ความลับของเทวา : อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ สุภาพบุรุษนักชกผู้กลายเป็นบุคคลล้มละลาย
ถ้าจะกล่าวถึง มิสเตอร์ไนซ์กาย หรือพ่อสุภาพบุรุษของวงการมวย รับรองได้เลยว่าคงไม่มีใครเกิน อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ อีกแล้ว
หนึ่งในนักชกแชมป์โลกเฮฟวี่เวตที่แกร่งที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค 90's ไม่เสพยา ไม่บ้าผู้หญิง และไม่ติดพนัน เขาคือเด็กบ้านแตกที่สู้ตายเพื่อความฝันโดยไม่แวะนอกลู่นอกทางเหมือนกับนักมวยคนอื่นๆ นั่นคือสิ่งที่ปรากฎผ่านสื่อ ทว่าทั้งๆ ที่เป็นไนซ์กายขนาดนั้น เหตุใดสุดท้าย อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ จึงกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ทั้งที่หาเงินตลอดอาชีพการชกกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ติดตามชีวิตที่พลิกผันจากยอดนักชกสู่บุคคลล้มละลายของ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ที่เขาปิดบังไว้จนเรื่องมันแดงออกมาได้ที่นี่
ผู้ถูกจับอาบน้ำด้วยปัญญา
นักมวยแทบทุกคนมีเบื้องหลังชีวิตที่ราวกับลอกแบบกันมาทั้งหมด เกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ สู้กับความยากจน และเติบโตในสังคมที่สุ่มเสี่ยงกับการจะเสียคนอยู่รอมร่อ เรียกได้ว่าอนาคตแทบจะโยนหัวก้อยเลยทีเดียว
Photo : www.wikicelebs.com
อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ก็เป็นหนึ่งในนักมวยที่มีชะตาชีวิตเช่นนั้น แต่มีข้อแตกต่าง 1 ข้อแต่ยิ่งใหญ่ นั่นคือแม่ของเขา ... แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ตั้งใจเลี้ยง อีแวนเดอร์ ลูกชายของเธอให้กลายเป็นคนที่เจริญทางความคิด และมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด เท่าที่เธอจะมีเรี่ยวแรงผลักดันลูกชายคนนี้
แอนนี่ ... แม่ของ โฮลีฟิลด์ นั้นพยายามอาบน้ำให้ลูกชายด้วยปัญญา เธอใส่ความแข็งแกร่ง, ความขยัน, ความเป็นคนโอบอ้อมอารีย์ และความมุ่งมั่น เข้าไปให้ อีแวนเดอร์ เด็กๆ ในย่านนั้นอาจจะเริ่มหันไปอยู่กับแก๊งเมื่อเป็นวัยรุ่น แต่ โฮลีฟิลด์ นั้นโดนส่งไปเรียนหนังสือ ถูกจับไปซ้อมมวยในโรงยิม
ข้อดีของ โฮลีฟิลด์ คือเขาเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรง่าย แค่ได้มองสายตาของแม่ในวันที่เขาสอบได้คะแนนดีๆ หรือได้แชมป์มวยรุ่นเยาวชน เขาก็รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เธอมีความสุขที่สุด ดังนั้น โฮลีฟิลด์ จึงกลายเป็นคนที่อยากทำให้แม่ของเขามีความสุขที่สุด ผ่านคติพจน์ที่ถูกสอนมาว่า "เมื่อคุณมีจิตใจที่เข้มแข็ง คุณสามารถเลือกที่สิ่งที่คุณอยากจะเป็นได้"
เขาผ่านการคัดเลือกเข้าแข่งขันจูเนียร์โอลิมปิกตั้งแต่อายุ 13 ปี จากนั้นต่อมาอีก 2 ปี ก็กลายเป็นแชมป์ระดับภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยสถิติสุดยอดเกินอายุ ชนะไปถึง 160 ไฟต์ และเป็นการน็อคเอาต์ 76 ครั้ง แพ้ไปเพียงแค่ 14 ไฟต์เท่านั้นเอง ซึ่งความยอดเยี่ยมนี้ก็ถูกต่อยอดด้วยการได้เป็นนักชกอาชีพหลังจากนั้น และกลายเป็นนักชกที่ดีที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค 90 's เลยทีเดียว
สิ่งที่ โฮลีฟิลด์ เป็นมาตั้งแต่เด็ก ส่งต่อถึงสไตล์การชกและการวางตัวในวงการมวยของเขา โฮลีฟิลด์ เป็นนักชกที่ไม่ค่อยใช้คำพูดในการไซโคใคร ไม่ใช้ถ้อยคำเหยียดคู่แข่ง และที่สำคัญ เขามีพฤติกรรมที่กล่าวได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษแห่งวงการมวยคนหนึ่ง แม้กระทั่ง ไมค์ ไทสัน คู่ปรับตัวฉกาจที่เคยกัดหูของ โฮลีฟิลด์ จนเป็นไฟต์ระดับตำนาน ยังเคยบอกว่า "โฮลีฟิลด์ คือลูกผู้ชายที่น่าเคารพ ผมและเขาต่างมีจุดเริ่มต้นจากแหล่งเสื่อมโทรมก่อนจะกลายเป็นที่ยอมรับในฐานะยอดนักชก"
Photo : www.essentiallysports.com
"Real Deal" (เรียล ดีล) หรือ "ของจริง" คือฉายาของ โฮลีฟิลด์ โดยมีที่มาจากพฤติกรรมบนเวทีที่ดุดันและครบเครื่อง ด้วยเทคนิคตามแบบฉบับมวยที่เคยชกแบบสากลสมัครเล่นมาก่อน ขณะที่พฤติกรรมนอกสนามนั้นถือว่าเป็นคนที่หัวจิตหัวใจห้าวหาญมาก หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเขาเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวตเพราะพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่แท้จริงแล้วมันเกิดจากความพยายามและความทะเยอทะยานอย่างที่สุด เพราะสมัยที่ขึ้นมาชกมวยอาชีพใหม่ๆ โฮลีฟิลด์ ยังคงชกในรุ่นครุยเซอร์เวตจนถูกเรียกว่าเป็น "มวยครุยเซอร์เวตที่ดีที่สุดตลอดกาล" ซึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาไปชกในรุ่นยักษ์ (เฮฟวี่เวต) นั้นก็เพราะว่าเขาชกในรุ่นครุยเซอร์เวตจนสามารถเป็นแชมป์โลกไร้พ่าย ผู้ไม่มีคู่แข่งคนใดให้ทดสอบตัวเองอีกต่อไปนั่นเอง
และถึงแม้จะต้องทำน้ำหนักขึ้นมาซัดกับคนที่ตัวใหญ่กว่าในรุ่น เฮฟวี่เวต จนเสียสถิติไร้พ่ายในที่สุด โฮลีฟิลด์ ก็ยังสามารถปราบหมดรุ่นและไปถึงแชมป์โลกได้เหมือนเคย ดังนั้นฉายา "เรียล ดีล" เป็นอะไรที่เหมาะสมกับนักมวยและยอดคนอย่างเขาที่สุด
เก็บเงินเยอะ...และหมดอย่างรวดเร็ว
อย่างที่ได้กล่าวไว้ ประวัติด้านลบของ โฮลีฟิลด์ นั้นปรากฎน้อยมาก ทั้งเรื่องความรุนแรง, ยาเสพติด หรือแม้กระทั่งผู้หญิง ที่ถือเป็นไลฟ์สไตล์ของเหล่าแชมป์โลกที่เริ่มหมดไฟหลังจากคว้าความสำเร็จมาได้ดังเช่นนักมวยคนอื่นๆ แต่ โฮลีฟิลด์ แตกต่างทางความคิดและการกระทำ นั่นจึงทำให้เขาสามารถชกในวงการได้นานถึง 28 ปี ซึ่งถือว่ายาวนานมากสำหรับนักมวยอาชีพคนหนึ่ง
Photo : alkhaleejtoday.co
ในระยะเวลา 28 ปี โฮลีฟิลด์ ขึ้นชกทั้งหมด 57 ไฟต์ มีไฟต์ที่ได้เงินหลักแสนดอลลาร์สหรัฐฯ ไปจนถึงไฟต์ที่ได้ค่าตัวระดับ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไฟต์ที่ชกกับ ไมค์ ไทสัน ในปี 1997 ซึ่งรวมเงินทั้งหมดที่เขาหาได้ตลอดช่วงอาชีพ 28 ปี นั้นสำนักข่าว Independent สรุปได้ว่าเขาทำเงินรวมไปกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ตั้งแต่อายุ 7 ขวบถึงอายุ 51 ปี ที่ประกาศแขวนนวม โฮลีฟิดล์ ได้ทุกอย่างมาครอบครองเข็มขัด, เงินทอง และเกียรติยศ ... ทว่าหลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็ต้องกลับตาลปัตรโดยที่ โฮลีฟิลด์ ไม่ทันได้ตั้งตัว
คำถามคือทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้ เขาเก็บเงินได้มากมาย มองภายนอกก็เป็นคนดีและไนซ์กายของวงการมวยคนหนึ่ง ไม่ติดเหล้า ไม่ติดยา ไม่เล่นการพนัน แต่เหตุใดเงินที่หามาได้กว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงไม่สามารถทำให้เขารอดพ้นจากการถูกศาลประกาศเป็น "บุคคลล้มละลาย" ได้?
ในปี 2008 มีการเปิดเผยเบื้องหลังว่าชายผู้ไม่เคยสำมะเลเทเมาหมดตัวเพราะ "ความรัก" ... ความรักในที่นี่ไม่ใช่ความรักฉันสามี-ภรรยาเหมือนคนปกติ เพราะเบื้องหลังชีวิตสุภาพบุรุษแห่งวงการมวยนั้น มีการเปิดเผยว่า โฮลีฟิลด์ ต้องเลี้ยงดูลูกๆ และภรรยารวมทั้งหมดราว 20 ชีวิต ว่ากันว่าเขามีลูกทั้งหมด 11 คน จากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย 6 คน และคาดว่าอาจจะมีลูกนอกสมรสที่ไม่ได้จดทะเบียนกับแม่ของเด็กอีกจำนวนหนึ่ง
Photo : www.si.com
ทำไมการมีสมาชิกครอบครัวเยอะจึงทำให้เขาหมดตัวได้? คำตอบคือ โฮลีฟิลด์ พยายามทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีกับทุกๆ คนเหมือนกับที่แม่ของเขาเคยตั้งใจเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดนั่นเอง
โฮลีฟิลด์ อาจจะมีสมาชิกในครอบครัวเยอะ แต่ก็ไม่เคยทำให้ลูกๆ 11 คน และภรรยาอีก 6 คนต้องลำบากในสมัยที่ชกมวย เขาจัดการส่งเสียค่าเลี้ยงดู อะไรต่อมิอะไรต่างๆ ครบถ้วนจนไม่เป็นเกิดคดีความฟ้องร้องอะไร นอกจากนี้เขาก็ยังเคลียร์เรื่องการแบ่งทรัพย์สินกับภรรยาทุกคนที่หย่ากับเขาอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งบางคนก็ได้เงินจากส่วนนี้เป็นหลักล้านดอลลาร์เลยก็มี
ดังนั้นจะบอกว่า โฮลีฟิลด์ เสียคนเพราะความรักก็คงไม่ผิดนัก เขาเดินเกมพลาดที่ตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตแบบนี้ แม้ไม่มีกฎตายตัวว่าคนเราควรจะมีลูกได้กี่คน มีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายได้กี่คน รักๆ เลิกๆ หย่าๆ ได้กี่ครั้ง แต่สิ่งที่เรารู้คือ โฮลีฟิลด์ มีจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่มากเกินกว่าจะรับมือดูและได้ดีตลอดรอดฝั่ง ตอนที่เขามีเงินเยอะจากการเป็นยอดมวยตอนนั้นก็ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่ชีวิตคนเรานั้นอะไรมันก็ไม่แน่นอน ยามมาถึงขาลงมันก็ลงอย่างน่าใจหาย และยากที่จะรับได้ภายในเวลาอันรวดเร็วเลยทีเดียว
Photo : bodyheightweight.com
จุดเริ่มต้นของการฟ้องล้มละลายเกิดจากเงินที่เขาต้องส่งให้ลูกๆ ทุกๆ เดือน(ผ่านแม่ของลูกๆ) นั้นขาดหายไป โดยเรื่องเกิดขึ้นจากแม่ของลูกของเขาคนหนึ่งเดินทางไปฟ้องศาลว่าเงินจำนวน 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เรียกว่าเป็นค่าเลี้ยงดูของลูกของเธอ (กับโฮลีฟิลด์) ไม่ได้ถูกโอนเข้าบัญชีมาแล้ว 3 งวด ซึ่งหลังจากนั้นคดียึดทรัพย์ หรือนำทรัพย์สินของเขาไปขายทอดตลาดก็เกิดขึ้นมากมาย
"ความกังวลของฉันคืออาจจะมีแม่คนอื่นๆ (ของลูกๆ โฮลีฟิลด์) ที่ไม่ได้รับค่าเลี้ยงดูแบบนี้ ผมอยากจะให้ลูกค้าของผมสู้เพื่อความถูกต้อง" แรนดี้ เคสเลอร์ ทนายของแม่เด็กที่เลิกรากับโฮลีฟิลด์ไปแล้วกล่าว แม้จะมีความจริงอีกด้านว่า เรื่องราวยุ่งยากทางการเงินเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1999 เมื่อ เจนิซ หนึ่งในภรรยาของเขาฟ้องหย่า หลังตัวโฮลีฟิลด์ยอมรับว่าเขาต้องดูแลลูกนอกสมรสอีกหลายคน
Photo : www.ocregister.com
โฮลีฟิลด์ อาจจะเก่งในวันที่สร้างเนื้อสร้างตัว แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญมากพอในวันที่เขามีเงินทองมากมาย ว่ากันว่าปัญหาเรื่องการชำระภาษี การจ่ายค่าโน่นนี่นั่นทั้งเรื่องของลูกๆ เมียๆ และทรัพย์สินที่เขามี ไม่ได้รับการดูแลจากคนที่เก่งพอ นั่นจึงทำให้เงินของเขาค่อยๆหมดไปทีละนิดๆ จนสุดท้ายเขาก็กลายเป็นบุคคลล้มละลายไปโดยปริยาย
คฤหาสน์ขนาด 109 ห้องนอนที่แอตแลนต้า รวมถึงของสะสมหายากต่างๆ มากมายของเขา ถูกเกณฑ์ออกมาประมูลเพื่อเอาเงินมาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า นั่นคือสิ่งที่ โฮลีฟิลด์ ได้พบเจอหลังจากเลิกเป็นนักมวย
Photo : www.worldboxingnews.net
"สิ่งของที่เป็นไฮไลต์ในการประมูลวันนั้นได้แก่ เหรียญทองแดงในโอลิมปิกปี 1984, เหรียญเงิน แพน อเมริกัน เกมส์ 1983, นวมของเขาเกือบ 20 คู่ รวมถึงเข็มขัดแชมป์โลก 3 สถาบัน" นี่คือส่วนหนึ่งของรายละเอียดของงานประมูลจาก Bleacher Report
เรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่หามาได้หมดจนเกือบเกลี้ยงแผง เหลือแต่สินทรัพย์ติดตัวมูลค่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากขายทุกอย่างเพื่อเคลียร์หนี้ก้อนใหญ่ที่เกิดจากการวางแผนครอบครัว และแผนดูแลทรัพย์สินที่ผิดพลาด จนกลายเป็นบทเรียนที่เขาต้องจำจนทุกวันนี้
อย่าถอดใจ
สิ่งที่เหลือเชื่อคือ ถึงแม้จะถึงคราวหมดเนื้อหมดตัว แต่ โฮลีฟิลด์ ยังคงเรื่องเดิมไว้ 1 เรื่อง นั่นคือการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสายเลือดของเขา แม้เงินของจะเหลือเพียงน้อยนิดถ้าเทียบกับในอดีต
โฮลีฟิลด์ ส่งลูกๆ ของเขาเรียนในโรงเรียนชั้นนำของอเมริกา แม้จะไม่ได้บอกว่ามีใครและชื่ออะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือ "ทุกคน" ที่เป็นลูกของเขาจะได้รับการผลักดันด้านการศึกษาอย่างเต็มที่ และถ้าชอบกีฬาก็จะได้รับการสนับสนุนเต็มรูปแบบเช่นกัน ใครจะบอกว่า โฮลีฟิลด์ เลี้ยงทุกคนจนตัวเองไม่รอด แต่เขาไม่คิดจะหาข้ออ้างอะไรทั้งนั้น นอกจากเมื่อมีคนที่เขาต้องรับผิดชอบ เขาจะทำมันอย่างเต็มที่ เหมือนกับที่แม่สอนเขามาเสมอ
Photo : @holyfield
"แม่บอกผมเสมอว่า คนเราพลาดได้แต่อย่าหาข้อแก้ตัว เราต่างก็กำหนดโชคชะตาด้วยตัวเราเองทั้งนั้น คนที่มัวแต่อ้างและป่าวประกาศ คนพวกนั้นไม่มีทางได้เป็นแชมเปี้ยนหรอก เพราะแชมป์ที่แท้จริงจะไม่มาเที่ยวบอกคนอื่นว่า 'เอาละต่อไปฉันจะเปลี่ยนตัวเองแล้ว' เพราะพวกเขาจะลงมือทำมันเลยไม่ต้องพูดมาก"
"ย้อนกลับไปตอนเด็ก ผมมีแต่แม่ และแม่สามารถทิ้งผมได้ทุกเวลาแต่เธอก็ไม่ทำ แม่ของผมต่างหากที่คือ เรียล ดีล ที่แท้จริง สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมเรียนรู้คือคนเราผิดพลาดได้ แต่อย่าใช้ชีวิตแบบพวกคนขี้ขลาดเด็ดขาดเลย"
"จำไว้นะลูก อย่าเป็นคนขี้ขลาด เพราะคนขี้กลาดจะตายเป็นพันๆ ครั้งตลอดชีวิต แต่คนจริงนั้นเกิดมาและตายเพียงแค่ครั้งเดียว" นี่คือสิ่งที่ โฮลีฟิลด์ เล่าให้ BBC ฟัง
ชีวิตเขาแพ้มาเยอะ และมันสอนให้เขารู้ว่า ถ้าไม่ขี้ขลาด โอกาสแห่งชัยชนะจะรออยู่ในอนาคต การล้มละลายเปลี่ยนให้เขาสู้อีกครั้ง แม้หนนี้จะไม่ได้สู้เพื่อความร่ำรวย แต่อย่างน้อยๆ ก็เป็นการสู้ให้กับลูกๆ ที่พร้อมจะโตมาตามรอยของเขาที่เป็นแชมเปี้ยนตัวจริง
Photo : www.thewealthrecord.com
"ตอนเด็กๆ ผมเคยต่อยแพ้เด็กผิวขาวคนหนึ่ง ผมวิ่งไปฟ้องแม่และบอกว่า 'ไม่เอาแล้ว ผมจะเลิกชก' สิ่งที่แม่ทำคือลากคอผมกลับไปที่เวที และสั่งให้ผมทำให้เต็มที่จนกว่าจะชนะ เซซิล (ชื่อเด็กผิวขาว) ซึ่งสุดท้ายผมก็ทำสำเร็จ ผมวิ่งไปบอกแม่ทันทีหลังจากนั้น ... แม่แค่ยิ้มและบอกว่า 'การถอดใจเพราะสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คิด จะทำให้ผมเป็นคนที่ไม่มีทางเดินไปถึงเป้าหมายที่แท้จริงได้' ผมจำคำนั้นฝังใจและสอนตัวเองอีกครั้งว่า ผมจะไม่อ้างอะไรอีก และผมจะไม่พูดว่า 'ฉันทำไม่ได้'" โฮลีฟิลด์ กล่าว
ตอนนี้ โฮลีฟิลด์ ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรมากมายนัก เขามีทรัพย์สินโดยรวมอยู่ที่ราวๆ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสำหรับเขามันไม่ใช่ปัญหาอะไรมากมายนัก เขากำลังมีความสุขดีกับชีวิต ลูกๆ และสายเลือดของเขากำลังเติบโตไปในทิศทางที่ถูกที่ควร โดยมีการเปิดเผย (บางส่วน) ว่า ลูกชายที่ชื่อ เอไลจาห์ นั้น ปัจจุบันเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลตำแหน่งตัววิ่งของทีม ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ขณะที่อีกคนซึ่งชื่อ อีวาน ก็พยายามอย่างมากที่จะเป็นนักมวยอาชีพ หรืออย่างน้อยๆได้ไปชกในโอลิมปิกเหมือนกับพ่อของเขา ...
โฮลีฟิลด์ อาจจะทำให้แฟนๆ ของเขาผิดหวัง เพราะไม่คิดว่าบั้นปลายชีวิตของเขานั้นจะมีความจริงปรากฎมากมาย และทำให้เขาต้องพบเจอกับชีวิตที่ยากลำบากหรือสามารถเรียกได้ว่า "ตกอับ" ก็คงไม่ผิดนัก
อย่างไรก็ตาม อย่างน้อย โฮลีฟิลด์ เหลือเพียงสิ่งหนึ่งที่ไม่โดนยึดไปพร้อมกับทรัพย์สิน นั่นคือความรับผิดชอบต่อตัวเอง เขาสร้างปัญหาในครอบครัวขึ้นมาก็จริง แต่สุดท้ายเขาก็ตามรับผิดชอบลูกๆ ทุกคนด้วยการส่งเสียแบบเต็มที่ ... เชื่อเหลือเกินว่าการที่เขาได้ยินลูกๆ พูดว่า "อยากเป็นเหมือนพ่อ" ... คำๆ นี้อาจจะทำให้ความผิดในใจของเขาหายไปเลยก็ได้