เก็บตกหลังเกม! ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรัวแซง เวสต์แฮม 2-1 ซิวชัยผงาดยึดจ่าฝูง

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเบียดเอาชนะ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปได้แบบลุ้นเหนื่อย 2-1 เก็บสามแต้ม พร้อมทะยานแซง เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำจ่าฝูงทันทีแต่แข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด และนี่คือประเด็นเด่นที่เกิดขึ้นในเกมนัดนี้

1. คล็อปป์ แก้เกมได้ตรงจุดJurgen KloppLiverpool v West Ham United - Premier League | Pool/Getty Images

ในช่วง 70 นาทีแรกของเกมนี้ ต้องชมแนวรับของ เวสต์แฮม ที่สามารถรับมือกับเกมรุกอันดุดันของเจ้าถิ่นได้อย่างยอดเยี่ยม จน ลิเวอร์พูล แทบหาจังหวะได้ลุ้นแบบเน้น ๆ ในกรอบเขตโทษไม่ได้เลย กระทั่ง เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจถอด 2 แข้งที่เล่นไม่ออกในวันนี้ออกไปอย่าง เคอร์ติส โจนส์ และ โรแบร์โต ฟิร์มิโน และส่ง ชากิรี และ โจต้า ลงมาแทน ซึ่งนั่นทำให้เกมรุกของ หงส์แดง ดูจะมีมิติในการเข้าทำมากขึ้นในทันที่ และอย่างที่ทราบกันว่า การประสานงานของ 2 ตัวสำรองในเกมนี้กลับกลายเป็นที่มาของ 3 คะแนนในบ้านอันล้ำค่า ซึ่งส่งผลให้พวกเขาทะยานขึ้นเป็นจ่าฝูงของตารางชั่วคราวเป็นที่เรียบร้อย

2. ไม่มี ฟาน ไดค์ แต่คว้าชัย 4 นัดติดJoe Gomez, Nathaniel Phillips, Jurgen KloppLiverpool v West Ham United - Premier League | Pool/Getty Images

หลังจากที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ต้องปิดเทอมยาวจากการบาดเจ็บในเกมที่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากวันนั้นจากที่หลายคนเคยคาดว่า ลิเวอร์พูล จะมีปัญหาในเกมรับจนอาจทำให้ผลงานของทีมย่ำแย่ลงไป ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งต้องชมมันสมองของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของทีมไปแม้จะไม่มีกองหลังตัวเก่งลงมาประจำตำแหน่ง ด้วยการสั่งให้ทุกคนในทีมเน้นเกมรับมากขึ้น ทั้งเกมริมเส้นและแดนกลางที่เห็นได้ชัดว่าลงมาไล่ช่วยไล่บอลกันในแดนตัวเองวันนี้ และไม่เน้นเกมเพลสซิ่งสูงเหมือนก่อน จึงทำให้ที่ผ่านมาตลอด 4 นัดที่ไม่มีปราการหลังชาวฮอลแลนด์ลงสนาม พวกเขาก็แทบไม่มีปัญหาในการเล่นเกมรับเลยแต่อย่างใด แถมยังสามารถคว้าชัยนะรวด 4 เกมและเสียไปเพียง 2 ประตูเท่านั้น

3. หรือ "บ็อบบี้" ควรพักข้างสนามได้แล้วRoberto FirminhoLiverpool v West Ham United - Premier League | Pool/Getty Images

แม้ว่า โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ จะถูกเรียกว่าเป็น 1 ในสามประสานที่ว่ากันว่าลงตัวที่สุดของ ลิเวอร์พูล แต่ผลงานโดยเฉพาะในฤดูกาลนี้มันไม่ได้เป็นไปตามคำกล่าวนั้นสักเท่าใดนัก ไม่เพียงแค่ผลงานการทำประตูหรือการแอสซิสต์ที่เรายังแทบไม่เห็นเลยในซีซั่นนี้ (1 ประตู 2 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ) แต่ผลงานในสนามมันยิ่งบอกชัดเจนถึงบทบาทการมีส่วนร่วมของเขากับทีม เพราะหากดูตลอด 70 นาทีในวันนี้เขาแทบไม่มีอิมแพคใด ๆ กับเกม แถมยังไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับเกมรุกได้เลย ในขณะที่การส่ง โชต้า ลงมา กลับทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างชัดเจน ซึ่งนี่ไม่ใช่เกมแรก !

หรือว่าอาจถึงเวลาแล้วที่ คล็อปป์ จะเริ่มทบทวนแนวทางการจัดตัวผู้เล่นใหม่เสียที เมื่อของเก่าที่มีมันเริ่มขาดประสิทธิภาพ อาจถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงและลองใช้งานของใหม่ที่รอโอกาสอยู่ข้างสนามแบบจริง ๆ จัง ๆ ดูเสียทีก็เป็นได้