เช็กทุกความพร้อม ก่อนเกมเดือด ลิเวอร์พูล พบ เชลซี

 

 

"หงส์แดง" ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กำลังอยู่ในช่วงผลงานที่ย่ำแย่มากๆ หลัง 5 เกมหลังสุดเก็บชัยชนะได้เพียงนัดเดียวเท่านั้น แถมแพ้ไปถึง 3 นัด โดยล่าสุดคือการบุกไปแพ้ เรอัล มาดริด 0-1 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนเกมลีกนัดล่าสุดนั้นเพิ่งบุกไปแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1 ส่งผลให้ตอนนี้รั้งอยู่ที่ 7 ของตาราง แข่ง 10 นัดมี 14 แต้ม

 

ด้านความพร้อมของทีม ลิเวอร์พูล จะยังหมดสิทธิ์ใช้งาน แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าตัวเก่ง เนื่องจากยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ส่วนผู้เล่นตัวหลักนั้นยังอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, เดยัน ลอฟเรน และ มาริโอ บาโลเตลลี่ และก็น่าจะได้ลงสนามกันครบเพราะว่าเกมที่บุกไปพ่าย "ราชันชุดขาว" นั้น "บีร็อด" พักผู้เล่นตัวหลักเอาไว้ถึง 7 คน

 

ลิเวอร์พูล ตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงที่สถานการณ์ลำบากสุดๆ ทั้งฟอร์มโดยรวมและความเฉียบคมต่างก็ไม่ดีเอาเสียเลย และถึงแม้จะได้เล่นในรัง แอนฟิลด์ ของตัวเองในเกมนี้ แต่ต้องมาเจอกับ เชลซี ที่ฟอร์มเยี่ยมและกำลังเล่นได้อย่างมั่นใจเลยทีเดียว แถม 4 เกมหลังสุดที่พบกันพวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะทีมจากกรุงลอนดอนได้เลย โดยเสมอ 2 นัดและแพ้ 2 นัด

 

11 ผู้เล่นตัวจริงตามคาด (4-2-3-1) : ซิมง มิโญเล่ต์, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, เดยัน ลอฟเรน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, อดัม ลัลลาน่า, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ มาริโอ บาโลเตลลี่

 

 

 

"สิงโตน้ำเงินคราม" ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ยังคงอยู่ในโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเหมือนเคย หลังยังไม่แพ้ใครเลยในฤดูกาลนี้ แต่ล่าสุดนั้นพลาดท่าเสมอกับ มาริบอร์ 1-1 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนผลงานในเกมลีกล่าสุดนั้นคือการเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ตบ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 2-1 และยังคงรั้งจ่าฝูงต่อไป แข่ง 10 นัด มี 26 แต้ม

 

ด้านความพร้อมของทีม เชลซี จะยังไม่สามารถใช้งาน โลอิก เรมี่ ได้ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ แต่ข่าวดีคือ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า นั้นพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้แล้ว ส่วนผู้เล่นคนสำคัญรายอื่นยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันดี ขณะที่ผู้เล่นที่ได้พักช่วงกลางสัปดาห์อย่าง ดีเอโก้ คอสต้า, ออสการ์, แกรี่ เคฮิลล์ และ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ก็น่าจะได้กลับมาลงสนามในเกมนี้ตามคาด

 

พลพรรค "เดอะ บลูส์" มีสถิติที่ดีมากในการออกไปเล่นเป็นทีมเยือน โดย 8 เกมหลังสุดรวมทุกรายการพวกเขายังไม่แพ้ใครเลย โดยเก็บชัยชนะได้ถึง 5 นัด แถมนับตั้งแต่ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ได้เข้ามากุมบังเหียนพวกเขาก็ไม่เคยแพ้ทีมบิ๊กโฟร์เลยอีกด้วย โดยในซีซั่นนี้พวกเขาเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้ 2-0 และเสมอ 1-1 กับการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

11 ผู้เล่นตัวจริงตามคาด (4-2-3-1) : ติโบต์ กูร์กตัวส์, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, เนมานย่า มาติช, เชส ฟาเบรกาส, วิลเลี่ยน, ออสการ์, เอแด็น อาซาร์ และ ดีเอโก้ คอสต้า

 

- เชลซี แพ้ ลิเวอร์พูล แค่เกมเดียวเท่านั้นจาก 6 เกมล่าสุดที่พบกันในเกมลีกและบอลถ้วย

- หาก เชลซี เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ในเกมลีกวันเสาร์นี้จะทำให้พวกเขาเก็บชัยชนะได้ที่ แอนฟิลด์ 2 เกมติดกัน หลังเคยทำได้มาแล้ว เมื่อปี 2003 และ 2005

- ลิเวอร์พูล เก็บได้แค่ 2 คลีนชีทเท่านั้นจาก 16 เกมลีกล่าสุด

- ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะได้แค่ 2 เกมเท่านั้นจาก 7 เกมลีกหลังสุด

- หลังจากผ่านไป 10 เกม ลิเวอร์พูล มีแค่ 14 คะแนนเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าซีซั่นที่แล้วถึง 6 แต้ม

- เป็นระยะเวลา  689 นาทีแล้วที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ ยิงประตูไม่ได้ใน พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ยิงประตูล่าสุดไป

- 13 เกมลีกหลังสุด เชลซี ไม่แพ้ใครเลย โดยเก็บชัยชนะได้ถึง 10 นัด และเสมอ 3 นัด

- เชลซี เก็บคลีนชีทไม่ได้เลยตลอด 6 เกมเยือนหลังสุดในเวที พรีเมียร์ลีก ซึ่งเกมสุดที่ทำได้นั้นคือเกมที่บุกมาชนะ ลิเวอร์พูล 2-0 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

- เชส ฟาเบรกาส มีส่วนร่วมถึง 10 ประตูที่ เชลซี ยิงได้ โดยยิง 1 ประตูและแอสซิสต์ 9 ครั้ง