รยู ฮยอนจิน : นักกีฬาอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ ที่ทรงอิทธิพลยิ่งกว่า ซน ฮึงมิน และ BLACKPINK

รยู ฮยอนจิน : นักกีฬาอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ ที่ทรงอิทธิพลยิ่งกว่า ซน ฮึงมิน และ BLACKPINK

รยู ฮยอนจิน : นักกีฬาอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ ที่ทรงอิทธิพลยิ่งกว่า ซน ฮึงมิน และ BLACKPINK
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากให้คนไทย พูดชื่อนักกีฬาชาวเกาหลีใต้ที่มีชื่อเสียงสักคน หลายคนคงนึกถึง ซน ฮึงมิน นักฟุตบอลชื่อดัง จากสโมสรท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ หรือ พัค จีซอง อดีตนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนไม่ใช่นักกีฬาชาวเกาหลีใต้ที่โด่งดัง และทรงอิทธิพลมากที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงสหรัฐอเมริกา เพราะมีนักเบสบอลคนหนึ่ง ซึ่งชื่อไม่เป็นที่คุ้นหูของชาวไทย มีความโด่งดังยิ่งกว่านักฟุตบอลทุกคนในประเทศเกาหลีใต้ 

นอกจากนี้ นักเบสบอลรายนี้ เป็นถึงบุคคลทรงอิทธิพลอันดับที่ 2 ของประเทศเกาหลีใต้ การจากจัดอันดับของนิตยสาร Forbes Korea สูงกว่า Blackpink และ Twice เกิร์ลกรุปชื่อดังระดับโลก รวมถึง บง จุนโฮ ผู้กำกับเจ้าของรางวัล Oscars จากภาพยนตร์ Parasite เสียอีก

ชื่อของเขาคือ รยู ฮยอนจิน นักเบสบอลตำแหน่งพิทเชอร์ หรือ ตัวขว้าง วัย 33 ปี ที่เล่นอยู่ในลีก Major League Baseball ลีกเบสบอลอันดับ 1 ของโลก ที่สหรัฐอเมริกา 

Main Stand จะพาไปพบกับเรื่องราวของเขา และเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นนักกีฬาทรงอิทธิพล อันดับหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้

อัจฉริยะด้านเบสบอล

เบสบอลคือกีฬาอันดับ 1 ของประเทศเกาหลีใต้ ด้วยประวัติศาสตร์ที่มีร่วมกันอย่างยาวนาน ทำให้กีฬาเบสบอล เข้าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในสังคมเกาหลี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนส่วนมาก จะนิยมกีฬาชนิดนี้ มีความผูกพันอย่างเหนียวแน่นกับเกมเบสบอล

รยู ฮยอนจิน ได้รับอิทธิพลของกีฬาเบสบอล ผ่านครอบครัวของเขา โดยมีคุณพ่อเป็นแฟนเบสบอลตัวยง อีกทั้งชื่นชอบในการเล่นเบสบอล ... ชีวิตของฮยอนจิน ผูกพันกับเบสบอล ตั้งแต่จำความได้ และคุณพ่อฝึกให้เขาเล่นเบสบอล ตั้งแต่อายุยังน้อย


Photo : www.namu.la

ไม่ใช่แค่ความรักในกีฬาเบสบอล ที่เขาได้รับอิทธิพลจากครอบครัว แต่รวมถึงวิธีการเล่นด้วยเช่นกัน แม้ว่าฮยอนจินจะเกิดมา เป็นคนถนัดมือขวา แต่เขากลับต้องเล่นขว้างลูกเบสบอลด้วยมือซ้าย เพราะคุณพ่อของเขาถนัดซ้าย และถุงมือเบสบอลอันแรกของเขา เป็นถุงมือข้างขวา ทำให้เขาต้องเริ่มขว้างลูกด้วยมือซ้าย และกลายเป็นจุดเด่น ของฮยอนจินในเวลาต่อมา ในฐานะพิทเชอร์ ที่ขว้างลูกได้ด้วยมือทั้งสองข้าง

ฮยอนจินเริ่มสร้างชื่อในฐานะนักเบสบอล เมื่อตอนเรียนอยู่ในระดับมัธยมปลาย ในฐานะพิทเชอร์มือ 1 ของโรงเรียน และพาโรงเรียนของเขา คว้าแชมป์เบสบอลแห่งชาติ รวมถึงได้รับรางวัลเบสพิทเชอร์ ประจำทัวร์นาเมนต์ ก่อนจะก้าวไปติดทีมชาติ ในระดับเยาวชน

ชื่อเสียงของฮยอนจิน ในฐานะพิทเชอร์มือทอง ที่เป็นแชมป์ประเทศ และผู้เล่นทีมชาติ ทำให้เขาได้รับความสนใจจากทีมเบสบอลอาชีพ จากลีก KBO ลีกเบสบอลอาชีพในเกาหลีใต้ ... ฮยอนจินจึงตัดสินใจเข้าร่วมการดราฟต์ตัวกับลีก KBO ในฤดูกาล 2006 และได้รับเลือกจากทีม ฮันวา อีเกิลส์ 

ฮยอนจินจึงกลายเป็นนักกีฬาอาชีพ ตั้งแต่อายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่นักเบสบอลทุกคน ที่จะได้รับโอกาสให้เล่นอาชีพ ตั้งแต่เรียนจบระดับมัธยม


Photo : star.ohmynews.com

เพียงแค่ปีแรก ฮยอนจินได้ฉายแสงความอัจฉริยะ จนสะเทือนวงการเบสบอลเกาหลีใต้ ด้วยการทำสถิติทริปเปิล คราวน์ ในฐานะพิทเชอร์ ตั้งแต่เล่นอาชีพปีแรก นั่นคือ เป็นพิทเชอร์ที่ชนะมากที่สุด, ทำสไตร์คได้มากที่สุด และมีระยะทางวิ่งเฉลี่ยมากที่สุด ทำให้เขาคว้ารางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี รวมถึง รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปี ตั้งแต่ฤดูกาลแรก กลายเป็นผู้แรกที่ทำได้ และเป็นคนเดียวจนถึงปัจจุบัน 

น่าเสียดายที่ ฮยอนจินไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2006 เพราะต้องแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม เขาทดแทนความผิดหวัง ด้วยการระเบิดผลงาน ในนามนักกีฬาทีมชาติเกาหลีใต้ ด้วยการเป็นหนึ่งในขุนพล ลุยศึกเบสบอล ในมหกรรมกีฬา โอลิมปิก เกมส์ 2008 ที่ประเทศจีน ด้วยการคว้าเหรียญทอง หลังจากเอาชนะคิวบาในรอบชิงชนะเลิศ เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ทั้งกับตัวเขาและประเทศเกาหลีใต้

 

สร้างชื่อที่สหรัฐฯ

ฮยอนจินยังคงสร้างชื่ออย่างต่อเนื่อง ในฐานะสุดยอดพิทเชอร์ จากผลงานในระดับทีมชาติ เขาคว้าเหรียญเงินจากการแข่งขันในรายการ World Baseball Classic ปี 2009 และเหรียญทอง จากการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2010 ที่ประเทศจีน 


Photo : naver.com

อย่างไรก็ตาม การเล่นในระดับสโมสรของเขา กลับไม่ประสบความสำเร็จแบบที่ควรจะเป็น แม้ว่าเขาจะติดทีมออลสตาร์ของลีก KBO ทุกปี แต่เขากลับไม่เคยได้แชมป์ลีก กับทีมฮันวา อีเกิลส์ แม้แต่ครั้งเดียว ที่สำคัญไปกว่านั้น ทั้งที่เขาเป็นพิทเชอร์เบอร์ 1 ของลีก เขากลับได้เข้ารอบเพลย์ออฟ เพียง 2 ครั้ง จาก 7 ฤดูกาล 

ในฐานะนักกีฬาอาชีพ ความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จ และพัฒนาฝีมือคือเรื่องสำคัญ ... ฮยอนจินประกาศว่าเขาต้องการย้ายทีม ในปี 2012 และไม่ใช่แค่การย้ายไปเล่นทีมอื่นในเกาหลีใต้ แต่เป้าหมายของเขา คือการไปเล่นที่ Major League Baseball หรือ MLB ที่สหรัฐอเมริกา 

ฮยอนจินได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เขาได้รับการเซ็นสัญญากับ ลอสแอนเจลิส ด็อดเจอร์ส (Los Angeles Dodgers) ทีมเบสบอลชื่อดังระดับโลก ด้วยสัญญายาว 6 ปี 


Photo : mleaders.asiae.co.kr

อย่างไรก็ตาม ชีวิตนักกีฬาของฮยอนจินที่สหรัฐฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาถูกโจมตีจากสื่อว่าดีไม่พอ ที่จะเล่นใน MLB ... ขณะที่ด็อดเจอร์ส ต้นสังกัดของเขา ถูกโจมตีอย่างหนักกับการเซ็นสัญญาผู้เล่นที่ไม่มีความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน ในระดับสโมสร

Bleach Report สื่อกีฬาชื่อดัง เคยโจมตีการย้ายตัวของฮยอนจินอย่างหนัก ว่าเป็นดีลสุดห่วยประจำฤดูกาล 2013 ของ MLB กับการที่ด็อดเจอร์ส ยอมมอบสัญญา 6 ปี กับเงินค่าเหนื่อย 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงต้องจ่ายเงินกินเปล่าอีก 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับฮยอนจิน รวมเป็นเงินมากกว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ด็อดเจอร์ต้องเสียให้กับนักกีฬา ที่สื่อมองว่ามีความสามารถเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง

เท่านั้นยังไม่พอ สื่อได้มองว่าฮยอนจิน ไม่มีทางจะพัฒนาความสามารถ ขึ้นมาเป็นพิทเชอร์ระดับแถวหน้าของ MLB ได้อย่างแน่นอน เรียกได้ว่า หนุ่มชาวเกาหลีใต้คนนี้ ต้องเจอความกดดันมหาศาล กับชีวิตในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนามแม้แต่นัดเดียว


Photo : news.chosun.com

แต่ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ ฮยอนจินใช้เวลาเพียงฤดูกาลเดียว ในการพิสูจน์ตนเอง ด้วยการเป็นพิทเชอร์ชาวเกาหลีใต้คนแรก ที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริง ในการแข่งขันรอบเพลย์ออฟ รวมถึงได้รับเลือกจากนิตยสาร Baseball America ให้ติดทีมผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยม จากฤดูกาล 2013

ฮยอนจินถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม กับทีมด็อดเจอร์ส เขาได้เข้าสู่รอบเพลย์ออฟถึง 4 ฤดูกาล จาก 6 ฤดูกาลที่เล่นให้กับทีม และเคยผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ หรือ เวิลด์ซีรีส์ มาแล้ว ในฤดูกาล 2018 แม้ว่าต้นสังกัดของเขา อย่างด็อดเจอร์ส จะแพ้ให้กับ บอสตัน เรด ซ็อค ก็ตาม

นอกจากนี้ ผลงานที่ยอดเยี่ยม กับฤดูกาล 2019 ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ จนถึงขั้นติดทีมออลสตาร์ของลีก MLB ในฤดูกาลนั้น ส่งผลให้ฮยอนจิน ได้ย้ายไปอยู่กับทีม โตรอนโต บลู เจย์ส ด้วยสัญญา 4 ปี 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินเฉลี่ย 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี มากกว่าเดิมถึง 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

 

นักกีฬาเบอร์ 1 ของเกาหลีใต้

หากมองดูเส้นทางและเกียรติประวัติของ รยู ฮยอนจิน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเขาเป็นนักกีฬาชื่อดัง สำหรับชาวเกาหลีใต้ ในฐานะนักกีฬาที่เก่งกาจ และประสบความสำเร็จด้วยรางวัลส่วนตัว ตลอดการเล่น ทั้งในเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ... แต่เหตุผลใดกัน ที่ทำให้ฮยอนจิน กลายเป็นนักกีฬาที่ทรงอิทธิพลในประเทศเกาหลีใต้ มากกว่า ซน ฮึงมิน หรือ พัค จีซอง 


Photo : www.chinadaily.com.cn

เหตุผลในเรื่องนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจยากนัก นั่นคือเบสบอลเป็นกีฬายอดนิยมอย่างมากในเกาหลีใต้ กีฬาเบสบอลผูกกับวัฒนธรรมหลายรูปแบบในประเทศ แม้กระทั่งวงการเพลง หรือ ซีรีส์, ภาพยนตร์ ยังต้องผลิตผลงานที่มีความเชื่อมโยง กับเบสบอลอยู่บ่อยครั้ง 

นักเบสบอลชาวเกาหลีใต้ ที่มีผลงานดี และประสบความเร็จ จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นที่รู้จัก เพราะอิทธิพลของกีฬาเบสบอล แม้จะไม่ได้ดูกีฬาเบสบอลแบบเป็นจริงเป็นจังก็ตาม เหมือนกับที่คนไทย ย่อมรู้จักชื่อ ชนาธิป สรงกระสินธ์ หรือ ธีราทร บุญมาทัน นักฟุตบอลชื่อดังชาวไทย ต่อให้ไม่ได้เป็นแฟนฟุตบอลพันธุ์แท้

นอกจากนี้ ลีกเบสบอล MLB สำหรับคนเกาหลีใต้ คือลีกกีฬาที่ยิ่งใหญ่ ไม่แพ้พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ดังนั้นการที่ฮยอนจิน ประสบความสำเร็จ จนถึงขั้นติดทีมออลสตาร์ของลีก คือความภาคภูมิใจมหาศาล กับการเอาชื่อเสียงความเป็นคนเกาหลีใต้ ไปประสบความสำเร็จ ในลีกเบสบอลอันดับ 1 ของโลก 


Photo : conpaper.tistory.com

ฮยอนจินได้รับความเคารพอย่างมาก จากคนเกาหลีใต้ เมื่อสมัยที่เขาเล่นอยู่กับทีมลอสแอนเจลิส ด็อดเจอร์ส มีผู้คนเชื้อสายเกาหลีใต้ หลายร้อยคน ตีตั๋วเข้าไปดูเขาเล่นในแทบทุกเกม (ลอสแอนเจลิส เป็นเมืองที่มีคนเชื้อสายเกาหลีใต้อาศัยเป็นจำนวนมาก) และชาวเกาหลีใต้มักจะยืนปรบมือ เพื่อเป็นเกียรติให้กับเขา หลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง

นอกจากนี้ ฮยอนจินยังกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กเชื้อสายเกาหลีใต้ ถึงความฝันที่อยากจะประสบความสำเร็จแบบเขา ชาวเกาหลีใต้หลายคนมองว่า รยู ฮยอนจิน คือคนที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่ ภูมิใจในความเป็นคนเกาหลีใต้ จากความสำเร็จที่เขาสร้างขึ้น 

รยู ฮยอนจิน ไม่ได้เป็นเพียงแค่ นักกีฬาทรงอิทธิพลเบอร์ 1 ของเกาหลีใต้ แต่เขายังทรงอิทธิพลมากกว่า วงเกิร์ลกรุปชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อย่าง Blackpink และ Twice ผ่านการจัดอันดับของ Forbes Korea รวมถึง บง จุนโฮ ผู้กำกับหนังที่โด่งดังไปทั่วโลก จากภาพยนตร์เรื่อง Parasite ซึ่ง รยู ฮยอนจิน เป็นบุคคลทรงอิทธิพลอันดับ 2 ของประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2020 เป็นรองเพียงแค่วงไอดอลชายอย่าง BTS แค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้น


Photo : 6.viki.io

กลุ่มนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้หาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเหตุผลสำคัญมาจากการที่เขาเป็นนักกีฬา ที่ได้รับการยอมรับอย่างมากจากชาวสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้

เป็นเรื่องไม่ยากที่วงไอดอลจากเกาหลีใต้ จะประสบความสำเร็จ สร้างฐานแฟนคลับในต่างแดน แต่สำหรับนักกีฬา คือเรื่องที่ยากกว่านั้นมาก เพราะต้องเล่นให้ดีมากจริง ๆ เห็นความแตกต่างจากผู้เล่นเจ้าถิ่นอย่างชัดเจน ถึงจะได้รับความเคารพและการยอมรับ จากแฟนกีฬาท้องถิ่น และนี่คือสิ่งที่ รยู ฮยอนจิน ทำได้

มากไปกว่านั้น เรื่องที่ทำให้ฮยอนจิน ได้รับความเคารพอย่างสูง จากชาวเกาหลีใต้ คือเรื่องนิสัยนอกสนาม ถึงความมุ่งมั่นใจสู้ ตลอดชีวิตนักเบสบอล เขาต้องเผชิญหน้ากับอาการบาดเจ็บอยู่หลายครั้ง ที่หนักที่สุดคือในปี 2015 เขาต้องได้รับการผ่าตัดใหญ่ บริเวณไหล่ซ้าย จนไม่ได้เล่นแม้แต่เกมเดียวในฤดูกาลนั้น และไม่ได้รับค่าจ้างแม้แต่ดอลลาร์เดียว จากทางลอสแอนเจลิส ด็อดเจอร์ส เนื่องจากไม่ได้ลงสนามให้ทีม

แต่ทุกครั้งที่เขามีอาการบาดเจ็บ ฮยอนจินจะกลับมาอย่างแข็งแกร่งทุกครั้ง และพัฒนาฝีมือมากกว่าเดิม คาแรคเตอร์ความเป็นนักสู้ของเขา ถูกใจชาวเกาหลีใต้อย่างมาก


Photo : news.chosun.com

นอกจากนี้ เขายังเป็นนักกีฬาที่ได้รับการชื่นชม ในเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีม โดยฮยอนจินมีความเป็นผู้นำอย่างมาก ในห้องแต่งตัว ถึงขั้นที่ว่า กล้าที่จะพูดเปิดใจหรือกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม ในตอนที่เขาเล่นที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งสื่อมองว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ และน่าเอาเป็นแบบอย่าง 

รยู ฮยอนจิน อาจไม่ใช่ชื่อคุ้นหูของคนไทย แต่หากคุณได้รับรู้เรื่องราวของเขา ความสำเร็จและอิทธิพลที่เขามีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาเพราะทัศนคติที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าเจออุปสรรคอะไร เขาพร้อมที่ฟันฝ่า ปรับตัว และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

ต่อให้คุณไม่รู้จัก รยู ฮยอนจิน แต่การเรียนรู้เรื่องราวดี ๆ ของเขา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้เป็นแง่คิดกับชีวิต เพื่อเส้นทางที่ประสบความสำเร็จ ถือเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook