“ซิโก้” กับปฏิบัติการทวงคืนเบอร์ 1 อาเซียน!
อีกไม่กี่วัน ศึกลูกหนังชิงแชมป์อาเซียน หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014" ก็จะระเบิดความมันส์ขึ้นอีกครั้ง โดยครั้งนี้จัดเป็นสมัยที่ 10 โดยทิ้งช่วง 2 ปีครั้ง และเจ้าภาพร่วม ก็คือ เวียดนามกับสิงคโปร์ นั่นเอง
แฟนฟุตบอลทีมชาติไทยหลายท่านคงจะพอทราบแล้วว่า ทัวร์นาเม้นต์นี้เราถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ สิงคโปร์ แชมป์เก่าและเจ้าของสถิติแชมป์ 4 สมัย(มากที่สุด), มาเลเซีย และ เมียนม่าร์ ส่วนอีกสายในกลุ่ม เอ ประกอบไปด้วย เวียดนาม แชมป์ปี 2008, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และ ลาว
ซึ่ง "อดีตแชมป์ 3 สมัย" ขุนพลช้างศึกแดนสยาม หมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างยิ่งว่า ต้องทวงบัลลังก์ "เบอร์ 1 ภูมิภาค" กลับมาให้ได้ หลังจากได้แชมป์รายการนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ใช่ครับ 12 ปีที่แล้ว!!
แชมป์ครั้งสุดท้ายตั้งแต่ยังใช้ชื่อ ไทเกอร์ คัพ 2002 ซึ่งซิโก้อยู่ในชุดนั้นด้วย
เป็นระยะเวลาไม่ใช่น้อยที่ฟุตบอลชายของเรา "กินแห้ว" ทุกการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นถ้วยแห่งศักดิ์ศรีใบนี้กว่า 12 ปีอย่างที่เรียนข้างต้น หรือกระทั่งชุดยู 23 ใน "ซีเกมส์" ที่ล่าสุดเพิ่งยุติฝันร้าย 6 ปี ทวงแชมป์กลับมาได้สำเร็จบนแผ่นดินเมียนม่าร์เมื่อปีก่อน ทำให้หัวจิตหัวใจแฟนบอลกลับมาพอกระชุ่มกระชวยได้บ้าง
แต่ที่มาพีคได้เรื่องจริงๆ คงหนีไม่พ้นผลงานล่าสุดเมื่อเดือนกว่าๆที่ผ่านมาในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 หรือ "อินชอนเกมส์ 2014" ที่ทัพนักเตะไทยชุดเดียวกันนี้ สร้างผลงานกระหึ่ม เข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ เรียกได้ว่าทำให้กระแส "ฟุตบอลทีมชาติไทยฟีเวอร์" กลับมาอีกครั้ง หลังจากเงียบเหงาไปนาน
บรรยากาศการมารายงานตัวทีมชาติไทยชุดลุยเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014
และกับการแข่งขัน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014" ครั้งนี้ แน่นอนครับ ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เฮดโค้ชผู้ปลุกปั้นนักเตะชุดนี้มากับมือ อดีตกองหน้าตำนานทีมชาติไทย "ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง" ผู้ที่สมควรได้รับเครดิตความดีความชอบ และเหมาะสมที่จะคุมทีมชาติไทยชุดนี้ล่าแชมป์สมัยที่ 4 อย่างที่สุด หลังจากได้แชมป์รายการนี้มาแล้วถึง 3 สมัยในฐานะนักเตะ!
นัดอุ่นเครื่องเมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมาที่ จ.นครราชสีมา กับการเอาชนะฟิลิปปินส์ ชุดลุยศึกซูซูกิ คัพครั้งนี้เช่นกันไปแบบสบายๆ 3-0 ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่าชัดเจน สร้างความชื่นใจให้กองเชียร์ได้ไม่น้อย ถึงจะไม่ใช่แมตช์เป็นทางการ แต่ก็อย่างที่เรียนไปข้างต้นนะครับว่า ทัพนักเตะตากาล็อกเขาก็ชุดใหญ่เหมือนกัน เล่นเต็มที่แน่นอน
ส่วนเกมเมื่อวาน(12 พ.ย.) ก็เฉือนเอาชนะน้องใหม่ไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าอย่างสโมสร นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ไป 1-0 เหลือเกมอุ่นเครื่องอีกนัดนึงปิดท้ายกับทีมชาตินิวซีแลนด์ ในวันที่ 18 พ.ย. ก่อนบินตรงไปสิงคโปร์เพื่อฟัดในทัวร์นาเม้นต์จริง
จากรายชื่อ 25 นักเตะที่ "โค้ชพี่โก้" เรียกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นการผสมผสานแข้งหนุ่มที่เจ้าตัวฟูมฟักมากับมือลุยศึกทั้ง 2 ทัวร์นาเม้นต์ด้านบนเป็นแกนหลัก อย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร, ชารีล ชัปปุยส์, นูรุล ศรียานเก็ม, ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ฯลฯ เป็นต้น ผนวกกับแข้งรุ่นพี่อย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ประกิต ดีพร้อม, กีรติ เขียวสมบัติ ฯลฯ โดยมี "บังดุล" อดุล หละโสะ ห้องเครื่องจอมเก๋ารับบทบาทกัปตันทีม ช่วยพยุงน้องๆ
"เมสซี่เจ" ตัวรุกร่างเล็ก อนาคตวงการฟุตบอลไทย
แม้จะมีเครื่องหมายคำถามตามมาประปรายอยู่บ้างว่า ซิโก้ ประมาทเกินไปที่ตัดขาประจำในทีมชาติอย่าง ธีราธร บุญมาทัน แบ็กซ้ายตัวเก่งแชมป์ไทยลีกจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ดัสกร ทองเหลา กองกลางชื่อดังของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด รวมไปถึง "เจ้ามุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าเบอร์ 1 ทีมชาติที่ค้าแข้งอยู่กับ อัลเมเรีย ในลา ลีกา สเปน ที่ตอนแรกมีข่าวว่าจะหิ้วไปสิงคโปร์ด้วย
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าแฟนฟุตบอลชาวไทยส่วนใหญ่(รวมถึงผมด้วย) ต่างก็ยัง "ศรัทธา" ในตัวโค้ชโก้ เชื่อว่านักเตะที่เรียกไปนั้นดีที่สุด และเข้ากับแท็กติกของทีมที่สุดแล้ว ด้วยเชื่อมั่นในผลงานแชมป์ซีเกมส์กับอันดับ 4 เอเชียนเกมส์ ที่บ่งบอกได้ดีว่า
"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง" คนนี้แหละ คือผู้มาจุดประกายความหวังทีมชาติไทย ให้สว่างพอได้เห็นปลายอุโมงค์ทางออกบ้าง หลังจากมืดมิด มองไม่เห็นหนทางมานานเหลือเกิน! ไทยแลนด์สู้ๆ!!
โปรแกรมทีมชาติไทย ในกลุ่ม บี
ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติสิงคโปร์ วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2557 เวลา 19.00 น.
ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติมาเลเซีย วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 เวลา 16.00 น.
ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติเมียนมาร์ วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2557 เวลา 19.00 น.
(ช่อง 7 สี และ Bugaboo.tv ถ่ายทอดสดทุกนัดที่ทีมชาติไทยลงแข่งขัน)
"น้องเพชร"