จากอินเดียถึงสวีเดน : การปั่นจักรยานข้ามโลกตามหารักแท้ของ "พีเค" ศิลปินไส้แห้งสุดระห่ำ

จากอินเดียถึงสวีเดน : การปั่นจักรยานข้ามโลกตามหารักแท้ของ "พีเค" ศิลปินไส้แห้งสุดระห่ำ

จากอินเดียถึงสวีเดน : การปั่นจักรยานข้ามโลกตามหารักแท้ของ "พีเค" ศิลปินไส้แห้งสุดระห่ำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

10 นาที มากพอจะทำให้คุณตกหลุมรักใครสักคนจนยอมข้ามโลกไปตามหาคน ๆ นั้นหรือเปล่า ?

มันคงเป็นเรื่องน้ำเน่าที่ใครสักคนจะบอกว่า เคย แต่นี่คือราวที่เกิดขึ้นจริง ๆ กับชายชาวอินเดียคนหนึ่งที่ชื่อว่า พีเค มหานันเทีย (PK Mahanandia) ที่เมื่อเขาได้สบตากับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทุกอย่างบนโลกนี้ก็หยุดหมุน และมันทำให้เขายอมโดยไม่มีข้อแม้ ... แม้กระทั่งการปั่นจักรยานแม่บ้านจาก อินเดีย ข้ามทวีปไปยัง สวีเดน

ติดตามเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ผ่านจักรยานเก่า ๆ และหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังได้ที่นี่
 

จัณฑาลหัวขบถ

ปฎิเสธไม่ได้เลย เสรีภาพคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่ว่าประเทศไหนล้วนก็ต้องการทั้งนั้น ... โดยเฉพาะที่ อินเดีย ประเทศที่มีความเชื่อตามหลักศาสนาและการเมืองแบบเก่านั้นชัดเจนยิ่งกว่าที่ไหน ๆ หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือการแบ่งชั้นวรรณะของคน ที่ทำให้ประชาชนแต่ละคนเกิดมาไม่เท่ากัน แค่ลืมตาดูโลกพวกเขาก็โดนตัดสินแล้ว ไม่ว่าจะอยากรับสถานะนั้นหรือไม่ก็ตาม 

พราหมณ์, กษัตริย์, ไวศยะ (แพศย์), ศูทร และ จัณฑาล เรียจากสูงมาหาต่ำ คือ 5 วรรณะในอินเดีย ที่ถึงแม้ว่า เรื่องดังกล่าวจะถูกแก้ไขในรัฐธรรมนูญปี 1949 ให้ยกเลิกชั้นวรรณะไปแล้ว แต่ในความจริงคือโอกาสนั้นเหมือนแสงที่แสนริบหรี่สำหรับชนชั้นล่าง ๆ โดยเฉพาะ จัณฑาล นั่นเอง ...


Photo : Bless Wish

พีเค นั้นเกิดมาพร้อมกับวรรณะจัณฑาล เขาเติบโตมาในตระกูลช่างทอผ้า ที่ทำงานหนักแต่ได้ค่าแรงน้อย อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับคำถาม คำถามที่ว่า "ทำไมคนเราถึงไม่เท่ากัน ?" และนั่นทำให้เขาต้องการพิสูจน์ด้วยตนเองว่า คนจากชั้นวรรณะล่างสุดอย่างเขา สามารถไปได้ไกลเท่ากับคนอื่น ๆ ได้หรือไม่?   

พีเค พยายามช่วยที่บ้านทำงานและพยายามแสวงหาความรู้เป็นวิชาหาเลี้ยงชีพเสมอมา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ชื่นชอบศิลปะ หลังจากที่เข้าเรียนในช่วงมัธยม เขารู้ตัวแน่ว่าศิลปะและการวาดรูปจะพาเขาออกไปเจอโลกที่กว้างขึ้น เขาจึงสอบเข้าเรียนใน มหาวิทยาลัยด้านศิละปะอย่าง Visva-Bharati อย่างไรก็ตามปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ความสามารถ มันอยู่ที่เงินต่างหาก ...

สถานศึกษาดังก็มาพร้อมกับค่าเล่าเรียนที่แพง พีเค ไม่สามารถรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้ จึงจำเป็นต้องลาออกมาเข้าเรียนในสถานศึกษาของรัฐบาลที่มีราคาค่าเรียนถูกกว่า และนั่นทำให้เขาได้เข้าเรียนที่วิทยาลัยศิลปะในกรุงนิวเดลี


Photo : speakingofchina

แม้ค่าเทอมจะถูกลงแต่ก็ถือว่ายังมากเกินกำลังของเขาอยู่ดี พีเค จึงต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เขามีฝีมือในการวาดภาพเหมือน เขาจึงเริ่มรับงานวาดภาพเหมือนตามข้างถนนแถว ๆ ลานน้ำพุใจกลางกรุงเดลี ด้วยความที่ฝีมือดี จึงมีลูกค้าหลายคนแวะเวียนมาใช้บริการ แต่ไม่มีใครที่เขารู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงสักคน จนกระทั่งวันหนึ่งนักท่องเที่ยวสาวชาวต่างชาติก็ผ่านเข้ามา ณ จุดนั้น 

เรื่องราวที่ พีเค เล่ามันเหมือนกับเรื่องเพ้อเจ้อ แต่เขาบอกว่าเขายังคงจำทุกวินาทีทีเกิดขึ้นในวันนั้นได้ โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น ทุกรายละเอียดบนใบหน้าของเธอฝังใจเขาเสมอมา

"17 ธันวาคม 1975 ใต้น้ำพุกลางกรุงนิวเดลี ผมกับขาตั้งและกระดาษทำหน้าที่ของแต่ละคนตามปกติ จนกระทั่งเธอคนนั้นเข้ามา" พีเค เกริ่นนำ

"วันนั้นเป็นวันที่อากาศหนาว เธอมาพร้อมกับดวงตาสีฟ้า ผมบลอนด์ยาว ... สวยจริง ๆ สวยจนผมจำความรู้สึกตอนนั้นได้ว่าผมประหม่าขนาดไหน มือผมเริ่มสั่นและรู้สึกว่ามันไร้น้ำหนัก ผมวาดรูปเธอไม่ได้ แปลกแต่จริงนะ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลย"


Photo : BBC 

10 นาทีที่จ้องหน้าสาวน้อยคนนั้นและรวบรวมสติทั้งหมดที่มีเพื่อวาดรูปแบบที่เคยทำมาทุกวัน สรุปว่า พีเค ทำไม่สำเร็จ เขาวาดรูปเธอไม่ได้จนต้องขอโทษเธอและบอกว่าทำไม่ได้ และเขาจะไม่คิดเงินค่าวาดภาพเหมือนที่ปกติแล้วราคาอยู่ที่ 10 รูปี 

"เก็บไว้เถอะ คุณต้องใช้มัน" สาวน้อยคนนั้นไม่ได้ถือสาเอาความและให้เงินเขาเพิ่มเป็น 20 รูปี จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ พีเค ไม่ทันได้คืนเงินที่เธอมอบให้ เธอจากไปพร้อมกับฝูงชน และนาทีนั้นเขารู้ทันทีว่าเขาจะต้องวาดภาพของเธอให้ได้ ไม่มีแบบก็ไม่เป็นไร เพราะใบหน้าของเธอถูกจดจำไว้ในสมองและหัวใจของเขาแล้ว
 

เมื่อรักฉันเกิด

แน่ชัดแล้วว่านี่คือความรัก แต่สำหรับ พีเค เขายังไม่รู้ตัว เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมแขนเขาจึงเปลี้ยขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขากลับมารวบรวมสติและค่อย ๆ วาดภาพของเธอคนนั้น แต่ยิ่งนึกถึงภาพเธอเท่าไหร่หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นแรง เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่ากามเทพได้แผลงศรเข้ามาเต็ม ๆ ชนิดที่ว่าหลบอย่างไรก็ไม่มีทางพ้น ...

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านั้นหลายปี พีเค เคยมีความรักกับหญิงสาวชาวอินเดียคนหนึ่ง เธอคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา ทั้งคู่รักกันและคาดหมายว่าจะได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ก็ด้วยเรื่องของวรรณะที่เป็นปัญหาเมื่อครอบครัวของฝ่ายหญิงรู้ว่าเขาเป็นวรรณะจันฑาล การแต่งงานที่เขาเฝ้ารอก็ถูกปฎิเสธและยกเลิกไป 


Photo : Troab

ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องเก่า ๆ พีเค จะเศร้าเสมอ รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่พยายามมากเท่าไหร่ก็โดนคำว่าจัณฑาลปิดทางไปเสียหมด แม่ของเขาพยายามปลอบเขาด้วยวิธีต่าง ๆ นานา โดยมีการอ้างถึงการทำนายดวงชะตาของ พีเค และบอกเขาว่า "เนื้อคู่ของแกจะมาจากดินแดนที่ไกลโพ้น หญิงสาวจากราศีพฤษภ มีพรสวรรค์ในด้านดนตรี และเป็นเจ้าของผืนป่า" 

จะจริงหรือไม่รู้แต่คำทำนายดังกล่าวสะกิดใจ พีเค ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ตกเช้าอีกวันเข้ารีบตื่นขึ้นมาเพื่อตามหาเธอคนนั้น เขานอนไม่หลับตลอดทั้งคืนและภาวนาขอให้ได้พบเจอเธออีกสักครั้ง

"ผมเป็นฮิปปี้ ผมไม่เคยภาวนากับเทพเจ้าฮินดูมาก่อน คืนนั้นผมนั่งสวดภาวนาถึงพระพิฆเนศเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ได้โปรดเถิดเทพเจ้าแห่งปัญญา โปรดให้เธอคนนั้นกลับมาอีกครั้ง ผมมีเรื่องที่อยากจะบอกกับเธอ" 

หลังจากนั้นไม่นานเขาได้พบกับเธอจริง ๆ หนนี้เขาได้พูดคุยและส่งภาพวาดที่เขาวาดให้กับเธอ และได้รู้ว่าเธอชื่อ ชาร์ล็อตต์ วอน เชดวิน (Charlotte Von Schedvin) 


Photo : BBC 

"พูดก็พูดเถอะ อย่าหาว่าผมเข้าข้างตัวเองเลย ความรู้สึกมันบอกว่าผมและเธอเป็นเหมือนขั้วบวกและขั้วลบของแม่เหล็กที่ดูดเข้าหากัน ผมมั่นใจทันทีและเพิ่งเข้าใจจริง ๆ ว่ารักแรกพบนั้นเป็นยังไง ทุกอย่างรอบกายบีบให้ผมพูดกับเธอ ผมชวนเธอไปกินน้ำชา ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นก็ยังเสียว ๆ อยู่เหมือนกันว่าเธออาจจะเรียกตำรวจมาจับผมก็ได้" 

แต่ทุกอย่างตรงกันข้าม ชาร์ล็อตต์ ยิ้มกว้าง และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ 

"แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าเขาเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์ และฉันอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงอยากดื่มน้ำชากับฉัน" เธอเล่าเรื่องนั้นกับ BBC

ความจริงแล้ว เคมี ของทั้งคู่เข้ากันเป็นอย่างมากเพราะเป็นคนสายอาร์ตเหมือนกัน ตัวของ ชาร์ล็อตต์ หรือ ล็อตตา นั้นก็ทำงานเกี่ยวกับศิลปะเช่นกัน และเธอเองก็มาอินเดียด้วยเส้นทางสายฮิปปี้ ด้วยการนั่งรถตู้มาพร้อมกันเพื่อนผ่านเส้นทางสาย Hippie Trail โดยเป็นการมาจากยุโรป ผ่านตุรกี, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน ก่อนจะเดินทางมาถึง อินเดีย โดยเธอใช้เวลาถึง 22 วัน กว่าจะมาถึงที่นี่ ... 

ทั้งคู่สานสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็ว ภายในเวลา 2-3 วัน มันมากพอที่จะทำให้พวกเขาตกหลุมรักกัน อย่างไรก็ตาม ชาร์ล็อตต์ มาในฐานะนักท่องเที่ยว เวลาของเธอในอินเดียใกล้จะหมดแล้วเพราะต้องเดินทางกลับไปยังสวีเดนบ้านเกิดของเธอ


Photo : INSBright

มันน่าจะเป็นเหมือนคนที่เกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน แม้แต่ช่วงเวลาที่น้อยและสั้นขนาดนั้นกลับทำให้ทั้งคู่มั่นใจในตัวของกันและกันได้อย่างน่าประหลาด ชาร์ล็อตต์ ไม่ลังเลเลยเมื่อ พีเค ขอเธอแต่งงาน ทั้งคู่รีบเก็บข้าวของจากกรุงเดลี เพื่อเดินทางไปยังบ้านเกิดของ พีเค เพื่อจัดพิธีแต่งงานแบบท้องถิ่น

"เธอสวมใส่ส่าหรีในวันที่พบกับพ่อและครอบครัวของผม ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำอะไรทำให้เธอกล้าตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกัน พ่อของผมให้คำอวยพรและเราก็กลายเป็นคู่สามีภรรยากันตามพิธีท้องถิ่น"  

ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่นานนัก ล็อตตา ก็ต้องร่ำลากับ พีเค เพื่อเดินทางต่อไป แต่ในวันที่อำลานั้นคนทั้งสองไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น พีเค สัญญาว่าเขาจะตามเธอไปที่สวีเดนอย่างแน่นอน ...
 

มั่นคงและจริงจัง

หลังจากนั้น 1 ปี ทั้งคู่ติดต่อกันผ่านจดหมายโดยไม่ขาด พีเค เล่าว่าความคิดถึงกำลังจะฆ่าเขาให้ตายเสียหายได้ แต่ด้วยสภาพเงินในกระเป๋าที่ไม่เอื้ออำนวย เขาไม่มีทุนมากพอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินไปยัง สวีเดน ... ขาดอีกเยอะ หากจะให้เก็บก็ต้องเสียเวลาอีกเป็นปี ๆ ซึ่ง ณ เวลานั้นเขารอไม่ได้แล้ว

พีเค ขายทุกอย่างที่เขามีเพื่อซื้อจักรยานใหม่เอี่ยมมา 1 คัน และเริ่มออกปั่นโดยใช้เส้นทาง Hippie Trail แบบที่ ล็อตตา เคยใช้เดินทางมายังอินเดีย เป็นหรือตายเท่ากัน ณ เวลานั้น แต่เขาไม่กลัว เป็นอีกครั้งที่คำทำนายของแม่เขามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ก่อนออกเดินทาง แม่ของเขาดูดวงเขาและบอกว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะตายตอนนี้ เพราะดวงของเขานั้นจะต้องแก่ตาย ไม่ใช่เพราะเกิดอุบัติเหตุหรืออะไรทั้งนั้น  


Photo : ABCNews

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ตายอย่างที่แม่เขาบอก แต่ความจริงก็อยู่ในระดับเกือบ ๆ ตาย ... เขาเจอทั้งอุณภูมิที่ร้อนสุด ๆ รวมถึงปัญหาที่พัก และ อาหาร เพราะต้องปั่นจักรยานราว ๆ วันละ 70 กิโลเมตรโดยเฉลี่ยนั่นเอง

"ผมคิดว่าผมอาจจะตายระหว่างทางก็ได้นะ ไม่มีใครในครอบครัวของผมรู้เลยว่าผมอยู่ที่ไหน บางครั้งผมเหนื่อยมากจนหลับไปทั้งอย่างนั้น เวลาหลับก็เหมือนกับวิญญาณได้ออกจากร่าง ตื่นเช้ามาเรี่ยวแรงแทบไม่มีเหลือด้วยซ้ำ แต่วันใดก็ตามที่ผมได้รับจดหมายจากเธอ ผมก็กลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง"


Photo : Cnn 

ศิลปะช่วยชีวิตเขา มันคือภาษาสากลที่ไม่ว่าจะไปไหนก็สามารถสื่อกับคนประเภทเดียวกันได้ เขาพักไปปั่นไป บางครั้งเขาก็ต้องหยุดเพื่อหาสถานที่ที่คนเยอะ ๆ จอดรับงานวาดภาพเหมือนเพื่อหาเงินและพักในเวลาเดียวกัน ส่วนใหญ่ก็เจอคนคอศิลปะเหมือนกันทำให้เขาได้เงิน พอมีอาหารกิน และมีที่ให้ซุกหัวนอนพอแก้เหนื่อยได้บ้าง

"น่องปูดจนผมปวดร้องโอดโอย แต่ได้ไปสถานที่ต่าง ๆ ที่แปลกตา เจอผู้คนที่แปลกใหม่ก็ทำให้การเดินทางมันน่าอภิรมย์มากขึ้นนะ อีกอย่างการตื่นเต้นที่จะได้พบเธอก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมได้ไปต่อ"  


Photo : speakingofchina

จากวันที่ 22 มกราคม 1977 ที่ออกจากกรุงเดลี เขาเดินทางมาถึงยุโรปได้สำเร็จในวันที่ 28 พฤษภาคม ปีเดียวกัน เมื่อปั่นมาจนนับกิโลเมตรแทบไม่ไหว บางแหล่งข่าวก็บอกว่า 4,000 กิโลเมตร บางที่ก็บอกว่า 7,000 กิโลเมตร แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับสิ่งที่เขาได้พบเจอจนกระทั่งจุดหมายปลายทาง

พีเค ก็มาแวะที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เขาเล่าเรื่องราวและจุดมุ่งหมายของเขาที่ทำให้เขาปั่นจักรยานมาที่นี่ให้ชายคนหนึ่งฟัง และเรื่องราวความรักของเขามันน่าประทับใจจนชายคนนั้นตัดสินใจซื้อตั๋วรถไฟจาก เวียนนา ไป โคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก ก่อนที่จะให้เงินเผื่อไปซื้อตั๋วจากสถานี โคเปนเฮเก้น ไปถึง โกเตนเบิร์ก เมืองที่ห่างจากบ้านของ ล็อตตา เพียงแค่ 60 กิโลเมตรเท่านั้น

การเดินทางอันยาวนานกว่า 4 เดือนของเขาสิ้นสุดลง เมื่อ ล็อตตา มารับเขาที่สถานีรถไฟโกเตนเบิร์ก ทว่านอกจากความเหนื่อยอ่อนแล้ว เขายังพบว่ามีปัญหาบางอย่างที่เขาหนีไม่พ้น นั่นคือเรื่องของชั้นวรรณะนั่นเอง
 

รักชนะทุกสิ่ง 

"เนื้อคู่ของแกจะมาจากดินแดนที่ไกลโพ้น หญิงสาวจากราศีพฤษภ มีพรสวรรค์ในด้านดนตรี และเป็นเจ้าของผืนป่า" นี่คือสิ่งที่แม่ของ พีเค เคยทำนายไว้เมื่อนานมาแล้ว 


Photo : ABCNews

และผู้หญิงที่ทำให้เขาต้องเดินทางข้ามโลกอย่าง ล็อตตา นั้นเกิดในราศีพฤษภ มีงานเป็นครูสอนดนตรี ไม่เพียงเท่านั้น ตระกูลของเธอคือชนชั้นสูงในสวีเดน ที่เป็นเจ้าของผืนป่าอันกว้างใหญ่มาเป็นเวลากว่า 300 ปี ... คำทำนายนี้แม่นเกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญเสียแล้ว และการได้ตกหลุมรักกับสาวชั้นสูงนี่เองที่ทำให้เขาต้องพิสูจน์ว่ารักแท้ ไม่สามารถขวางกั้นได้ด้วยชั้นวรรณะอีกครั้ง 

"เมื่อผมมาถึงสวีเดน ทุกคนประหลาดใจมากเมื่อเห็นผม ผมก็เหมือนกัน ผมแปลกใจที่สวีเดนยังมีระบบวรรณะคล้าย ๆ กับ อินเดีย ครอบครัวของ ล็อตตา เป็นหนึ่งในชนชั้นสูงของ สวีเดน พวกเขาแต่งงานกับขุนนางและเศรษฐีตามธรรมเนียม แต่ผมเป็นคนผิวดำ พวกเขาแปลกใจ ผมคือคนเอเชียผิวดำคนแรกที่ได้เข้าไปยังบ้านของขุนนางในกรุงสตอกโฮล์ม แม้ไม่ได้โดนต่อต้าน แต่ทุกคนก็พากันบอกว่าพวกเราอยู่กันได้ไม่นาน ไปกันไม่รอดหรอก" พีเค กล่าว


Photo : BBC

อย่างไรก็ตามความแตกต่างกันสุดขั้วคือจุดแข็งของความรักอันยืนยาว ทุกวันนี้ก็ผ่านมาร่วม 50 ปีแล้วที่ทั้งคู่ยังรักกันฉันท์สามีภรรยา พีเค ยอมรับความต่างไม่ได้ทำให้แปลกแยก แต่มันทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้มากกว่า

"เพราะเรามีภูมิหลังที่แตกต่างกัน เธอได้เรียนรู้ชีวิตของชนชั้นล่างอย่างผม และผมก็ได้เรียนรู้ชีวิตที่สูงส่งจากเธอ ความแตกต่างคือจุดแข็งที่ทำให้เราเติมเต็มซึ่งกันและกัน" จาก 10 นาทีภายใต้ลานน้ำพุที่กรุงเดลี กลับเปลี่ยนแปลงกลายเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ของคนสองคนได้สำเร็จ 

"ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีความหมาย เธอคือผู้หญิงที่สนับสนุนผมในทุกเรื่อง ๆ เธอคือคนที่แสนพิเศษและผมยังคงรักเธอเหมือนกับครั้งแรกที่ได้เจอกันในปี 1975 ไม่เปลี่ยนแปลง" พีเค กล่าว 


Photo : tripoto.com

ปัจจุบันทั้งสองคนย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่ สวีเดน เป็นที่เรียบร้อยแล้วและมีลูก ๆ เป็นพยานรัก 2 คนด้วยกัน เรื่องราวของ พีเค และ ล็อตตา ถูกบอกเล่าไปในฐานะตำนานความรักที่ทำให้คนหนึ่งคนปั่นจักรยานจาก อินเดีย ข้ามโลกมายัง สวีเดน ... เรื่องราวมันแมสจนขนาดที่ว่า เพอร์ แอนเดอร์สัน นักเขียนชาวสวีเดน หยิบเรื่องราวดังกล่าวไปเขียนเป็นหนักสือที่ชื่อว่า "New Delhi & Boras" ซึ่งเรื่องความโรแมนติกข้ามโลกก็ขายดิบขายดีในสวีเดน จนทุกคนที่ได้เจอกับ พีเค ต้องถามเรื่องการปั่นจักรยานบนเส้นทางที่ไม่น่าเชื่อ 

ทุกคนต่างสงสัยว่าเขาทำลงไปได้อย่างไร ? บ้างก็ยกย่องว่าเขาคือคนที่มีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่คำกล่าวเหล่านั้นมันมากไปสำหรับเขา เรื่องการปั่นจักรยานจาก เดลี ถึง โบราส ไม่ใช่เรื่องพิเศษอย่างที่ใครเข้าใจ ถ้าหากจะให้อธิบายว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น มันง่ายและสั้นนิดเดียว จนสามารถอธิบายได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 นาทีด้วยซ้ำ


Photo : tripoto.com

"ผมแปลกใจจนทุกวันนี้ ทำไมทุกคนต้องทำเหมือนกับมันเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกเมื่อรู้ว่าผมปั่นจักรยานเข้าไปในทวีปยุโรป" 

"คือผมไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันยิ่งใหญ่หรือเท่มากกว่าใครหรอก ที่ต้องทำแบบนั้นเพราะผมไม่มีเงินเท่านั้นเอง ผมเลยต้องปั่นจักรยานไปเพราะมันเป็นทางเดียวที่ผมจะไปหาความรักของผมได้ ..."

"ผมปั่นจักรยานเพื่อความรัก ไม่ใช่เป็นคนรักการปั่นจักรยานหรอกนะ" เขาหัวเราะและกล่าวทิ้งท้าย 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook