[OPINION] เหตุผลที่ ลิเวอร์พูล ไม่ควรปล่อย "ดิว็อค โอริกี้" ในตลาดหน้าหนาว

[OPINION] เหตุผลที่ ลิเวอร์พูล ไม่ควรปล่อย "ดิว็อค โอริกี้" ในตลาดหน้าหนาว

[OPINION] เหตุผลที่ ลิเวอร์พูล ไม่ควรปล่อย "ดิว็อค โอริกี้" ในตลาดหน้าหนาว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดิว็อค โอริกี้ กองหน้าตัวสำรองของสโมสร ลิเวอร์พูล แชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อซีซันที่แล้วถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทางสโมสรตั้งเป้าจะผองถ่ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์ หลังจากพวกเขาจัดการเสริมทีพในแดนหน้าด้วยการดึง ทาคุมิ มินามิโนะ มาตั้งแต่เดือนมกราคม และทุ่ม 41 ล้านปอนด์เป็นค่าตัวของ ดิโอโก้ โชต้า จาก วูล์ฟแฮมป์ตัน

ทำให้ตลาดหน้าร้อนที่ผ่านมามีข่าวว่า เดอะเร้ดส์ หวังทำเงินจากกองหน้าทีมชาติเบลเยียมราว ๆ 15 ล้านปอนด์ โดยมี เฟเนร์บาเช ทีมดังจากตุรกีที่ยื่นข้อเสนอต้องการขอยืมตัวไปใช้งานเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล พร้อมด้วยออปชันในการซื้อขาดในภายหลัง รวมทั้งอีกหลายทีมในอังกฤษอย่าง ฟูแลม, นิวคาสเซิล, ไบรท์ตัน และ แอสตัน วิลลา ที่อยู่ในข่ายให้ความสนใจเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ โอริกี ก็ยังคงนั่งอยู่บนม้านั่งสำรองของทีม หงส์แดง ต่อไป พร้อมด้วยโอกาสในการลงสนามที่ริบหรี่ลงกว่าเดิม

อันที่จริงแล้วสถานภาพเช่นนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ดาวยิงวัย 25 ปีคุ้นเคยอยู่แล้ว เนื่องจากเจ้าตัวถือเป็นตัวเลือกอันดับสองมาตั้งแต่สมัยของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จนมาถึงยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ และเคยถูกส่งไปให้ โวล์ฟบวร์ก ยืมตัวไปใช้งานเมื่อ 2 ปีก่อน ก่อนจะกลับมาสู้เพื่อตัวจริงและโด่งดังอีกครั้งจากการยิงประตูชี้ขาดชัยชนะในเกมรอบเซมิไฟนอล ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก กับ บาร์เซโลนา และทำประตูปิดกล่องพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ในปีเดียวกัน

Divock OrigiDivock OrigiLiverpool v Barcelona - UEFA Champions League Semi Final: Second Leg | Clive Brunskill/Getty Images

ด้วยผลงานอันน่าประทับใจ ในอีก 2 เดือนต่อมา โอริกี ก็ได้รับการต่อสัญญาใหม่โดยมีระยะเวลาถึงปี 2024 แต่สถานการณ์ของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น เจ้าตัวไม่ได้มีส่วนร่วมมากนักในซีซันที่แล้วที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี และยิ่งเมื่อมองดูจากการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ โอกาสในการลงสนามก็ยิ่งน้อยลงจนแทบจะไร้ตัวตน นั่นจึงทำให้หลายคนมองว่าอนาคตของดาวยิงวัย 25 ปีในถิ่น แอนฟิลด์ นั้นใกล้จะหมดลงเต็มที

โดยเชื่อกันว่าตลาดหน้าหนาวในเดือนมกราคม โอริกี ต้องหาที่อยู่ใหม่อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูจากสถานการณ์ภายในทีม ณ ปัจจุบันก็มีคำถามตามมาว่า ในช่วงเวลาเช่นนี้ ลิเวอร์พูล ควรจะปล่อยกองหน้าเบลเจี้ยนออกจากทีมจริง ๆ หรือ?

เป็นที่ทราบกันดีว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งจะเจอบทเรียนสำคัญ หลังจากการขาย เดยัน ลอฟเรน กองหลังตัวสำรองออกจากทีมและยืนยันว่าจะไม่ซื้อใครเข้ามาแทน จนกระทั่ง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ เซ็นเตอร์แบ็คตัวหลักได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องพักอย่างน้อยครึ่งปี รวมทั้ง โจเอล มาติป ที่ยังผีเข้าผีออกเดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวหาย ทำให้ตอนนี้เขาเหลือกองหลังอาชีพเพียง โจ โกเมซ คนเดียวเท่านั้น

Virgil van Dijk, Jordan PickfordVirgil van Dijk, Jordan PickfordEverton v Liverpool - Premier League | Laurence Griffiths/Getty Images

แม้ว่าจะใช้งาน ฟาบินโญ แก้ขัดไปได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าจะไว้วางใจได้ไปตลอด พวกเขาต้องการใครซักคนเข้ามาแก้ปัญหาเกมรับซึ่งต้องรอถึงเดือนมกราคมจึงจะสามารถทำการดึงเซ็นเตอร์แบ็คคนใหม่มาร่วมทีมได้

เมื่อย้อนกลับมาที่ ดิว็อค โอริกี แน่นอนว่าตอนนี้เมื่อดูรายชื่อกองหน้าของ ลิเวอร์พูล ถือได้ว่าล้นหลามและคับคั่ง นอกจาก โมฮาเม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน, ทาคุมิ มินามิโนะ และ ดิโอโก้ โชต้า ยังไม่นับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน และ เซอร์ดาน ชากิรี ที่สามารถเล่นด้านกว้างได้เช่นกัน

ดังนั้นหากคิดมุมหนึ่งการปล่อยตัวดาวยิงเบลเยียมในเดือนมกราคมอาจจะไม่ส่งผลอะไรต่อทีม แต่หากคิดอีกมุม เมื่อมองดูสถานการณ์ปัจจุบันในกรณีของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ยังไม่นับปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่าง การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษและยุโรปที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง และโปรแกรมการแข่งขันที่เริ่มเข้าสู่ช่วงของการลงเล่นแบบถี่ยิบที่ทำให้พวกเขาต้องลงสนามประมาณ 3 เกมต่อสัปดาห์ จึงอาจจะต้องทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ กลับมานั่งทบทวนว่าเขาจะยอมตัดใจปล่อย โอริกี ออกจากทีมจริง ๆ หรือ

ไม่ต้องไปไกล เอาแค่ตารางการแข่งในสัปดาห์นี้ที่ หงส์แดง ต้องเจอกับ มิดทิลแลนด์ ใน แชมเปี้ยนส์ลีก ในคืนวันอังคาร และต้องต้อนรับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ใน พรีเมียร์ลีก คู่วันอาทิตย์ จากนั้นกลับไปเล่นฟุตบอลยุโรปอีกครั้งในการเยือน อตาลันต้า ในอีก 3 วันถัดไป และปิดท้ายด้วยเกมสำคัญในการบุกไปฟัดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในอีก 5 วันถัดจากนั้น

Juergen KloppJuergen KloppAjax Amsterdam v Liverpool FC: Group D - UEFA Champions League | DeFodi Images/Getty Images

เรียกได้ว่าในรอบ 15 วันพวกเขาต้องลงเล่นถึง 5 เกมหรือเฉลี่ย 3 วันต่อ 1 นัดกันเลยทีเดียว

ดังนั้นการมีขุมกำลังสำรองเชิงลึกหรือภาษาฟุตบอลที่เรียกว่า Deep Squad นั้นจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างที่สุด เพราะการกรำศึกหนักเช่นนี้แน่นอนว่าผู้จัดการทีมไม่สามารถส่ง 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดลงสนามได้ทุกนัด และไม่อาจคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่

ยังไม่ต้องพูดถึงฟุตบอล เอฟเอคัพ ที่จะกลับมาเตะกันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และโปรแกรมการแข่งขันจะเป็นเช่นนี้ไปเกือบทั้งซีซันหากว่า หงส์แดง มีลุ้นแชมป์และเข้าถึงรอบลึก ๆ ในฟุตบอลถ้วย การหมุนเวียนนักเตะจึงเป็นหนทางที่ทำให้ทีมมีความฟิตและสดพอที่จะรับมือกับโปรแกรมมหาโหดเหล่านี้ได้

แต่หาก ลิเวอร์พูล ยังยืนกรานที่จะต้องปล่อย โอริกี ให้ได้ แน่นอนว่าพวกเขาก็จะต้องดึงคนใหม่เข้ามาแทนอยู่ดีหรือไม่ก็ดันดาวรุ่งขึ้นมาสำรอง แต่เมื่อลองหันไปมองในตลาดซื้อขายหน้าหนาวจะมีมีผู้เล่นซักกี่คนที่ฝีเท้าพอฟัดพอเหวี่ยงกับดาวเตะเบลเจี้ยนและสามารถย้ายทีมได้ในราคาแค่ 15 ล้านปอนด์

Divock Origi, Javier ManquilloDivock Origi, Javier ManquilloNewcastle United v Liverpool FC - Premier League | Pool/Getty Images

มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาผู้เล่นที่มีประสบการณ์ มีคุ้นเคยกับระบบของทีม และพร้อมจะลุกจากม้านั่งสำรองมาช่วยแก้ไขสถานการณ์ แม้กระทั่งเป้าหมายที่ ลิเวอร์พูล เคยตกเป็นข่าวต้องการตัวอย่าง เยเรมี โดกู กองหน้าดาวรุ่งสัญชาติเดียวกันกับ โอริกี ที่ระเบิดฟอร์มกับ อันเดอร์เลช เมื่อซีซันก่อนและเพิ่งย้ายไปร่วมทีม แรนส์ ใน ลีกเอิงด้วยค่าตัวสูงถึง 23.4 ล้านปอนด์ นั่นก็ถือว่าแพงเกินไปสำหรับดาวยิงวัยเพียง 18 ปีที่เพิ่งมีประสบการณ์ในฟุตบอลระดับสูงเพียงปีเดียวเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อมองดูจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้จึงมีเหตผลอย่างเพียงพอที่ ลิเวอร์พูล ยังไม่ควรจะปล่อย ดิว็อค โอริกี ออกจากทีมในช่วงเดือนมกราคม

จะไปแล้วตัวนักเตะเองก็ไม่เคยออกมาโวยวายขอโอกาสในการลงสนามหรือเรียกร้องต้องการย้ายทีม แถมยังดูเหมือนว่าเจ้าตัวแฮปปี้กับบทบาทพระรองและต้องการอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ เพื่อค้าแข้งกับหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกต่อไปด้วยซ้ำ

อย่างน้อยการเก็บไว้จนจบซีซันก็น่าจะทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ อุ่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าเขายังมีผู้เล่นที่พร้อมหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลาเพื่อลุ้นแชมป์กันยาว ๆ ต่อไป

Jurgen Klopp, Divock Origi, Xherdan ShaqiriJurgen Klopp, Divock Origi, Xherdan ShaqiriArsenal FC v Liverpool FC - Premier League | Pool/Getty Images

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook