DID YOU KNOW : Formula 1 ราชาความเร็วทางเรียบ ชนครั้งหนึ่งเสียค่าซ่อมเท่าไร?
ในโลกแห่งการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นสุดยอดเจ้าความเร็วบนทางเรียบ คงไม่มีการแข่งขันไหนจะดุเดือดยิ่งไปกว่า Formula 1 เพราะด้วยความเร็วสูงสุดถึง 233 ไมล์/ชั่วโมง หรือประมาณ 375 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้การแข่งขัน Formula 1 กลายเป็นการแข่งขันรถทางเรียบที่เร็วที่สุดในโลกไปโดยปริยาย
การจะสร้างสรรค์รถที่สามารถทำความเร็วได้ขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล แต่บ่อยครั้งที่เรานั่งดูถ่ายทอดสดการแข่งขัน Formula 1 แล้วเห็นนักขับเกิดข้อผิดพลาดในการควบคุมรถ จนทำให้เกิดอบุัติเหตุ รถพังกระจุยกระจาย
หลังจากที่เราได้รู้ถึงค่าซ่อมแซมราชาโลก 2 ล้ออย่าง โมโตจีพีไปแล้ว ครั้งนี้จึงเป็นคิวของราชาความเร็วทางเรียบอย่าง Formula 1 กันบ้าง ว่าชนครั้งหนึ่ง กระเป๋าเงินของทีมที่ส่งเข้าแข่งขันจะแฟบลงไปเท่าไรเพื่อทำให้มันกลับคืนสู่สภาพเดิม
ติดตามคำตอบของคำถามนี้ไปพร้อมกันได้ที่ Main Stand
Formula 1 คืออะไร?
ก่อนจะไปถึงคำตอบของคำถามสำคัญ เรามาเพิ่มเติมความรู้กันก่อนดีกว่า ว่าที่เรียกกันติดปากว่า Formula 1, F1 หรือรถสูตรหนึ่งนั้น แท้จริงแล้วความหมายของมันคืออะไรกันแน่
คำว่า Formula 1 นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ความหมาย โดยเป็นทั้งชื่อเรียกของประเภทรถ และชื่อรายการแข่งขันรถสี่ล้อทางเรียบระดับสูงสุด ซึ่งจัดขึ้นโดย สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือที่เรียกกันว่า FIA (Fédération Internationale de l'Automobile) ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1950 ภายใต้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า FIA Formula One World Championship
ระบบการแข่งขันของ Formula 1 ในปัจจุบันนั้นคล้ายคลึงกับทางโมโตจีพี คือเป็นระบบกรังด์ปรีซ์ (Grand Prix) โดยมีทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 10 ทีม แต่ละทีมมีผู้เข้าแข่งขัน 2 คน แข่งแบบเก็บคะแนนเป็นฤดูกาลตามปีปฏิทิน ในสนามในเมืองต่างๆ ทั่วมุมโลก แต่ละสนามจะมีนักแข่ง 10 คนที่ได้คะแนนสะสม แชมป์ได้ 25 คะแนน ลดหลั่นจนถึงอันดับ 10 ที่ได้ 1 คะแนน ใครที่ทำคะแนนรวมได้สูงที่สุดก็ขึ้นเป็นผู้ชนะในฤดูกาลนั้นไป เช่นเดียวกับในประเภททีม
คำว่า "สูตรหนึ่ง" หมายถึงกฎกติกาที่ผู้เข้าแข่งขันและรถทุกคันต้องปฏิบัติตาม โดยรถที่สามารถเข้าแข่งในระดับ Formula 1 ได้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดเหล่านี้
- รถ F1 ต้องทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ และส่วนประกอบที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ น้ำหนักจะต้องไม่น้อยกว่า 702 กิโลกรัมหรือ 1,548 ปอนด์รวมคนขับและยาง แต่ไม่รวมน้ำมันเชื้อเพลิง
- ขนาดของรถจะต้องไม่เกิน 180 ซม. (กว้าง) × 95 ซม. (สูง) ส่วนความยาวของรถนั้นไม่มีข้อจำกัดระบุไว้
- รถ F1 ทั้งหมดต้องใช้เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จ 1.6 ลิตร ผนวกกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า (พูดให้เข้าใจง่ายคือ เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดนั่นเอง) ล็อกรอบเครื่องไว้ที่ไม่เกิน 15,000 รอบต่อนาที
- รถ F1 ทุกคันต้องสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 ไมล์ต่อชั่วโมง (160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และลดความเร็วลงเป็น 0 ในเวลาไม่ถึง 5 วินาที
นอกจากนั้นยังมีกฎระเบียบของระบบภายใน ระบบรักษาความปลอดภัย ยาง รวมถึงเชื้อเพลิง ที่ระบุไว้ แต่รายละเอียดนั้นค่อนข้างยิบย่อย เกรงว่าจะทำให้บทความนี้น่าเบื่อและเสียอรรถรสไปเปล่าๆ จึงขอสรุปเพื่อความเข้าใจง่ายไว้เพียงเท่านี้
อย่างที่กล่าวไปว่า Formula 1 คือการแข่งขันระดับสูงสุดของรถยนต์ทางเรียบสี่ล้อ ดังนั้นแน่นอนว่าต้องมีการแข่งขันระดับที่ต่ำลงไป เช่น Formula 2, Formula 3, หรือแม้กระทั่ง Formula 4 ซึ่งในการแข่งขันแต่ละประเภทก็มีระเบียบ รวมถึงกฎเกณฑ์ต่างกันออกไป และเราอาจจะมาพูดถึงกันโดยละเอียดในโอกาสต่อๆ ไป
Formula 1 คันหนึ่งราคาเท่าไร?
สำหรับโมโตจีพีซึ่งเป็นราชาความเร็วแห่งโลก 2 ล้อนั้น มูลค่าในการสร้างออกมาหนึ่งคันอยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านยูโร หรือประมาณ 80-120 ล้านบาท แล้วสำหรับรถ Formula 1 ซึ่งสามารถทำความเร็วได้สูงกว่า อีกทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งรถสี่ล้อทางเรียบล่ะ คันหนึ่งจะมีมูลค่าเท่าไรกันนะ?
ตามการรายงานของ Life Beyond Sport Magazine ซึ่งได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับมูลค่าของรถ F1 ออกมาในปี 2014 และส่วนหนึ่งของบทความปรากฏว่า
“มูลค่าเฉลี่ยของรถ F1 ที่เข้าแข่งขันในฤดูกาล 2014 อยู่ที่คันละ 7.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ” หรือถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ตกประมาณคันละ 230 ล้านบาท
ในขณะที่ตามรายงานของ Essentially Sports อีกหนึ่งนิตยสารกีฬา ซึ่งได้เผยเรื่องนี้ออกมาเช่นกัน แต่เป็นหลังจากนั้น 4 ปี คือฤดูกาล 2018 โดยระบุว่ามูลค่าของรถ F1 ที่เข้าแข่งในฤดูกาลดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่ 12.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 380 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยแน่นอนว่าสาเหตุที่มูลค่าในการสร้างเพิ่มขึ้นก็มาจากหลายปัจจัย ทั้งเงินเฟ้อ, งบประมาณในการแข่งขันที่มากขึ้น, หรือมูลค่าทางการตลาดที่สูงขึ้น ทำให้แต่ละทีมมีเงินในการลงทุนเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นยังมีรายงานจาก Auto Sports ที่เผยว่าในฤดูกาล 2018 นั้น ทีมอย่าง McLaren และ Mercedes มีงบทำทีมมากถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งงบจำนวนนี้รวมทั้งหมดตั้งแต่ค่าจ้างพนักงาน ค่าวิศวกรรมสร้างสรรค์รถ ค่าจ้างนักขับ รวมถึงค่าซ่อมบำรุงต่างๆ
อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าทุกทีมจะมีงบประมาณมากมายมหาศาลขนาดนั้น เพราะทีมขนาดเล็กอย่าง Force India (Racing Point ในปัจจุบัน) และ Williams มีงบประมาณน้อยกันกว่าครึ่ง โดยอยู่ที่ประมาณ 250-350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
ความแตกต่างนี้ทำให้ทีมขนาดเล็กแทบไม่เคยโผล่พ้นจากผิวน้ำขึ้นโพเดี้ยมรับรางวัลได้เลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา (ยกเว้นในกรณีที่เกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ฝนตก หรือมีอุบัติเหตุจนทีมใหญ่ๆ ไม่จบการแข่งขัน) ซึ่งทาง FIA ก็เล็งเห็นข้อบกพร่องนี้ ที่ทำให้ความนิยมของของ F1 ค่อยๆ ลดลงไป พวกเขาจึงได้ทำการออกกฎระเบียบข้อบังคับใหม่ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ฤดูกาล 2021 เป็นต้นไป โดยใจความตอนหนึ่งในระเบียบดังกล่าวระบุไว้ว่า
“นับตั้งแต่ฤดูกาล 2021 เป็นต้นไป ทุกทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน FIA Formula One World Championship จะมีงบทำทีมต่อหนึ่งฤดูกาลไม่เกินทีมละ 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น” ทั้งนี้ ไม่รวมถึงค่าจ้างนักแข่งและงบการตลาด
อันที่จริง กฎดังกล่าวจะถูกบังคับใช้พร้อมกับกติการถแข่งใหม่ ที่จะเปิดตัวในปี 2021 ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้กฎเกณฑ์ต่างๆ ต้องเปลี่ยนไป โดยการคุมงบทำทีม กำลังจะถูกปรับให้ลดลงเหลือเพียง 145 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อไม่ให้ทีมเล็กๆ ประสบกับภาวะล้มละลาย ซึ่งจะมีผลในปี 2021 นี้เลย ขณะที่กติการถแข่งใหม่ ถูกเลื่อนไป 1 ปี ไปบังคับใช้ในปี 2022 แทน
แต่แน่นอน หมายความในอนาคตเราอาจได้เห็นรถ F1 ที่มีมูลค่าถูกลง และทำให้การแข่งขันมีความสนุกสูสีมากขึ้น
Formula 1 ชนครั้งหนึ่งเสียค่าซ่อมเท่าไร?
“ในปีนี้ปีเดียว เราเสียค่าซ่อมรถเพราะการชนไปแล้วกว่า 2.3 ล้านยูโร ทั้งที่บาร์เซโลน่า ฝรั่งเศส และแคนาดา” ฟรานซ์ โทสต์หัวหน้าทีม Toro Rosso (ปัจจุบันคือทีม AlphaTauri หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม Red Bull ทีมรอง ซึ่งเมื่อช่วงครึ่งฤดูกาลแรกของปี 2019 มีนักแข่งไทยอย่าง อเล็กซ์ อัลบอน สังกัดอยู่) กล่าวกับ Autosport ถึงค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในฤดูกาล 2018
นั่นแทบจะเป็นครั้งเดียวที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องออกมาพูดถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นการพูดรวมจากการชนที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ดังนั้นเราจึงยังไม่ทราบแน่ชัดอยู่ดีว่าการชนทีมเข้าแข่งขันต้องเสียเงินเท่าไรต่อการชนหนึ่งครั้ง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีคำตอบให้กับทุกคน เพราะเรามีข้อมูลสำคัญที่จะทำให้สามารถรู้มูลค่าในการซ่อมแซมได้มาบอกกับทุกคน นั่นก็คือราคาของอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถ F1 นั่นเอง
เครื่องยนต์ : 7.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดของรถ F1 แต่ละคันก็ว่าได้ โดยมูลค่าของมันสูงถึง 80% ของมูลค่ารวมของรถทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเครื่องยนต์ 1.6 V6 เทอร์โบ ไฮบริด ที่มาพร้อมกับความแรง 1,000 แรงม้า อย่างไรก็ตาม ราคานี้เป็นราคารวมของเครื่องยนต์ทั้งตัว ที่รวมส่วนประกอบต่างๆ ไว้หมดแล้ว หากเสียแค่บางชิ้น การเปลี่ยนเฉพาะชิ้นจะเสียค่าใช้จ่ายลดลง
ตัวถัง : สิ่งสำคัญที่ห่อหุ้มรถเอาไว้ และเป็นเหมือนเกราะนิรภัยให้กับคนขับ โดยมูลค่าของมันอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสาเหตุที่มันมีราคาสูง มาจากการใช้ คาร์บอนไฟเบอร์ เป็นวัสดุนั่นเอง
DRS : หรือชื่อเต็มว่า Drag Reduction System คือระบบพับปีกหลังที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงลากและลดแรงกดของตัวรถ ทำให้ F1 แต่ละคันสามารถเร่งความเร็วได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (แต่สามารถใช้ได้ในกรณีที่จำกัด) มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ
ปีกหน้า (รวมส่วนกรวยจมูก) และปีกหลัง : มูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 5.6 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ แน่นอน ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน
พวงมาลัย : มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 9 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ โดยต้องไม่ลืมว่าที่มูลค่าของมันเทียบเท่าบ้านหนึ่งหลัง ก็เพราะนี่คือพวงมาลัยที่ใช้ในการควบคุมหนึ่งในพาหนะทางเรียบที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชั่นต่างๆ มากมาย จากปุ่มต่างๆ ที่มีอยู่เต็มไปหมด
ถังเชื้อเพลิง : มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.6 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ
ระบบไฮโดรลิก : เพื่อการขับขี่ที่ลื่นไหล มั่นคงยิ่งขึ้น ทีมผู้สร้างจำเป็นต้องจ่ายเงินประมาณ 3.5 แสนดอลลาร์เพื่อระบบไฮโดรลิกคุณภาพเยี่ยม ซึ่งส่วนใหญ่ จะนำไปใช้กับระบบช่วงล่างอันสลับซับซ้อน
ระบบเกียร์ : มูลค่าประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อแลกกับการควบคุมจังหวะรถได้ดั่งใจ
จานเบรกและผ้าเบรก : มูลค่าประมาณ 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ
ยาง : รวมทั้ง 4 ล้อแล้วมีมูลค่าประมาณ 5 พันดอลลาร์สหรัฐฯ
นี่คือมูลค่าของส่วนประกอบรถ F1 ที่ทาง เอ็ดดี้ จอร์แดน ผู้ก่อตั้งและเป็นเจ้าของ Jordan Grand Prix ทีมแข่งรถสูตรหนึ่งที่ลงแข่งขันระหว่างปี 1991-2005 ก่อนที่จะผันตัวมาทำงานวงการสื่อในปัจจุบัน เผยกับ Sportekz
ดังนั้นต่อให้เราไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าในการที่รถ F1 ชนหนึ่งครั้งนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร แต่ถ้าเรารู้ว่ารถคันดังกล่าวเสียหายตรงส่วนไหนก็พอจะทำให้ประเมินราคาออกมาได้
ซึ่งด้วยมูลค่าราคาขนาดนี้ต้องบอกว่า สมกับเป็นราชาความเร็วสี่ล้อทางเรียบของโลกอย่างแท้จริง