เรื่องนี้มีน้ำตา! "กิ๊ฟ วิลาวัณย์" พา "นัท" แฟนหนุ่มเปิดใจไทม์ไลน์รักกว่าจะมีวันนี้ (คลิป)

ถือเป็นคู่รักในวงการกีฬาที่น่ารักเสมอ สำหรับ กัปตันกิ๊ฟ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ นักตบสาวทีมชาติไทย กับแฟนหนุ่ม นัท จ.อ.นัฐพงศ์ เกษาพันธ์ อดีตนักวอลเลย์บอลชายทีมชาติไทย ที่ถึงตอนนี้ทั้งคู่ใช้ชีวิตแต่งงานร่วมกันมานานเกือบ 4  ปี แต่ความรักของคู่ไม่ใช่จะคงที่มีแต่จะเพิ่มเติมให้กันตลอดเวลา

โดยล่าสุด นักตบสาวได้ควงสามีสุดที่รัก มาเยือนรายการ Club Friday Show เปิดใจเล่าไทม์ไลน์รักหวานนี้เกิดขึ้นจนมาเป็นครอบครัวเหตุเพราะโทรผิดเบอร์รักนี้จึงเกิด ซึ่งในครั้งนี้ กัปตันกิ๊ฟ ยังได้เผยความในใจขอโทษทั้งน้ำตากับสามีและครอบครัวที่รักตัวเองมากเกินไปจนลืมคิดถึงใจทุกคน

กัปตันกิ๊ฟ : ตอนนั้นหลังจากที่เราโทรผิดก็ได้คุยกับเขามาเรื่อยๆ คุยกับทุกวันค่ะ กิ๊ฟ โทรทุกวันเพราะว่าเป็นช่วงที่ดิ่งเพราะเขา สามารถตัดสินใจอะไรที่มัน แย่ๆได้เลยตอนนั้น เราเลยอยากช่วยประคองเขาก่อน เราก็บอกเขาเล่นๆ ไปก่อนถ้าทีมชาติไม่ไหว พี่พาไปคุยกับสโมสร คือ สโมสรมันไม่ได้หนักเท่ากับทีมชาติก็ยังน่าจะเล่นได้ เราก็โทรคุยกับเขาทุกวัน แล้วบวกกับเขาบอกว่าเพื่อนสนิทกับเขาที่เคยปรึกษากันกันคุยด้วยกันตลอดอีกคนบวช อีกคนได้ไปบรรจุงานที่ต่างจังหวัดเขาก็ไม่เหลือใครเลยอยู่คนเดียว

ตอนนั้นบอกว่าเป็นความเครียดเหมือนว่าต้องตัดสินใจเหมือนกัน ความฝันของเราและความฝันมันไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ตอนนั้นนัทตัดสินใจยังไง ?
นัท : คือตอนนั้นมันไปไม่ไหวแล้วจริงๆ มันต้องใช้ร่างกาย เพราะตอนนั้นเราเพิ่งไปผ่าตัดข้อมือมา ก็เครียดอยู่กับตัวเอง ซึ่งผมไม่เอาไปบอกพ่อบอกแม่อยู่แล้ว ขนาดผ่าตัดยังไม่ให้เขารู้เลยเพราะไม่อยากให้เขากังวล แล้วก็มีเสียงจากไหนโทรเข้ามาไม่รู้ เค้นผมอยู่ 2 ชั่วโมง ผมก็ยังไม่ยอมบอก เอาตรงๆนะครับไม่งงครับที่เขามาเค้นเราขนาดนี้ เพราะเขาเป็นคนบุคลิกแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าอยากรู้ต้องรู้ให้ได้ แต่เขาให้คำแนะนำดีมาก เราก็เลยใจอ่อนบอกทีละนิดๆ เขาก็บอกให้เราอดทนไปก่อน ไม่ไหวค่อยเลิก

ตอนนั้นต่างคนต่างมีแฟน ?
กัปตันกิ๊ฟ : ตอนนั้นนัทเลิกกับแฟนแล้ว  ส่วนกิ๊ฟก็ตอนนั้น ก็ได้บอกแฟนว่าเราจะเปิดใจคุยกับคนอื่นแล้วนะ เพราะตอนนั้นเราก็ได้ห่างจากแฟนกันไปสักพักแล้ว ต่างคนต่างไม่มีใครในตอนนั้น
กัปตันกิ๊ฟ : เขาก็จะเหงา เราเองก็อยู่คนเดียวด้วยเหมือนกัน คือเราก็เหมือนได้ที่พึ่งอีกทางหนึ่งว่าฉันก็ไม่ต้องใช้ชีวิตแบบที่เหงา เราก็แบบนัดกันกินข้าว ไปซื้อเสื้อผ้า ช้อปปิ้ง ไปด้วยกัน

โดยที่ต่างคนไม่คิดอะไรเลย ?
กัปตันกิ๊ฟ : ใช่ค่ะ จริงๆ เพราะเขาก็แบบมีคุยกับผู้หญิงอยู่เพราะเขาก็โสดใช่ไหมค่ะ เขาก็แบบพี่กิ๊ฟ ดูนี่สาวส่งข้อความมา เราก็ไม่ได้รู้สึกหึงอ่ะค่ะ คือที่มั่นใจไม่ได้ชอบเขาเพราะว่า เขาก็เล่าให้ฟังหมดว่าคุยกับใครบ้าง เราก็เล่าให้เขาฟังว่าเราคุยกับนักบาส คือเราต่างคนต่างแชร์กันทุกอย่าง
นัท : ตอนนั้นมีคนเข้ามาจีบเขาเยอะเหมือนกัน นักบาส นักบอล ต่างประเทศมาจีบเขา
กัปตันกิ๊ฟ : เราก็จะปรึกษากัน

แล้วช่วงเวลาไหนที่เรารู้สึกว่าเป็นช่วงพิเศษกว่านั้นแล้ว ?
กัปตันกิ๊ฟ : สู้กับใจตัวเองมานานแล้ว ชอบหรือเปล่า ไม่น่าใช่ ไม่ใช่สเปค ไม่ชอบคนเป๊ะ ไม่ชอบคนเรียบร้อย ไม่ชอบคนสะอาด คือเขาสะอาดจนเราดูโสโครกไปเลย จริงๆเสื้อผ้าที่เขาใส่เขาต้องรีด แต่เราสบัดใส่เลย ก่อนนอนเขาต้องล้างหน้าทาครีมเราถ้าบ้างวันปาร์ตี้กับเพื่อนเราก็สามารถนอนได้เลย ส่วนเขาไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าเขาจะเหนื่อยล้าแค่ไหนเขาก็ต้องอาบน้ำก่อน เขาเป็นคนที่เป๊ะ เกินไปสำหรับเราเพราะเราชอบคนเซ่อๆ มันก็เลยค้านใจตัวเอง เราก็จะบอกหน่อยตลอด หน่องก็บอกว่าแบบนี้เห็นมานักต่อนักแล้ว เดี๋ยวชอบ เราก็บอกว่าไม่มีทาง คือเราสู้กับใจตัวเอง
นัท : จริงๆแล้วเขาเข้ามาตอน ไม่มีใครเหมือนกันแล้วตอนนั้นคือเราหาที่เพิ่งทางใจ กิ๊ฟ เป็นทั้งที่ปรึกษา เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว มันก็ปกตินะทำให้หัวใจของเราหวั่นไหวได้ ก็คือไม่ได้คุยกับใครเลยตอนนั้น หลังจากที่ กิ๊ฟ เขาบอกว่าคุยกับผู้หญิงบ้างอะไรบ้าง คุยจีบกันเฉยๆไม่เคยไปไหนกับใครเลย พอเริ่มชอบเขาเราก็ไม่เคยคุยกับใครเลย

เรารู้สึกว่าเราชอบเขาก่อน หรือ กิ๊ฟ รู้สึกก่อน ?
นัท : เขามาบอกเลยครับ ความรู้สึกคิดถึงมันมาตอน ที่เขาไปแข่งต่างประเทศเป็นเอเซียนเกมส์ที่เกาหลี ตอนนั้นคือ โทรคุยอย่างเดียวเปิดกล้องอย่างเดียว
กัปตันกิ๊ฟ : เรารู้สึกชอบเขาตอนไปแข่งเพราะว่า กิ๊ฟ เป็นคนที่โลเทคโนโลยีมากเมื่อก่อนนะคะ มือถือเราจะใช้แค่โทรเข้า-ออกได้อย่างเดียว เราไม่ฟังเพลง ไม่ถ่ายรูป ไม่เปิดกล้องคุยเพราะแฟนก็ไม่เคยโทรมาใช่ไหมคะ แต่พอคุยกับเขาแล้วเราไปแข่ง เราก็เริ่มอยากเห็นหน้าเขา คิดถึงเราก็เริ่มแบบชอบหรือเปล่า ก็เลยคุยกันกับหน่อง หน่องก็บอกว่าฉันบอกแล้ว วันหนึ่งมันต้องชอบอย่างนี้ พอเรามั้นใจว่าชอบเราก็บอกเลย

ความรักเปลี่ยนตัวเองบ้างไหม
กัปตันกิ๊ฟ : กับนัทเปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย เปลี่ยนโดยธรรมชาติ คือไม่ได้ฝืน คือเริ่มแรกเลยที่ทำให้ทุกคนในทีมงงมากคือ กิ๊ฟ คุยโทรศัพท์ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคยเห็นเราคุยเราทำเลย กลายเป็นคนฟังเพลงเพราะว่า นัท เขาเป็นคนชอบร้องเพลงชอบเล่นกีตาร์ เราเลยรู้สึก อินกับเพลงตอนนั้นก็เปลี่ยน ตัวเองเยอะเลยตอนนั้น  
กัปตันกิ๊ฟ : นัท เขาจะร้องเพลงให้เราเหมือนกับช่วงเวลานั้น แบบเราไปแข่งเขาก็จะน้องเพลงให้กำลังใจเรา แล้วเราไม่เคยได้จากใครเลยเราดีใจมากเวลานั้น แต่ในใจลึกๆเขาหลอกทำให้เราไหม ตอนแรกเราระแวงมาก เราก็จะบอกหน่องว่า หน่องว่า ฉันว่าผู้ชายคนนี้ไม่ปกติ ทุกเรื่อง มันดีเกินไป ดีกับฉันทุกเรื่อง เขาหล่อ เราคิดว่าเขาดีเกินไป เขาหล่อ ทำไมเขาถึงมาชอบคนหน้าตาแบบเรา แล้วทำไมถึงดี หน่อง ก็บอกว่าเดี๋ยวนี่คือดีปกติ ที่เราเคยเจอมาคือไม่ปกติ เพราะเราไม่เคยเจอคนที่มาดูแลเราแบบเขา กลัวเขาจะหลอกเราไหม มองเปรียบเทียบตัวเองว่าเราไม่ได้สวยเขาหน้าตาดี

นัทเคยบอกเขาไหมว่าทำไมถึงเลือกเขา?
กัปตันกิ๊ฟ : เขาจะบอกเป็นเพลง
นัท : เพลงตอนแต่งงานหรือเปล่า ผมเซอร์ไพรส์เขาตอนเดินขึ้น (นัทร้องเพลง) อาจจะฟังแล้วไร้เหตุผลว่าสิ่งที่ทำ ให้คนรักกัน

เราใช้วิธีการพิสูจน์ยังไง ?
กัปตันกิ๊ฟ : หน่องบอกว่า จริงๆ แล้ว ลักษณะแบบนี้เป็นนิสัยของคู่รักปกติแต่กิ๊ฟ อาจจะ รู้สึกไม่ชิน เพราะไม่เคยมีใครมาทำให้เรา ถ้าเขายังเป็นแบบนี้สม่ำเสมอแปลว่าเขาเป็นคนแบบนี้ กลายเป็นว่า ยิ่งคบไปนานเขายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็เลย รู้สึกว่ามันจะใช่ เพราะเพื่อนเขาก็มาบอกเราว่าแปลกใจว่าทำไมนัท ถึงยอม ถึงทำให้เรามากได้ขนาดนี้ เพราะกับคนเก่าเขาไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ แต่พอผ่านไปนานๆ เขาก็ยังทำให้เราเหมือนเดิม ทุกคนก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นคนที่ใช่ของกันและกันแล้วล่ะ เพราะ นัท ไม่เคยเป็นอะไรอย่างนี้เลย
กัปตันกิ๊ฟ : เหมือนประสบการณ์ชีวิตสอนเราไว้แล้วว่าถ้าเราเข้มแข็งไป แมน ไป หรือผู้ชายเขาอาจจะคิดว่าไม่ต้องใส่ใจต้องดูแลก็ได้ เราก็รู้สึกว่าเราต้องมีมุมผู้หญิงบ้างเผื่อให้เขารู้สึกว่าเป็นผู้ชาย

แล้วเราทำยังไง ?
กัปตันกิ๊ฟ : ก็มีเสียงสองบ้าง ปกติก็จะพูดกันสองคนค่ะ แต่ก็จะมีหน่อง แอบได้ยินนางก็จะมาแซวมาประจานในทีม เราทำเสียงเล็กไม่ได้ แต่เราจะทำเสียงแหบให้เป็นเสียงสอง
นัท : แค่นี้ก็น่ารักแล้วครับ
กัปตันกิ๊ฟ : คือ เสียงเราแหบเขาก็จะรู้ว่าจะให้เราเสียงสองเล็กๆเหมือนผู้หญิงทั่วไปคงไม่ได้ แต่เขาเห็นความตั้งใจของเราว่าฉันพยายามที่จะไม่แมนแล้วนะ



เห็นบอกว่าอยากมีลูกหลังจากแต่งงาน 2 ปี นี้ลากมา 4 ปีแล้ว นัท เป็นคนที่อยากมีลูกมาก ?
นัท : ใช่ครับ
กัปตันกิ๊ฟ : สัญญากับเขาว่าหลังจากแต่งงาน 2 ปี จะมีลูกให้เขา แล้วเราจะเลิกจะมีลูกให้เขา ตอนนี้ ก็ 4 ปีแล้วหลังจากแต่งงาน มาสะท้อน ความคิดคำหนึ่งที่เขาพูด เขาบอกว่า คือในชีวิตนี้เขาไม่ได้ขออะไรเราเลยนะ แล้วไม่คิดว่าจะกดดันอะไรเรานะ แต่แค่ตอนนี้เหลือเขากับคุณแม่ เวลาที่เทศกาลอื่นที่ครอบครัวเขามารวมตัวกัน เขารู้สึกเหงา แล้วก็รู้สึกว่าครอบครัว เขามีแค่สองคนเขาอยากจะมีทายาทให้ครอบครัวเขาใหญ่ๆอยากให้คุณแม่ กลับมายิ้มได้อีกครั้ง เราก็รู้สึกจุก แล้วก็รู้สึกว่าเรามองแต่ความสุขของเราเกินไปหรือเปล่า พูดแล้วจะร้อง ... การเล่นบอลเลย์ (ร้องไห้) มันคือความสุขของเรา แล้วก็กิ๊ฟ เลือก ยาก อยากเล่นบอลเลย์ต่อ

นัท : แต่มันต้องถึงเวลาที่ต้องเลิก ด้วยร่างกายด้วย
กัปตันกิ๊ฟ : ใช่ !! เข้าใจ จะไม่ยอมเลิกถ้าเกิดยังเล่นได้ แต่พอมาเจอคำพูดนั่น เรารู้สึกว่าอยากทำให้เขา (เสียงสะอื้น) เราก็เลยกลับมามองว่าจริงๆแม่ของเรา ก็อยากมีหลาน แต่แม่ไม่เคยกดดัน เราก็เลยมองว่าเราต้องทำเพื่อคนที่เรารัก ทำเพื่อครอบครัวเราบ้าง เราก็มาคุยกันนะ ว่าจริงๆมันก็ถึงจุดที่ควรอิ่มตัวแล้วด้วย เราก็มองว่าเราควรที่จะไปมีชีวิตที่มีครอบครัวแล้วจริงๆ จริงๆเราเลิกเล่นบอลเลย์แล้ว เราก็ยังเป็นสตาฟ  หรือ มีลูกแล้วเราสามารถกลับมาเล่นใหม่ได้ ก็เลยทำให้เราปลดระวางความรักจากบอลเลย์บอลได้

เห็นว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพด้วย ?
กัปตันกิ๊ฟ : ใช่ค่ะ จริงๆ เป็นลิ้นหัวใจรั่ว รู้มาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว คุณหมอก็แนะนำนะคะว่าจริงๆไม่อยากให้เล่นกีฬา เพราะว่า มันก็อันตราย แต่ก็ไม่มีอะไรมาหยุดความรักระหว่างเรากับบอลเลย์ได้ เราก็ไม่เลิก ถ้าจะตายก็ให้ตายไปกับบอลเลย์บอลเลย ถ้าจะมาบอกเล่นเพราะฉันป่วย คือ ไม่ เราคิดแต่ว่าฉันจะไม่เล่นก็ต่อเมื่อคือฉันไม่ไหว แต่พอวันหนึ่งเรามาได้ยินคำพูดของนัท เราก็มาคิดได้ว่าชีวิตของเรา ฉันต้องไม่ใช่รักแต่บอลเลย์นะ ฉันต้องรักคนที่เขารักเราด้วย ทำใจที่จะหยุดเล่นได้ เลยแพลนกันว่าปีหน้าถอยจากบอลเลย์แล้วมีลูกให้เขา  ด้วยสัญญาสโมสรเราจะหมดปีหน้าด้วย ด้วยอายุ ด้วยเวลาที่เหมาะสมด้วย ปรึกษา เราก็ยอมที่จะมองที่จะรักตัวเองน้อยลงแล้วก็มามองเห็นความรักของคนรอบข้างมากขึ้นด้วย