ก้านยาวยอดกังฟู : วิชาลับจาก บรูซ ลี ที่ทำให้ คารีม อับดุล-จาบาร์ กลายเป็นตำนาน NBA

ก้านยาวยอดกังฟู : วิชาลับจาก บรูซ ลี ที่ทำให้ คารีม อับดุล-จาบาร์ กลายเป็นตำนาน NBA

ก้านยาวยอดกังฟู : วิชาลับจาก บรูซ ลี ที่ทำให้ คารีม อับดุล-จาบาร์ กลายเป็นตำนาน NBA
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไมเคิล จอร์แดน, เลบรอน เจมส์ หรือแม้กระทั่ง โคบี้ ไบรอันท์ ชื่อเหล่านี้คือตำนานของ NBA อย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าทั้ง 3 ชื่อนี้ยังไม่สามารถทำในสิ่งที่ คารีม อับดุล-จาบาร์ อดีตผู้เล่นของ แอลเอ เลเกอร์ส และ มิลวอกี บัคส์ ทำได้ นั่นคือการทำแต้มได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NBA แบบที่ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างขาดลอย

38,387 คะแนน คือแต้มที่ คารีม ทำได้ และเขาเล่าที่มาว่า บรูซ ลี พระเอกนักบู๊นั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง

2 บุรุษต่างวงการและต่างเชื้อชาติ มาเกี่ยวกันได้อย่างไร? ติดตามได้ที่นี่ 

ตำนานบาส ตำนานบู๊

เส้นทางของตำนานนักบาสอย่าง คารีม อับดุล-จาบาร์ และตำนานนักบู๊อย่าง บรูซ ลี นั้นไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองคนจะมาบรรจบกันได้

เริ่มกันที่ คารีม (หรือชื่อในสูติบัตร ลู อัลซินดอร์) นั้น เขาคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นนักกีฬาอย่างแท้จริง ร่างกายของเขาแข็งแรงและใหญ่โตกว่าปกติตั้งแต่เกิด น้ำหนักตัวก่อนคลอดของเขาอยู่ที่ 5.7 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักเฉลี่ยของเด็กแรกเกิดนั้นปกติแล้วอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 กิโลกรัมเท่านั้น และร่างกายของเขายังไม่หยุดเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อเขาอายุได้ 9 ขวบ คารีม สูงถึง 173 เซนติเมตร ก่อนจะพุ่งทะยานไปที่ 203 เซนติเมตร ตั้งแต่อายุ 13 ปี และดังก์ได้ตั้งแต่เวลานั้น 


Photo : www.thedelite.com

ความสูงที่มาพร้อมกับความตั้งใจและเอาจริงในการเล่นบาสเกตบอล ทำให้ คารีม กลายเป็นนักบาสรุ่นมัธยมที่ทำลายสถิติทุกอย่างจนได้ฉายาว่า "หอคอยแห่งพลัง" ก่อนจะได้เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ UCLA และทุกอย่างก็ไปตามทิศทางที่เราทุกคนรู้กัน เขาคือว่าที่ซูเปอร์สตาร์ NBA คนต่อไปด้วยความสามารถและร่างกายที่ไม่มีใครหยุดได้ ... อย่างไรก็ตามย้อนกลับไปในยุค 60-70s เรื่องการเหยียดผิวยังรุนแรงกว่าทุกวันนี้ ดังนั้นแม้ คารีม อับดุล-จาบาร์ จะเก่งแค่ไหน เขาก็ยังมีจุดอ่อนภายในหัวใจอยู่ลึกๆ เพราะเวลาไปแข่งที่ไหน เขามักจะถูกเรียกว่า "นิกเกอร์" ซึ่งเป็นคำเหยียดผิวโดยตรง จุดนี้เองทำให้เขาได้พบเจอกับอาจารย์ชาวเอเชีย ที่เขาใจถึงการไต่จากชนชั้นที่ไม่ถูกยอมรับ สู่การเป็นผู้มีอิทธิพลในสังคมอย่าง บรูซ ลี 

บรูซ ลี หรือ หลี เสี่ยว หลง เป็นลูกครึ่ง ... พ่อของเขาเป็นนักแสดงงิ้วชาวฮ่องกง ขณะที่แม่ของเขาเป็นลูกครึ่งเยอรมัน-จีน ทว่าตัวของเขาได้สัญชาติอเมริกันแต่กำเนิด เพราะในช่วงที่เขาใกล้คลอดนั้น พ่อของเขาพาครอบครัวมาใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกาเพราะมีงานแสดงงิ้วแน่นเต็มตาราง ระหว่างนั้นแม่ของเขาก็คลอด หลี เสี่ยว หลง ออกมาในปี 1940 

เขาเป็นเด็กที่มีความสามารถด้านกิจกรรมหลายๆ อย่าง ทั้งเต้น, การต่อสู้ และการแสดง ทว่าปัญหาคือ เขาเป็นคนใจร้อน ชอบมีเรื่องชกต่อยอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งสุดท้ายเขาก็เรียนไม่จบเพราะมีเรื่องทะเลาะวิวาทและโดนไล่ออกจากโรงเรียนที่ฮ่องกง 


Photo : art.com

เมื่อเห็นท่าไม่ดี เพราะพฤติกรรมของลูกชายเริ่มอยู่ในสายตาของตำรวจบ่อยขึ้นเรื่อยๆ พ่อของเขาจึงส่งเขาไปที่สหรัฐอเมริกาด้วยการไปอยู่ที่ ซีแอตเทิล โดยอาศัยอยู่กับครอบครัวของเพื่อนพ่อและ แอกเนส พี่สาว การไปอเมริกาทำให้เขาเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า บรูซ ลี และกลายเป็นคนที่รู้จักชีวิตและรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น รวมถึงเรียนจบชั้นประกาศนียบัตรด้วย (อันที่จริง เจ้าตัวได้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ตัดสินใจไม่เรียนต่อให้จบ)

เขาทำงานหลายอย่างที่อเมริกา ทั้งการเป็นเด็กเสิร์ฟ, เป็นครูสอนเต้น และเป็นครูสอนกังฟู ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เขาเรียนมาตั้งแต่อายุ 13 ปี กับปรมาจารย์อย่าง "ยิปมัน" ซึ่งศาสตร์ด้านการต่อสู้นี้นี่เองที่ทำให้ บรูซ ลี เกิดไปเข้าตาผู้สร้างภาพยนตร์และซีรี่ส์ในฮอลลีวูด ก่อนที่เขาจะได้แสดงและแจ้งเกิดในซีรี่ส์เรื่อง Green Hornet กับบท เคโต้ ผู้ช่วยพระเอก จากนั้นการต่อสู้ฉบับ บรูซ ลี ก็กลายเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของผู้ชมและทำให้เขามีชื่อเสียงภายในเวลาอันรวดเร็ว

มาถึงจุดที่โด่งดัง เขากลับต้องรับมือกับคนที่ไม่เห็นด้วยและเหยียดเชื้อชาติของเขา ในวงการบันเทิงนั้น บรูซ ลี มีศึกภายในวงการเหมือนกับหนังดราม่า ทั้งโดนกีดกันทางเชื้อชาติ โดนกลั่นแกล้งและปิดโอกาส แต่ความเด็ดเดี่ยวของเขาเองที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง บรูซ ลี ไม่เคยยอมแพ้ เขาเอาชนะนักแสดงคนอื่นๆ ได้ด้วยฝีมือการแสดงและไม่เคยยอมแพ้กับการโดนกลั่นแกล้ง สุดท้าย "ตำนานกังฟู" ก็กลายเป็นฉายาของเขา 


Photo : artsandculture.google.com

"พ่อของฉันได้ก้าวข้ามผู้คนที่หยิ่งผยอง และเต็มไปด้วยความโหดร้าย เขาต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับคนที่ธรรมชาติแทบจะมอบความสำเร็จมาให้อยู่แล้ว" แชนนอน ลี ลูกสาวของเขาเล่าเรื่องอดีตเกี่ยวกับ บรูซ ลี ในวันที่สร้างชื่อเสียง 

มาถึงช่วงปลายยุค 60s คารีม อับดุล-จาบาร์ กลายเป็นสตาร์นักบาส ขณะที่ บรูซ ลี ก็กลายเป็นราชานักบู๊ ... ทว่าทั้งคู่มีความต่างกันอยู่อย่างหนึ่ง คารีม มีสภาพจิตใจที่ยังไม่เข้มแข็งมากพอต่อการเพิกเฉยเมื่อโดนเหยียดผิว ต่างกับ บรูซ ลี ที่ตอบกลับถ้อยคำเหล่านั้นแบบ “เหนือชั้น” .. เขาเป็นคนที่ถูกมองว่าเย่อหยิ่งและจองหองเมื่อมีชื่อเสียง ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่าเขาเอาชนะ มูฮัมหมัด อาลี ได้ และนั่นทำให้ใครหลายคนไม่ชอบเขา อย่างน้อยๆ ก็ เควนติน ทารันติโน่ ที่นำ บรูซ ลี มายำซะเละในภาพยนตร์ Once Upon a Time in Hollywood ล่ะคนหนึ่ง (ถึงแม้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า บรูซ ลี พูดแบบนั้นจริงๆ รึเปล่า) ... แต่ บรูซ ลี ไม่สนใจ เขาผ่านเส้นทางที่ยากลำบากและสู้ตายกับสิ่งเหล่านั้นแบบไม่มีใครเห็น ดังนั้นเมื่อเขากลายเป็นที่ยอมรับ เขาก็จะตอบกลับด้วยการกระทำที่เหมือนกันกับที่เขาเคยเจอ ... และ คารีม อับดุล-จาบาร์ ต้องการสิ่งนั้น 

 

ปริญญาจาก บรูซ ลี 

ย้อนกลับไปในสมัยที่ คารีม อับดุล-จาบาร์ ยังคงเป็นนักบาสในระดับมหาวิทยาลัยนั้น เขาเก่งเกินคนอื่นๆ ตั้งแต่เข้าเรียนปีที่ 1 แล้ว เก่งจนถึงขั้นที่ว่าสำนักข่าวสายเจาะลึกอย่าง Sports Illustrated ยังกล้าฟันธงอนาคตของเขาตั้งแต่ยังไม่ลงสนามว่า จะกลายเป็นอนาคตผู้เล่นระดับตำนาน NBA แน่นอน 


Photo : @Ballislife

ถึงแม้ คารีม จะพร้อมแล้วสำหรับการเป็นนักบาสอาชีพและเข้าดราฟต์ในทันที ทว่าปัญหาในตอนนั้นคือ NBA มีกฎว่า ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเข้าระบบการดราฟต์ได้ ทุกคนต้องมีปริญญาเป็นต้นทุนก่อน ซึ่งจุดนั้นเอง คารีม ก็ได้เจอกับวิชาที่เขาอยากจะเรียนมากที่สุด ได้แก่วิชาศิลปะการต่อสู้นั่นเอง

ในช่วงยุค 60s บรูซ ลี ติดลมบนไปแล้ว นอกจากจะเป็นนักแสดงแล้ว เขายังเป็นอาจารย์กังฟูชื่อดังระดับโลก เปิดหลักสูตรสอนอย่างเป็นทางการและเป็นวิทยาลัยกังฟูแห่งแรกที่เปิดสอนทุกคน ไม่จำกัดสีผิวไม่จำกัดเชื้อชาติ เพราะเดิมทีนั้นศิลปะการต่อสู้แบบกังฟูนั้นมีแต่ชาวเอเชียที่เข้ามาศึกษาเท่านั้น 

ประจวบเหมาะสุดๆ เพราะ คารีม อับดุล-จาบาร์ เป็นนักศึกษาคณะศิลปะศาสตร์ สาขาวิชาประวัติศาสตร์และเขาเกิดสนใจเรื่องของศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างยิ่ง เขาจึงเลือกเรียนวิชาที่ชื่อ Jeet Kune Do ศาสตร์การต่อสู้ซึ่ง บรูซ ลี เป็นผู้คิดค้น และที่นั่นเองเขาได้ยิ่งกว่าความกล้าหาญ แต่มันคือวิชาที่ทำให้เขาสามารถใช้ "สกายฮุก" ท่าไม้ตายของเจ้าตัว ที่ทำให้เขายังคงเป็นนักบาสที่ทำแต้มมากที่สุดในประวัติศาสตร์ NBA จนถึงทุกวันนี้ 


Photo : www.reddit.com

"บรูซ ลี สอนผมยิ่งกว่าเรื่องราวของ วิชา แต่มันคือชีวิต เขาสอนให้ผมมีวินัยต่อตัวเองและเข้าให้ถึงจิตวิญญาณของการเป็นนักสู้" คารีม อับดุล-จาบาร์ เล่าย้อนกลับไปเหตุการณ์สำคัญของเขา

"ผมเจอเขาตอนผมยังเป็นนักศึกษาที่ UCLA ผมมองหาที่เรียนศิลปะการต่อสู้ และเราก็ได้พบกัน ความสัมพันธ์ของผมและเขาพัฒนาไปเร็วมากในฐานะครูและลูกศิษย์ และเขาได้สอนเคล็ดลับบางอย่างที่ทำให้ผมสามารถเป็นนักบาส NBA และรักษามาตฐานได้ยาวนานเกินกว่า 20 โดยที่ผมแทบไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเลย" 

สิ่งที่ บรูซ ลี สอน คารีม นั้นถือเป็นพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้อย่างแท้จริง และมันอาจจะเป็นหลายสิ่งที่นักกีฬาสมัยก่อนมองข้ามไป พวกเขาซ้อมหนัก แข่งเยอะ แต่พวกเขาไม่ได้เตรียมกล้ามเนื้อให้พร้อมกับการออกกำลังกายหนักๆ แบบนั้น

กังฟู คือศาสตร์ที่ให้ความสำคัญกับสมาธิและการยืดเส้นอย่างที่สุด การขยับท่วงท่าต่างๆ ถือเป็นการฝึกสมาธิ ควบคู่ไปกับการบริหารร่างกายรวมถึงฝึกลมหายใจเข้า-ออก ให้ร่างกายสมดุลในเวลาเดียวกัน ศาสตร์ของ บรูซ ลี คือกังฟูไม่ได้ทำให้คุณแข็งแกร่งแค่ที่แขนหรือที่ขา ไม่ใช่แค่เตะหรือต่อย แต่มันคือการสร้างสมดุลให้กับทุกส่วนของร่างกาย 

สิ่งที่ บรูซ ลี มอบให้ คารีม คือ "วิชายืดหยุ่น" ที่เหมาะกับคนที่สูงผิดมนุษย์มนาอย่างเขา บรูซ ลี รู้ว่าหาก คารีม ไม่มีสมดุลในร่างกายและไม่ยืดเส้นสายกล้ามเนื้อให้ดี พรสวรรค์ที่เขาได้มาจะหมดไปอย่างรวดเร็วเพราะอาการบาดเจ็บเข้ามารบกวน 


Photo : www.reddit.com

"บรูซ เข้ามาเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพในการใช้งานกล้ามเนื้อของผม เขาสั่งให้ผมยืดกล้ามเนื้อเสมอ มันทำให้ผมเตือนตัวเองตลอดว่าก่อนที่จะออกกำลังกายควรยืดเส้นยืดสายให้เข้าที่" คารีม เล่าต่อ

"เรื่องเล็กๆ แบบนี้นี่แหละทำให้ผมยกระดับตัวเองไปอีกขั้นเลย ผมเห็นประโยชน์ของมัน ผมตั้งใจศึกษาจริงจังและไปถึงขั้นเรียนโยคะ ซึ่งเป็นศาสตร์การซ่อมบำรุงและป้องกันการศึกษาของร่างกายได้ดีที่สุด ผมทำมันสม่ำเสมอและต้องแน่ใจว่าจะไม่ลืมฝึกยืดหยุ่นร่างกายในทุกๆ 3 หรือ 4 วันต่อ 1 สัปดาห์" คารีม กล่าว

 

ไม่มีใครหยุดได้

วิชายืดเส้นจาก บรูซ ลี และการสอนให้รู้จักวินัยในการดูแลร่างกายตัวเอง ทำให้ คารีม อับดุล-จาบาร์  กลายเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดเมื่อลงสนาม และเขาสามารถหยิบจับท่าไม้ตายที่เรียกว่า "สกายฮุค" เอามาใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด 


Photo : www.espn.com

เขาสูง 7 ฟุต 2 นิ้ว (218 เซนติเมตร) และท่าสกายฮุคนั้นคือท่าที่เขาได้เปรียบคนอื่นๆ จากความสูงนั้น เพราะเมื่อเขากระโดดและเหยียดตัวให้มากที่สุด ยกแขนขึ้นและจากนั้นก็โยนลูกข้ามบล็อกเข้าห่วงไป เมื่อนั้นก็ไม่มีใครหยุดได้เพราะนอกจากจะสูงด้วยขนาดตัวแล้ว เขายังสามารถยืดเหยียดตัวได้ยาวกว่าคนปกติอีกต่างหาก 

"มันไม่มีใครสามารถที่จะหยุดลูกนั้นได้ มันหยุดได้ยากมาก คารีมใช้ลูกนี้จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาเลย" บิล รัสเซลล์ ตํานานของเซลติกส์นั้นได้บอกเอาไว้

ไม่มีใครกล้าโกหกสำหรับเรื่องนี้ เพราะจาก 38,387 คะแนนที่ คารีม อับดุล-จาบาร์ ทำได้นั้น เกิดจากการใช้ท่าไม้ตายกระโดดยืดสุดฤทธิ์อย่าง สกายฮุค เกือบครึ่งหนึ่งของแต้มทั้งหมดที่เขาทำได้เลยทีเดียว 

อย่างไรก็ตามสิ่งสุดท้ายที่ บรูซ ลี ทิ้งไว้ให้กับ คารีม อับดุล จาบาร์ ไม่ใช่แค่วิชายืดเส้นเท่านั้น แต่มันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในบทเรียนของเขา นั่นคือการเสริมสภาพจิตใจให้แข็งแกร่งที่สุด แกร่งจนชนิดที่ว่าสามารถเอาชนะความเกลียดชังด้วยความเก่งกาจ สิ่งนี้จะทำให้เหล่า "เฮทเตอร์" (Hater) หรือ "กองแช่ง" หมดข้ออ้าง และสุดท้ายจะต้องยอมแพ้ จนต้องเปลี่ยนจากความเกลียดชังกลายเป็นการคารวะแต่โดยดี  

บรูซ ลี และ คารีม อับดุล-จาบาร์ ต่างก็โดนเหยียดเชื้อชาติมาไม่ต่างกันสำหรับการพยายามไต่สู่จุดสูงสุดในสายอาชีพของตัวเอง ในครั้งแรกๆ คารีม อาจจะหวั่นไหวกับเรื่องนั้นบ้าง แต่ บรูซ ลี สอนให้เขารู้ว่าอย่าสนใจคำพูดที่ไร้สาระ แต่ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นให้ดีที่สุด สุดท้ายแล้วมันจะเปลี่ยนทุกสิ่งไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว


Photo : thisisnotporn.net

"ผมเดินไปตามที่สาธารณะกับ บรูซ ลี อยู่หลายครั้ง และบ่อยครั้งที่เขาโดนตะโกนท้าตีท้าต่อยจากพวกเกรียนให้ได้เข้าหู สิ่งที่เขาทำคือปฎิเสธมันอย่างสุภาพและเดินหน้าต่อไป ... กฎข้อแรกในการต่อสู้ของ บรูซ ลี ไม่ใช่การต่อสู้ แต่มันคือการหลีกเลี่ยงการปะทะที่ไม่จำเป็น ยกเว้นเสียแต่ว่ามันไม่มีตัวเลือกอื่นๆ ... เขาบอกเสมอว่าไม่ควรพิสูจน์ตัวเองให้กับคนพวกนี้เห็น" คารีม กล่าว 

แนวคิดจากคนเอเชียตัวเล็กๆ ที่ผ่านเรื่องราวแสนยากลำบาก ได้เปลี่ยน คารีม อับดุล-จาบาร์ ไปโดยปริยายถึง 2 แง่ ... หนึ่ง คือเขาได้ทบทวนถึงสิ่งสำคัญที่สุดในอาชีพของเขา นั่นคือการดูแลร่างกายให้สามารถใช้งานได้มีประสิทธิภาพที่สุด และอย่างที่สองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือโดนดูถูกจากใคร สิ่งสำคัญคือรู้จักจิตใจตัวเองและทบทวนความคิดตัวเองเสมอว่า "เราต้องการอะไร?" ... หากอยากจะยิ่งใหญ่ต้องตั้งมั่นในเสียงของหัวใจตัวเองให้ดี บรูซ ลี ไม่ได้กล่าวเอาไว้ แต่แสดงให้ คารีม อับดุล-จาบาร์ เห็น 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook