"ซิโก้" ผู้สานต่อ "ศรัทธาบอลไทย"
ถ้าพูดถึงทีมฟุตบอล(ชาย)ไทย หลายคนคงอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ที่เมื่อก่อนมีผลงานที่ไม่ค่อย "เจริญหู เจริญตา" มากนัก แถมยังเป็นเกมที่น่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ จนทำให้แฟนบอลชาวไทย ไม่อยากจะติดตามผลงานสักเท่าไร
กระแสส่วนใหญ่มองว่า เกิดจากการบริหารงานของสมาคมฯ ที่ไม่ดี ไม่มีระบบ ซึ่งเป็นผลโดยตรงทำให้ฟุตบอลไทยหยุดการพัฒนาเป็นเวลานาน และมีผลกระทบถึงแฟนบอลแดนสยามต้อง "หมดศรัทธา" ลงไปตามๆ กัน
สำหรับศึกลูกหนังรายการนี้ที่จัดขึ้นทุกสองปีโดยสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1996 โดยใช้ชื่อ "ไทเกอร์ คัพ" ทีมไทยสามารถคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรก ต่อมาในปี 2000 ทีมไทยก็คว้าแชมป์เป็นครั้งที่ 2
และล่าสุดครั้งที่ 3 ในปี 2002 และนับตั้งแต่ได้เปลี่ยนชื่อตามผู้สนับสนุน เป็น AFF SUZUKI CUP ทีมชาติไทยก็ไม่เคยสัมผัสคำว่าแชมป์เลย
ทำเนียบแชมป์ฟุตบอล ซูซูกิ คัพ (ชื่อเดิม ไทเกอร์ คัพ)
ไทเกอร์คัพ ครั้งที่ 1 ปี 1996 ประเทศ สิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ
ไทย ได้แชมป์ไปด้วยการเอาชนะ มาเลเซีย 1 - 0
ไทเกอร์คัพ ครั้งที่ 2 ปี 1998 ประเทศเวียดนาม เป็นเจ้าภาพ
สิงคโปร์ ได้แชมป์ไปด้วยการเอาชนะเวียดนาม 1 - 0
ไทเกอร์คัพ ครั้งที่ 3 ปี 2000 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
ไทย ได้แชมป์ไปด้วยการเอาชนะอินโดนีเซีย 4 - 1
ไทเกอร์คัพ ครั้งที่ 4 ปี 2002 ประเทศสิงคโปร์และอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพร่วม
ไทย ได้แชมป์ไปด้วยการเอาชนะ อินโดนีเซีย จากการดวลลูกจุดโทษ 4-2 (เสมอในเวลา 2-2)
ซูซูกิคัพ ครั้งที่ 5 ปี 2004 ประเทศมาเลเซียและเวียดนามเป็นเจ้าภาพร่วม
สิงคโปร์ได้แชมป์ไปด้วยการเอาชนะอินโดนีเซียด้วยประตูรวม 5 - 2
ซูซูกิคัพ ครั้งที่ 6 ปี 2006/2007 ประเทศไทยและสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพร่วม
สิงคโปร์ได้แชมป์ไปด้วยการเอาชนะไทยด้วยประตูรวม 3 - 2
ซูซูกิคัพ ครั้งที่ 7 ปี 2008 ประเทศ ไทยและอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพร่วม
เวียดนามได้แชมป์ไปด้วยการเอาชนะไทยด้วยประตูรวม 3 - 2
ซูซูกิคัพ ครั้งที่ 8 ปี 2010 ประเทศ เวียดนามและอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพร่วม
มาเลเซียได้แชมป์ไปด้วยการเอาชนะอินโดนีเซียด้วยประตูรวม 4 - 2
ซูซูกิคัพ ครั้งที่ 9 ปี 2012 ประเทศ มาเลเซียและไทยเป็นเจ้าภาพร่วม
สิงคโปร์ได้แชมป์ไปด้วยการเอาชนะไทยด้วยประตูรวม 3 - 2
แต่ ณ. ตอนนี้ ฟุตบอลไทยกลับมาฟีเวอร์อีกครั้ง ด้วยน้ำมือของอดีตศูนย์หน้าจอมตีลังกา "ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง" ที่ผันตัวจากสุดยอดหัวหอกเบอร์หนึ่งประเทศไทย มาเป็นเฮดโค้ชอย่างเต็มตัว
ที่มาพร้อมกับ "พรสวรรค์" และ "ระเบียบวินัย" อันดีเยี่ยม จนสามารถพาทีมฟุตบอลไทยคว้าแชมป์ซีเกมส์ครั้งล่าสุดที่ เมียร์มาร์ ได้สำเร็จ
และยังต่อยอดด้วยการเป็นหนึ่งเดียวในอาเชียนที่ก้าวไปถึงรอบรองชนะเลิศในศึกเอเชียนเกมส์ ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ได้อย่างประทับใจแฟนบอลชาวไทยสุดๆ
ถึงแม้จะได้ลำดับ 4 และไม่ได้เหรียญรางวัลก็ตาม แต่สิ่งที่ได้คือ "การได้ใจคนไทยทั้งประเทศ" ซึ่งมันมีค่ามากกว่าเหรียญรางวัลเสียอีก
และนั้นคือจุดสำคัญ ที่ทำให้แฟนบอลเมืองสยามกลับมาครึกครื้น เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาและมีความหวังในคว้าแชมป์กับทัวร์นาเมนต์ต่อๆไป
ส่วนตัวผมแล้วถ้าจะให้บอกว่า "ซิโก้" ประสบความสำเร็จได้ยังไง มันคงต้องพูดกันยาว แต่ก็ขอสรุปตามมุมมองของตัวเองให้ฟังละกัน..
สิ่งแรกที่สำคัญ "โค้ชโก้" เลือกนักเตะแบบมืออาชีพจริงๆ โดยเลือกแบบ "เกาเหลาล้วนๆ" ไม่มีเส้น ไม่มีการรับฝาก และเป็นนักเตะที่ดี มีวินัย ทั้งในสนามและนอกสนาม โดยยึดกฏเหล็ก 4 ข้อคือ 1.ห้ามดื่มสุรา 2.ห้ามสูบบุหรี่ 3.ห้ามหนีเที่ยว และ4.ห้ามเล่นการพนัน
รวมถึงสไตล์การเล่นที่เหมาะกับนักเตะไทย ด้วยการออกบอลให้เร็ว, เล่นบอลให้น้อยจังหวะ, หลีกเลี่ยงการปะทะ, และต้องเพรสซิ่ง (Pressing)ให้ไว เพื่อแย่งบอลกลับมาครอบครองให้เร็วที่สุด
และอีกหนึ่งประโยคที่กินใจนักเตะสุดๆ จนไม่มีใครจิตหลุดจากการแข่งขัน สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม กับประโยคที่ว่า "ใครถูกใบแดง ถือว่ากินแรงเพื่อน"
และเนี่ยแหละ ที่อดีตศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งเมืองไทย คงจะหยุดไม่ได้แล้วกับกระแสแฟนบอลไทยที่อยากเห็นความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ไว้ใจเลือก "ซิโก้" ให้รับคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ ไปสู้ศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 โดยปริยาย เพราะคงไม่มีใครที่ดีไปกว่า "โค้ชโก้" ณ ตอนนี้
แต่ศึกครั้งนี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกับทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา เนื่องจาก "โค้ชโก้" มีเวลาเตรียมทีมแค่ 2-3 อาทิตย์เท่านั้น และเป็นที่รู้กันอยู่แล้วสำหรับถ้วยใบนี้ถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีจริงๆ
เพราะเป็นทีมชุดใหญ่ของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และมาเลเซีย ที่แข็งแกร่งไม่แพ้กันและไม่มีใครยอมใคร
ถึงแม้เราจะโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ในเกมอุ่นเครื่องทั้ง 3 นัดที่ผ่านมา สามารถเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด โดยไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว ทำให้ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งในการคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 ครั้งนี้ ก็ตาม
แต่เราก็ไม่ควรประมาท โดยเฉพาะเจ้าภาพอย่างสิงคโปร์ที่มีโอกาสมากกว่าเรา เพราะได้เปรียบทุกอย่างทั้งการเล่นในบ้าน และประสบการณ์ผู้เล่นที่เป็นทุนเดิม
สุดท้ายนี้ผมเชื่อว่า แม้ทีมชาติไทยจะไม่การันตีการเป็นแชมป์ซูซุกิคัพหนนี้ แต่รับรองได้เลยว่าเด็กชุดนี้จะไม่กลัวทีมไหนทั้งนั้นและจะเล่นแบบถวายหัว เกินร้อยทุกนัด
และมั่นใจลึกๆว่า "ซิโก้" จะสามารถทำให้แฟนบอลชาวไทยประทับใจได้อีกครั้งอย่างแน่นอน
สำหรับโปรแกรม AFF SUZUKI CUP ของทีมชาติไทย ในกลุ่ม บี
ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติสิงคโปร์ วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2557 เวลา 19.00 น.
ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติมาเลเซีย วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 เวลา 16.00 น.
ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติเมียนมาร์ วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2557 เวลา 19.00 น.
(ช่อง 7 สี และ Bugaboo.tv ถ่ายทอดสดทุกนัดที่ทีมชาติไทยลงแข่งขัน)
เรื่องโดย : มิดไนท์