OnThisDay 5 ตุลาคม 2019 : เอแดน อาซาร์ กับประตูแรกในลาลีกา
ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง เอแดน อาซาร์ เคยได้รับการยกย่องว่า เป็นกองกลางตัวรุกที่สามารถเปลี่ยนเกมด้วยการเลี้ยงลูกฟุตบอล รวมถึงได้รับฉายา “นักฟุตบอลที่เป็นฝันร้ายของกองหลัง” อีกด้วย
ผู้คนมักจะเปรียบเทียบว่า เขามีส่วนผสมของลิโอเนล เมสซี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และแกเร็ธ เบล อยู่ในร่างเดียว giและต่อมา ได้กลายเป็นนักฟุตบอลที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรอัล มาดริด
สมัยที่ค้าแข้งกับเชลซี เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่า มีความฝันที่จะไปเล่นให้กับเรอัล มาดริด เพราะมีซีเนอดีน ซีดาน เป็นไอดอล และได้เห็นอดีตตำนานนักเตะทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ เข้ามาคุมทีมราชันชุดขาวด้วย
จนกระทั่งในฤดูกาล 2019/20 ยักษ์ใหญ่แห่งนครมาดริด กำลังมองหาใครสักคน เพื่อมาทดแทนการจากไปของคริสเตียโน โรนัลโด้ ซึ่งตัดสินใจย้ายไปยูเวนตุส ก่อนหน้านั้น 1 ซีซั่น
และก็เป็นดาวเตะชาวเบลเยียมผู้นี้นี่เอง ที่เข้ามาสานต่อหมายเลข 7 ของโรนัลโด้ ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 150 ล้านปอนด์ รับค่าเหนื่อยแสนแพง 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เปิดตัวต่อหน้าแฟนๆ ราชันชุดชาวร่วมครึ่งแสน ในซานติอาโก้ เบอร์นาเบว
คำพูดแรกที่เอแดนฝากไว้กับแฟนบอลของสโมสร คือ “แฟนบอลที่นี่ คือแฟนบอลตัวจริง” แต่เจ้าตัวก็รู้ดีว่า ด้วยความที่โปรไฟล์เจ๋งขนาดนี้ แฟนบอลเรอัล มาดริดทั่วโลก ย่อมมีความคาดหวังสูงลิบลิ่วอย่างช่วยไม่ได้
ฤดูกาลแรกกับสโมสรใหม่ อาซาร์ พลาดการลงสนามในลาลีกา 3 นัดแรกของซีซั่น เนื่องจากมีอาการเจ็บแฮมสตริง กว่าจะลงสนามในนัดแรกให้กับต้นสังกัดใหม่ ต้องรอถึงช่วงกลางเดือนกันยายน ในนัดที่พบกับเลบันเต้
วันที่ 5 ตุลาคม 2019 เรอัล มาดริด เปิดสนามซานติอาโก้ เบอร์นาเบว รับการมาเยือนของกรานาด้า อาซาร์ ลงเป็น 11 ตัวจริง และเหตุการณ์สำคัญของเกมนี้ เกิดขึ้นในช่วงท้ายทดเจ็บครึ่งแรก
เฟรเดริโก้ บัลเบร์เด้ แอสซิสต์ให้อาซาร์ ชิพบอลข้ามตัวรุย ซิลวา นายทวารทีมเยือน เข้าประตูไปอย่างสุดสวย ซึ่งเจ้าตัวอยู่ในสนาม 70 นาที ก่อนที่เจ้าบ้านจะเอาชนะไปได้ 4 – 2
แต่ใครจะไปรู้ว่า ประตูแรกที่เกิดขึ้นในวันนั้น จะเป็นประตูแรก และประตูเดียว ที่อาซาร์ทำไว้กับเรอัล มาดริด จนถึงปัจจุบันนี้ เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน ที่มีอยู่เป็นระยะๆ ตลอดฤดูกาล
ซีซั่นที่ผ่านมา เรอัล มาดริด ลงสนามรวมทุกรายการทั้งหมด 51 นัด แต่อาซาร์ ได้ลงสนามแค่ 22 นัด ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าใช้ชีวิตอยู่บนเตียงพยาบาล มากกว่าอยู่ในสนามฟุตบอล
ฤดูกาลก่อน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เจ็บยาวเกือบ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2020 กลับมาลงเล่นได้ไม่กี่นัด เจ็บซ้ำอีกครั้ง แต่รอบนี้ได้พักนานแบบไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากเป็นช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19 พอดี
ช่วง 3 เดือนระหว่างล็อกดาวน์ อาซาร์ก็พยายามเรียกความฟิตกลับคืนมา กระทั่งลาลีกากลับมารีสตาร์ท ก็ได้โอกาสลงสนามอีกครั้ง แต่ก็ยังโชว์ฟอร์มไม่น่าประทับใจ ตามที่แฟนๆ คาดหวัง
แมตช์ล่าสุดที่อาซาร์ลงเล่นให้กับเรอัล มาดริด คือเกมที่บุกไปแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 - 2 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ในช่วงพักซีซั่นประมาณ 1 เดือนเศษๆ อาซาร์ ไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องอาการบาดเจ็บเท่านั้น เพราะน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 7 กิโลกรัม ซีเนอดีน ซีดาน ผู้จัดการทีม จึงสั่งให้ดาวเตะทีมชาติเบลเยียม ลดน้ำหนักเป็นการด่วนก่อนเปิดซีซั่นใหม่
กระทั่งข่าวล่าสุด ยืนยันว่า อาซาร์ โดนปัญหาบาดเจ็บเล่นงานอีกครั้ง คราวนี้เป็นที่กล้ามเนื้อขาขวา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เพิ่งมีรายชื่อติดทีมนัดพบกับ เรอัล บายาโดลิด เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน แต่สุดท้ายถูกตัดชื่อออก
ทางสโมสรประเมินว่า อาซาร์ ต้องพักประมาณ 1 เดือน น่าจะพลาดลงสนามในศึก “เอล กลาซิโก้” ที่จะบุกไปเยือนบาร์เซโลน่า ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ ค่อนข้างแน่นอนแล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สาเหตุที่โชว์ฟอร์มได้ดีกับทั้งที่ลีลล์ และเชลซี ทั้งๆ ที่เป็นนักเตะที่มีปัญหาด้านความฟิต คือเรื่องของ “พรสวรรค์” ที่มีอยู่ในตัวเขา จนถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก
ด้วยวัยที่กำลังจะเข้าเลข 3 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ถือว่ายังอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของอาชีพนักฟุตบอล ซึ่งแฟนบอลลาลีกาหวังว่า จะได้เห็นเอแดน อาซาร์ กลับมาเป็น “นักฟุตบอลที่เป็นฝันร้ายของกองหลัง” อีกครั้ง