เก็บตก 4 ประเด็นร้อน หลังเกม ผีแดงชวดขึ้นที่ 3
1. รูปเกมโดยรวมเป็นทีมเยือนที่เหนือกว่าเล็กน้อยเกมนี้ แม้เจ้าบ้านดูจะเป็นฝ่ายที่มีจังหวะการเข้าทำได้น้ำได้เนื้อมากกว่า แต่สถิติหลังจบเกมดูกลับเป็น เซาต์แธมป์ตัน ที่มีตัวเลขสติติที่ดีกว่าทั้งการครองบอล (52 เปอร์เซนต์) รวมถึงโอกาสเข้าทำ (9 ครั้งเข้ากรอบ 5) ซึ่งก็ต้องชื่นชมเลยว่าแม้ ทัพนักบุญ จะไม่มีลุ้นอะไรแล้วในฤดูกาลนี้ แต่พวกเขาก็เล่นด้วยสปิริตและความมุ่งมั่นเกินร้อน ไม่ยอมแพ้จนวินาทีสุดท้ายและไล่ตีเสมอได้สำเร็จในที่สุด
2. ปีศาจแดง ผ่อนเกมในครึ่งหลังหากใครได้ติดตามดูในเกมนี้ อาจจะมองเห็นสภาพของทีมคล้ายกับในช่วงต้นฤดูกาล ที่หลังจากได้ประตูขึ้นนำก็มักจะถอยลงมาตั้งรับต่ำและรอโอกาสสวนกลับปล่อยให้คู่แข่งครองเกมเซ็ตบอลบุกเข้าใส่ ซึ่งเกมในวันนี้ก็เป็นเช่นนั้นที่ในช่วง 20-30 นาทีสุดท้าย เซาต์แธมป์ตัน แทบจะเป็นฝ่ายเซ็ตเกมบุกอยู่ข้างเดียว ส่วน ปีศาจแดง กลับถอยลงมาแพ็คเกมรับ ซึ่งมันก็เกิดคำถามขึ้นมาในทันที่ว่า ทำไมไม่เล่นแบบเดิม ? เพราะในช่วงท้ายครึ่งแรกและต้นครึ่งหลังพวกเขาทำได้ค่อนข้างดี สามารถครอบครองเกมเอาไว้ได้ทั้งหมดหมดจนผู้เล่นทีมเยือนแทบไม่มีโอกาสได้ตั้งเกมของตัวเองเลย แต่สุดท้ายพวกเขากลับเลือกที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับ จนในที่สุดก็ต้านเอาไว้ไม่ไหว โดนตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บไปอย่างน่าเสียดาย
3. ป็อกบา-บรูโน เล่นผิดฟอร์ม เกมนี้ บรูโน เฟอร์นันเดส กองกลางตัวความหวังของทีมที่แม้จะมี 1 แอสซิสต์ติดมือมา แต่ฟอร์มโดยร่วมถือว่าย่ำแย่กว่าเกมก่อน ๆ ค่อนข้างมาก เพราะวันนี้เจ้าตัวแทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมรุกเท่าใดนัก แถมจังหวะยิงไกลนอกกรอบหรือจังหวะจ่ายคิลเลอร์พาสก็แทบไม่มีให้เห็นเลย
ส่วนรายของ ป็อกบา ดูจะหนักกว่า บรูโน เสียอีก ที่วันนี้เสียบอลกลางสนามค่อนข้างบ่อย และมีส่วนต้องรับผิดชอบไปเต็ม ๆ กับการที่ทีมต้องเสียประตูแรกซึ่งเป็นผลมาจากการที่เขาเล่นยากจนเสียบอลหน้ากรอบเขตโทษตัวเอง และการที่ทั้งคู่แต่เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานพร้อมกันแบบนี้ มันจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมชวดโอกาสคว้า 3 คะแนนไปอย่างน่าเสียดายในเกมวันนี้นั่นเอง
4. อดแซงขึ้นที่ 3 แต่โอกาสยังคงเปิดกว้าง1 คะแนนในเกมวันนี้ ไม่เพียงพอที่จะทำให้ ปีศาจแดง ทะยานขึ้นสู่อันดับ 3 ตามที่หลายคนคาดเอาไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังพอจะมีโอกาสเพราะทั้งสามทีมมีแต้มห่างกันเพียง 1 คะแนนเท่านั้น (แมนฯ ยูไนเต็ด มี 59 คะแนนเท่า เลสเตอร์ / เชลซี มี 60 คะแนน) โดยโปรแกรม 3 นัดต่อไป พลพรรคเร้ดเดวิลส์ ดูจะสบายกว่าเพื่อน ด้วยการบุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ หลังจากนั้นเล่นในบ้านต้อนรับ เวสต์แฮม ส่วนนัดสุดท้ายต้องไปชี้ชะตากับ เลสเตอร์ ที่คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม
ด้าน เชลซี เกมหน้าจะเล่นในบ้านพบ นอริช หลังจากนั้นต้องบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล และปิดท้ายด้วยการต้อนรับการมาเยือนของ วูล์ฟส์
และปิดท้ายที่ เลสเตอร์ ซิตี้ เกมหน้าจะเล่นในบ้านพบ เชฟฯ ยูไนเต็ด ต่อด้วยการบุกไปเยือน สเปอร์ส และ ปิดฉากด้วยการเล่นในบ้านพบ ปีศาจแดง
หากดูจากโปรแกรมแล้ว ถ้าทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา ไม่พลาดสะดุดขาตัวเองเสียเองก่อน พวกเขาอาจไม่ต้องลุ้นเหนื่อยจนถึงนัดสุดท้ายก็เป็นได้ แต่หาก เลสเตอร์ เกิดของขึ้นคว้าชัยมาได้ในอีก 2 นัดถัดไป เกมสุดท้ายของฤดูกาลที่ทั้งคู่จะพบกันเองนั้น จะเป็นเกมที่มีความหมายที่สุดของทั้งสองทีมในฤดูกาลนี้ในทันที!