ปัจจัยที่จะช่วย‘หงส์’ดับชุดขาว

ปัจจัยที่จะช่วย‘หงส์’ดับชุดขาว

ปัจจัยที่จะช่วย‘หงส์’ดับชุดขาว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวานเขียนเรื่อง “ผลงานฝืด” ของลิเวอร์พูลในเกมสุดสัปดาห์กับควีนส์ปาร์ค และเมื่อ “เปรียบเทียบ” กับฟอร์ม เรอัล มาดริด ถล่มเลบานเต้ 5-0

ผมสรุปไปแล้วว่า หงส์แดง แพ้แน่นอนคาแอนฟิลด์ และมีสิทธิ์จะโดนเยอะด้วยเช่นเดียวกัน!!!

อย่างไรก็ดีครับ ตราบใดที่ชีวิตยังมีหวัง “โอกาส” ชนะของลิเวอร์พูลหาใช่จะเป็นศูนย์ เพราะต้องไม่ลืมว่า นี่คือค่ำคืนฟุตบอลยุโรป หรือ European nights at Anfield

ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้เหมือน “ประวัติศาสตร์” อันยิ่งใหญ่ของสโมสรที่ผ่านมา

บรรยากาศแอนฟิลด์ในเกมยุโรปยังมีมนต์ขลังเสมอ

เช่น ลิเวอร์พูล 3 แซงต์ เอเตียน 1 ค.ศ.1977, ชนะ โอลิมเปียกอส 3-1 (2004), ชนะเชลซี 1-0 (2005/2007 รอบตัดเชือก), หรือแมตช์ถล่ม เรอัล มาดริด 4-0 (2009 ยุคทองของ ราฟา เบนิเตซ)

โดยรวมๆ แล้วหากเสิร์ชคำว่า “European nights at Anfield” แมตช์เด่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่เป็น “ชัยชนะ” ยากๆ มากกว่า 10 นัดของสโมสรจะปรากฏออกมา

ฉะนั้น และฉะนี้ ผมเชื่อว่า “ความเชื่อ” ในชัยชนะ และความสำเร็จ และพลังแห่งเสียงเชียร์ 45,000 คน จะเป็น “ปัจจัย” สำคัญที่สุดที่จะสามารถ “พลิกสถานการณ์” หงส์แดงได้

“ปัจจัย” ถัดมา คือนัดบุกชนะคิวพีอาร์แบบ “โชคดี” หรือ “เฮง” หรือ “ฟลุก” หรือ “ดวง” หรืออะไรก็สุดแล้วแต่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีการ “โรเตชั่น” โดยมีสายตาเอียง “ข้ามมา” ที่แมตช์กับเรอัล มาดริด

ตามข่าว แกเร็ธ เบล ชวดลงสนาม แต่คนซ้ายคนเดียว ก็น่าจะทำกองหลังหงส์หอบแล้ว

เอมเร่ ชาน ในตำแหน่งมิดฟิลด์ และ 2 กองหลังตัวกลั่นที่เป็น “ตัวสำรอง” ไปแล้ว เกล็น จอห์นสัน และ โฆเซ่ เอ็นริเก้ ถูกเลือกเล่นตัวจริงโดยเฉพาะ เอ็นริเก้

แน่นอนครับ ทั้ง 2 ฟูลแบ็ก “มีส่วน” ในความปั่นป่วนของเกมรับที่มีปัญหาอยู่แล้วของทีมให้มีมากขึ้น

ทว่าเกมกับ มาดริด อาจถึงคิว มานกีโญ่ และโมเรโน่ ส่วนแดนกลางก็มีทั้ง โจ อัลเลน, ลูคัส หรือคูตินโญ่ ที่ “นำหน้า” ชาน อยู่ ณ ตอนนี้

ดังนั้น หากตัดประเด็น มาริโอ บาโลเตลลี่ ไป, เกมรับ และแดนกลาง ลิเวอร์พูล จะเป็น “ชุดใหญ่” และดีกว่าแมตช์คิวพีอาร์แน่นอน

“ปัจจัยที่ 3” คือ เกมรุกที่การ “เคาน์เตอร์แอตแท็ก” ดูเริ่มจะกลับมาเหมือนฤดูกาลก่อนในบางจังหวะ เฉพาะอย่างยิ่ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และฟิลิปเป้ คูตินโญ่

เกรียนโอ้ เอ็งไปนั่งเถอะ!!

ส่วน อดัม ลัลลาน่า ผมถือว่ามีอนาคต ดังนั้นหาก ร็อดเจอร์ส “กล้าเสี่ยง” ใช้ 3 คนนี้ลงเล่นพร้อมกันโดยมี สเตอร์ลิ่ง เป็นหัวหอกตัวกลางแทน บาโลเตลลี่ เหมือนที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ แนะนำ

แฟนๆ “เดอะ ค็อป” อาจได้เห็นอะไรดีๆ เพราะต้องไม่ลืมว่า คาร์โล อันเชล็อตติ จะมาเปิดเกมรุกแน่แม้จะไม่มี แกเร็ธ เบล ที่เจ็บกล้ามเนื้อ

การเลือกทั้ง “ซูเปอร์มาริโอ” หรือ ริคกี้ แลมเบิร์ต จะไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะความ “เชื่องช้า” และมูฟเมนต์ไม่ดี

แท็กติกก็ไม่เหมาะกับการ “โต้กลับ” ตามทรงเกมนัดนี้ที่ต้องไม่ลืมว่าเกมรับมาดริดรวมถึงนายทวาร อิเคร์ คาซิญาส คือ “จุดเปราะ” อย่างแรงเช่นกัน

“ปัจจัย” สุดท้าย ผมชอบบทสัมภาษณ์ก่อนเกมของทุกคนไม่ว่าจะเป็น ร็อดเจอร์ส, เจอร์ราร์ด, ลอฟเรน ฯลฯ ที่ล้วนมีทัศนคติที่ดี และเป็นบวกแม้ “สถานการณ์” ปัจจุบันจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ทิ้งท้ายไว้อีกนิดครับ หากหงส์ “ดวงดี” ได้สักครึ่งหนึ่งที่ลอฟตัส โร้ด ผมยิ่งเชื่อว่า เกมนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ หาไม่แล้วก็ตัวใครตัวมันเหมือนที่กล่าวไว้เมื่อวานนี้ครับ

ไข่มุกดำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook