโมสรนั้นคือ ... ซันเดอร์แลนด์ ทีมดังจากภาคอีสาน 

นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่ ซันเดอร์แลนด์ จะทำแบบนั้น เพราะในฤดูกาล 1999-2000 ซันเดอร์แลนด์ เพิ่งได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง หลังตกชั้นไปในฤดูกาล 1996-97 นั่นอาจจะเป็นไปได้ว่าพลังเงินและชื่อเสียงที่พวกเขามี จึงยังไม่สามารถหานักเตะต่างชาติฝีเท้าดีและชื่อดังได้ จึงต้องใช้คู่กองหน้าที่เล่นร่วมกันมาตั้งแต่ลีกล่างอย่าง ไนออล ควินน์ เสือเฒ่าเจ้าของความสูง 193 เซนติเมตร ที่กำลังเข้าสู่ช่วงปลายค้าแข้ง กับอีก 1 ดาวรุ่งความสูงเพียง 170 เซนติเมตร ที่ดึงตัวมาจาก วัตฟอร์ด อย่าง เควิน ฟิลลิปส์ 

แม้สถิติการยิงประตูของทั้ง 2 คนจะไม่ใช่น้อยๆ เมื่อเล่นในลีกรอง ทว่ากับลีกสูงสุดมันคนละเรื่องกัน มันมีเรื่องความห่างของระดับอยู่ และมีกองหน้ามากมายหลายคนที่ไม่อาจก้าวข้ามเส้นกันระหว่าง ลีกรอง กับ พรีเมียร์ลีกได้ ... นั่นจึงทำให้คู่หู "เสาโทรเลขกับหลักกิโล" คู่นี้ถูกมองข้ามไป จนกระทั่งพวกเขาตั้งใจจะเปลี่ยนมันเมื่อฤดูกาล 1999-2000 เริ่มขึ้น

Prove Them Wrong 

ไนออล ควินน์ และ เควิน ฟิลลิปส์ ย้ายมาเล่นให้กับ ซันเดอร์แลนด์ ห่างกัน 1 ปี (ควินน์ ย้ายมาก่อนในปี 1996 ฟิลลิปส์ ตามมาในปี 1997) แต่การมาของทั้งคู่นั้นเป็นการมาด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง


Photo : @thecentretunnel

ตัวของ ควินน์ นั้นเข้าสู่วัยเลข 3 แล้ว และมีอาการบาดเจ็บติดตัวมาตลอด เดิมทีเขาเป็นนักเตะที่เคยเล่นในลีกสูงสุด และโด่งดังกับ อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ซิตี้ ดังนั้นการมาที่ ซันเดอร์แลนด์ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการหาโอกาสลงสนามมากขึ้น และเจอกับการแข่งขันที่สามารถรับมือได้ง่ายกว่าการเล่นพรีเมียร์ลีก.... ว่าง่ายๆ ก็คือ ควินน์ เป็นตัวเก๋าที่ใครก็มองว่าน่าจะใกล้หมดไปทุกวันด้วยวัยและอาการบาดเจ็บ รวมถึงสไตล์การเล่นที่เริ่มตกยุค 

ขณะที่ เควิน ฟิลลิปส์ นั้นแตกต่าง เขายังหนุ่มยังแน่นตอนที่ย้ายมาจากวัตฟอร์ดด้วยค่าตัว 300,000 ปอนด์ มีความทะเยอทะยานที่จะทำตัวเองให้ประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะเคยมีชีวิตที่ยากลำบากก่อนจะมาถึงวันนี้ วันที่ ซันเดอร์แลนด์ ให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเอง

ตัวของ ฟิลลิปส์ นั้นเคยเป็นพนักงานอบขนมปังที่พยายามอย่างมากในการจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาเคยเป็นนักเตะเยาวชนของ เซาธ์แฮมป์ตัน และเคยขัดรองเท้าให้ อลัน เชียร์เรอร์ ในเวลานั้น อย่างไรตาม เซาธ์แฮมป์ตัน มองว่า ฟิลลิปส์ ตัวเล็กเกินไป และยิ่งเมื่อลองถอยเขาลงไปเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็คก็ยังไปไม่รอด สุดท้ายก็โดนปล่อยออกให้วัตฟอร์ดอย่างที่ได้กล่าวไว้  

ทั้งสองคนมีสิ่งที่ต้องพิสูจน์ว่าคนอื่นกำลังคิดผิด และการจับคู่กันของทั้งคู่ไม่แตกต่างจากฟุตบอลอังกฤษยุคโบราณ การเข้าทำของทีมมีไม่กี่แบบนั่นคือให้กองหลังโยนยาวไปให้ ควินน์ ที่ได้เปรียบรูปร่างพักบอลไว้ และหลังจากนั้น ฟิลลิปส์ ที่ปราดเปรียวบนพื้นจะรับหน้าที่ไปจัดการต่อ ซึ่งหากเพียงแค่อ่านและนึกภาพตามมันคงง่าย แต่ในความจริงแล้วการเล่นสไตล์ "ตัวชง ตัวเก็บ" ไม่ใช่ของกล้วยๆ 

ไนออล ควินน์ เคยเล่าว่าเขาโตมากับระบบการเล่น 4-4-2 มาตั้งแต่เด็ก แต่การจะหากองหน้าคู่สักคนที่กะจังหวะบอลตก วิ่งเข้าช่อง สอดประสานทำทางได้ในช่วงเวลาที่ "เป๊ะ" อย่าง เควิน ฟิลลิปส์ นั้นเขาไม่เคยเจอมาก่อน


Photo : champman0102.co.uk

"ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัญชาตญาณล้วนๆ เลยนะ ความจริงคนเราก็แค่พยายามทำสิ่งที่ง่ายๆ ออกมาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด" ไนออล ควินน์ พูดถึงความง่ายของการเล่นฟุตบอลหลังจากได้จับคู่กับ ฟิลลิปส์ 

"เควิน เป็นคนที่เก่งเรื่องการอ่านสถานการณ์รอบตัว ส่วนผมมีหน้าที่เป็น ทาร์เก็ตแมน (ตัวเป้า) เขาจะเป็นคนที่วิ่งหาพื้นที่รอบตัวผม กฎเล็กๆ ของเรามี 1 ข้อคือเมื่อผมเริ่มกระโดดขึ้นโหม่ง เขาจะต้องฉีกตัวออกไปที่ว่าง และผมจะเลือกโหม่งไปยังจุดตกที่อันตรายที่สุด"

สิ่งที่เกิดขึ้นคือการยิงแหลกตลอด 2 ปีที่จับคู่กันในลีกที่ยังถูกเรียกว่า ดิวิชั่นหนึ่ง (แชมเปียนชิพ ในปัจจุบัน) จนกระทั่งคว้าแชมป์ได้ฤดูกาล 1998-99 ก่อนที่ ควินน์ และ ฟิลลิปส์ จะแบกเอาความมั่นใจทั้งหมดที่สั่งสมมา รวมถึงการเป็นคู่หูอันตรายที่สุดในลีกรอง ขึ้นมาพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีก 

ควินน์ กลับมายังพรีเมียร์ลีกอีกครั้งหลังจากเป็นขาประจำในช่วงตั้งไข่ของการแข่งขัน ขณะที่ ฟิลลิปส์ นั้นไม่เคยเล่นพรีเมียร์ลีกเลยแม้แต่นัดเดียว

จงใช้สิ่งที่มี...ชีวิตต้องง่าย 

การเลื่อนชั้นครั้งนี้ ปีเตอร์ รีด กุนซือของ ซันเดอร์แลนด์ พยายามจะทำให้ทีมยกระดับขึ้นด้วยการซื้อตัวนักเตะต่างชาติเข้ามา แต่ที่แน่ๆ คือเขาไม่คิดจะเปลี่ยนคู่กองหน้าให้ต้องปวดหัว รีด ถือคติ "ไม่เสีย อย่าซ่อม" เขาจะใช้ ควินน์ และ ฟิลลิปส์ ต่อไป โดยจะเสริมหลักๆ ไปที่แดนกลางเท่านั้น โดยเฉพาะนักเตะอย่าง สเตฟาน ชวาร์ซ ที่ซื้อมาด้วยราคา 4 ล้านปอนด์ จาก บาเลนเซีย


Photo : cloudfront.net

เกมแรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนั้นเป็นไปด้วยฝันร้าย คู่กองหน้าที่ยิงรวมกันเกิน 40 ลูกมา 2 ปีติด กลับเจอระดับและความต่างของพรีเมียร์ลีกที่น่าเจ็บปวด ซันเดอร์แลนด์ บุกเยือนเชลซี และแพ้หมดรูปถึง 0-4 โดยที่ ควินน์ และ ฟิลลิปส์ ที่ ปีเตอร์ รีด มั่นใจนักหนา ไม่ได้กระดิกทำอันตรายเลยแม้แต่น้อย 

"ผมถามตัวเองทุกวันเลยตอนนั้น เราจะยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้หรือเปล่า พูดตรงๆ มันมีความกดดันอยู่เพราะผมยิงประตูเยอะมากใน 2 ปีก่อนจนทุกคนคาดหวังไปไกล" ฟิลลิปส์ ว่าถึงความต่างอย่างที่เขาต้องรับมือ

"พรีเมียร์ลีกเป็นเกมที่แตกต่างออกไปมากจริงๆ ตลอดทั้งเกมคุณจะมีโอกาสให้ใช้เพียงแค่ 1-2 ครั้งและคุณจะต้องเอามันให้อยู่ พูดตรงๆ ผมเคยสงสัยในความมั่นใจของตนเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นก้าวที่ใหญ่มากหลังจากเล่นในลีกรองอยู่ 2 ปี ... บางทีแค่ก้าวอาจไม่พอ ต้องกระโดดเลยล่ะ" 

สิ่งที่ ฟิลลิปส์ กล่าวจริงอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือเขามั่นใจว่าตัวเองทำได้ และจะทำได้เร็วยิ่งกว่าเดิมหาก ไนออล ควินน์ เป็นคู่หู หลังจากผ่านเกมแรกกับ เชลซี ไป การประสานงานของสองคู่หูบอลโบราณก็เริ่มขึ้น ทั้ง 2 คนปรับสไตล์การเล่นบ้างนิดหน่อย จากที่เคยคนหนึ่งชง คนหนึ่งยิง เปลี่ยนเป็นการสร้างตัวหลอกขึ้นมา เพราะปกติแล้วเมื่อมีการโยนจากหลังมาหน้า หรือการครอสจากริมเส้น เป้าหลักจะเป็น ควินน์ ที่ตัวใหญ่กว่าเสมอ จึงทำให้คู่แข่งดักทางง่าย จนกระทั่งมีการเริ่มเล่นตัวหลอกแบบสลับกัน จนสุดท้ายในฤดูกาลนั้น เควิน ฟิลลิปส์ ก็ทำไปประตูได้จากทุกรูปแบบ และทุกมุมของกรอบเขตโทษ 


Photo : premierleague25years.wordpress.com

"รู้ตัวอีกที เควิน ก็ยิงประตูได้ทุกแบบไปซะแล้ว วอลเล่ย์จากระยะไกล เขาโหม่งทำประตูจากลูกครอสริมเส้นอีกเพียบ เมื่อเขาได้รับบอลแล้วและบอลได้ออกจากเท้าเขาไป มันเป็นความแม่นยำที่น่ากลัวสุดๆ ไม่มีการยิงประตูแบบไหนที่เขาทำไม่ได้อีกต่อไป" ไนออล ควินน์ กล่าว

หลังจากนั้นมาทั้งสองคนประสานงานกันได้เฉียบยิ่งกว่าเดิม เมื่อซันเดอร์แลนด์ลงเล่นและมีสกอร์ ทุกคนจะนึกถึงชื่อของ ฟิลลิปส์ เสมอ ถึงแม้ว่า ณ เวลานั้น ตัวของ ฟิลลิปส์ จะได้รับความนิยมสูงมากในหมู่แฟนบอล อีกทั้งยังถูกเชียร์ให้ติดทีมชาติอังกฤษ แต่เจ้าตัวยืนยันเสมอว่าการมี ไนออล ควินน์ เป็นพี่เลี้ยงคือสิ่งที่ทำให้เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ของเขาและซันเดอร์แลนด์เกิดขึ้น


Photo : www.premierleague.com

"ผมต้องโกหกแน่หากบอกว่า ไนออล ควินน์ ไม่มีอิทธิพลในการเป็นดาวยิงของผม" ฟิลลิปส์ กล่าวถึงรุ่นพี่คนสำคัญ

"ถ้าคุณถามถึงควินน์ เขาจะบอกว่าต่อให้ใครเป็นคู่หูกองหน้าของคุณ สิ่งที่ยากที่สุดก็ยังคงเป็นการส่งบอลเข้าประตูให้ได้ เขาจะบอกว่าสิ่งสำคัญของการเป็นกองหน้า คือการเชื่อมั่นในความสามารถตัวเอง และความนิ่งในทุกครั้งที่ง้างเท้ายิง" ควินน์ เป็นคนชอบถ่อมตัวตามที่ ฟิลลิปส์ บอก

"แต่สำหรับผม พาร์ทเนอร์ของคุณสามารถทำอะไรได้มากมายหลายสิ่ง เขาสามารถสร้างโอกาสให้คุณได้ทำประตู พยายามดึงตัวประกอบออกจากตำแหน่งเพื่อให้ผมได้ง้างโล่งๆ เรื่องแบบนี้เราแทบไม่ต้องซ้อมกันเยอะเลย แต่ละเซสซั่น ปีเตอร์ รีด จะแค่บอกว่า 'หาพื้นที่ให้ ควินนี่ แล้วก็คอยวิ่งทำช่องให้ตัวเขาด้วย' แค่นั้นเอง" 

"ผมเข้าใจว่าขาของเขาไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนตอนเป็นหนุ่ม เขาวิ่งเต็มสปีดไม่ได้แล้ว และนั่นคือสิ่งที่ผมต้องทำเพื่อทดแทนในส่วนของเขา เขาแค่แย่งโหม่งที่กลางสนามให้ได้ จากนั้นผมจะคอยชิงจังหวะเพื่อพลิกบอลไปทำต่อเอง"

ตำนานที่ยังรอคนทำลาย 

จบฤดูกาล 1999-2000 ซันเดอร์แลนด์ กลายเป็นทีมที่ทุกคนให้ความสนใจ ไนออล ควินน์ ที่ยิงไป 14 ลูกในเกมลีก ถูกจดจำในฐานะยอดดาวยิงผู้สร้างสรรค์โอกาสและเชี่ยวชาญเรื่องลูกโหม่งอีกครั้ง ขณะที่ เควิน ฟิลลิปส์ ผู้คว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวน 30 ประตู และคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ (ดาวยิงสูงสุดแห่งทวีปยุโรป) โด่งดังเป็นพลุแตกและไปไกลจนถึงขั้นติดทีมชาติอังกฤษ และสถิติดังกล่าวไม่มีนักเตะอังกฤษคนใดที่สามารถทำเช่นนี้ได้อีกเลยนับตั้งแต่ฤดูกาลดังกล่าวที่ เควิน ฟิลลิปส์ ได้ทำไว้ 


Photo : www.dailymail.co.uk

น่าเสียดายที่ความมหัศจรรย์ของ ควินน์ และ ฟิลลิปส์ นั้นถูกลดมาตรฐานลงไปเรื่อยๆ เพราะหลังจากปีที่ดีที่สุด ควินน์ ก็ถึงวันที่ไม่สามารถลงเล่นทุกสัปดาห์ได้ อีกทั้งฟิลลิปส์ก็ถูกประกบแบบจับตายทุกเกมทำให้เขาเล่นยากขึ้นไปอีก จนท้ายที่่สุดก็ถึงวันที่ต้องแยกย้าย เมื่อ ควินน์ ประกาศเลิกเล่นในปี 2003 ฟิลลิปส์ ก็ไม่สามารถยิงประตูแบบถล่มทลายให้ ซันเดอร์แลนด์ ได้อีกเลย  นั่นแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่มีอิทธิพลในการเล่นของกันและกันมากแค่ไหน ที่สำคัญ มันทำให้ทั้งคู่กลายเป็นที่จดจำไปตลอดกาลของแฟนซันเดอร์แลนด์อีกด้วย 

"ลองคิดดูถ้าตอนนี้มีนักเตะอังกฤษยิงประตูได้แบบผม พวกเขาคงมีค่าตัวกัน 40-50 ล้านปอนด์เป็นอย่างต่ำ" เขาว่าไว้ในช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง

"แต่พอผมทำบ้างพวกเขาบอกว่า นั่นแค่เรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น  ซึ่งตัวผมคิดว่านั่นคือปีที่บ้าคลั่งจริงๆ ปกติแล้วคนที่ยิงได้ขนาดนี้จะอยู่ในทีมระดับท็อปของลีก แต่ผมเล่นให้กับซันเดอร์แลนด์ ทีมอันดับที่ 7 ที่มีทีมที่เหลือเชื่อ ดังนั้นผมไม่เคยลดค่าของความเคารพในปีนั้นเลย แม้ใครจะบอกว่าอย่างไร แต่นี่คือความถูมิใจของผมเอง อย่างน้อยให้มันถูกจดจำในบ้านของผมก็ยังดี" ฟิลลิปส์ เปรียบเทียบสิ่งที่เขาทำและเป็นสิ่งที่ไม่มีวันลืม

ขณะที่ ควินน์ เองก็เช่นกัน แฟนบอลที่อื่นอาจลืมเขาไป แต่ไม่ใช่ที่ ซันเดอร์แลนด์ ตัวของเขายังรักแฟนๆ ให้ความเคารพกับสโมสรแห่งนี้เสมอ และเชื่อว่าช่วงเวลาที่อยู่กับทีมแมวดำคือปีที่ดีที่สุดในอาชีพนักเตะของเขา 


Photo : www.sunderlandecho.com

"ทำไมการเล่นให้ ซันเดอร์แลนด์ จึงสนุกกว่าเล่นให้กับ อาร์เซน่อล และ แมนฯ ซิตี้ ... เพราะมันคือความสำเร็จไงล่ะ ไม่ใช่การคว้าแชมป์นะ แต่มันคือการทำให้สโมสรแห่งนี้กลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ ความเป็นซันเดอร์แลนด์ฝังรากลึกลงไปใต้ผิวหนังของผมเลยด้วยซ้ำไป"

การมาเจอกันที่ถูกที่ถูกเวลาของกองหน้าที่ต้องการพิสูจน์ตัวเอง ได้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าฟุตบอลไม่มีคำว่าตกยุคและโบราณ หากเจอนักเตะที่ใช่ และมีองค์ประกอบทีมที่เหมาะสมมากพอ มันอยู่ที่การเลือกใช้และวางแต่ละคนลงให้ถูกต้องตามความถนัด ซึ่งซันเดอร์แลนด์ชุดนั้นหาเจอ โดยเฉพาะคู่กองหน้าที่อันตรายที่สุดในพรีเมียร์ลีก 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook