มุสตาฟา ฮัดจิ : นักเตะที่ดังคับโลกเพราะ France '98 และวินนิ่ง 3
หากคิดจะเอ่ยถึงนักฟุตบอลที่เป็น "เทพวินนิ่ง" นอกจากเหล่าทวยเทพทีมชาติ ไนจีเรีย แล้ว เชื่อว่าอีกหลายคนคงจะจดจำแข้งเทพหมายเลข 7 ของทีมชาติโมร็อกโกอย่าง มุสตาฟา ฮัดจิ ได้เป็นอย่างดี
คำนิยามที่หลายคนเอ่ยถึงเขา ไม่ว่าจะในอดีตเมื่อ 20 กว่าปีก่อน หรือแม้กระทั่ง ณ ปัจจุบัน มักจะบอกว่า ฮัดจิ เป็นนักเตะริมเส้นที่เร็วปรู๊ดปร๊าดตามแบบฉบับวิงเกอร์สมัยใหม่ จบสกอร์ได้เฉียบคมและหนักหน่วง
และในวาระที่ Main Stand Gaming กำลังจะจัดแข่งขันเกมวินนิ่งหรือ PES (Pro Evolution Soccer) ในปัจจุบัน เพื่อท้าชิงเงินรางวัลสูงที่สุดในประเทศไทยรวม 4 ซีซั่น 1 ล้านบาท ! เราจะพาทุกท่านย้อนกลับไปวันวาน ทำไม ฮัดจิ จึงดังในหมู่คนไทยและคอวินนิ่งมากมายนัก ทั้ง ๆ ที่ตัวจริงของเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรชัดเจน และไม่มีถ้วยรางวัลใหญ่ ๆ ติดไม้ติดมือเลย ... ติดตามได้ที่นี่
ยุคที่ฟุตบอลเลือกคนดู
ทุกวันนี้แม้แต่ฟุตบอลญี่ปุ่นก็ยังส่งตรงมาถึงหน้าจอมือถือของเรา ไม่ว่าจะออกไปไหนมาไหน ไม่ใช่ปัญหา สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวครอบจักรวาลหาดูบอลได้จากทุกลีกทั่วโลก
Photo : gh.opera.news
เมื่อเป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะนักฟุตบอลคนใด จะลีกเล็กลีกใหญ่ก็สามารถหาติดตามฟอร์มได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการถ่ายทอดสดหรือไฮไลต์ นั่นคือข้อได้เปรียบของคอบอลยุคนี้ ทว่าในอีกทางการได้เห็นด้วยตาก็ทำให้เราสูญเสียจินตนาการบางส่วนลงไป จินตนาการที่หากพูดตรง ๆ มันคือการมโนว่านักเตะคนนี้เล่นเป็นอย่างไร เก่งมากขนาดไหน เพราะย้อนกลับไป 20 กว่าปีก่อน นับเฉพาะในประเทศไทยนั้นฟุตบอลยุโรปหาดูยากมาก แม้จะมีลีกอังกฤษให้ได้ดูบ้าง แต่ลีกอื่น ๆ อย่าง อิตาลี หรือ สเปน นั้นแทบไม่มี ต้องรออ่านข่าว หรือนักเตะเหล่านั้นมาปรากฎตัวในช่วงสรุปไฮไลต์ของรายการฟุตบอลต่าง ๆ เช่น เจาะสนาม หรือ ภาพกีฬามัน ๆ เท่านั้นเอง
การได้เห็นเพียงแว้บ ๆ และเอาภาพไปคิดต่อ ทำให้เรามีจินตนาการในแบบของตัวเอง ยิ่งประกอบกับยุคที่ฟุตบอลถ่ายทอดสดหาดูยากนั้น มีฟุตบอลโลกเสมือนจริงอย่าง วินนิ่ง อีเลฟเว่น 3 คนเรายิ่งมโนกันได้สนุกไปกันใหญ่ เพราะมีเกมเป็นจุดตั้งต้นให้ต่อยอด ดังนั้นค่าพลังในเกมจึงมีส่วนมาก ๆ และหลายคนก็เอาไปคิดเป็นจริงเป็นจังว่านักเตะคนนี้ต้องสไตล์นี้ วิ่งเร็วขนาดนี้ ยิงแรงขนาดนี้ ... ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วอาจจะไม่ใช่เสมอไป
หากคอบอลหรือคอเกมวินนิ่งในยุคนั้นยังพอจดจำกันได้ เราใช้ เอ็นวานโก้ คานู เป็นตัวโหม่งและคิดว่าเขาคือนักเตะที่โหม่งดีที่สุดในเกม เพราะมีส่วนสูง 197 เซนติเมตร ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วแทบไม่ปรากฎภาพที่คานูกระโดนลอยตัวโขกเต็มหัวเสียบเสาสุดสวยในสนามจริงเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นสายคล่องและพริ้วเทคนิคเยี่ยม ว่าง่าย ๆ คือเล่นบอลกับพื้นดีกว่าลูกกลางอากาศเยอะ สวนทางกับเกมลิบลับ ... นี่คือตัวอย่างของการจินตนาการโดยมีเกมวิ่นนิ่งเป็นข้อมูลอ้างอิง ซึ่งนอกจากคานูแล้ว ที่ชัด ๆ เลยก็คือ 2 เพื่อนร่วมทีมชาติของเขาอย่าง ทิยานี่ บาบันกิด้า และ ดาเนี่ยล อโมคาชี่ ที่มีสปีด 9 เร็วจนหลายคนคิดว่าทั้งคู่เทพระดับเดียวหรือเป็นรองเล็ก ๆ หากเทียบกับ โรนัลโด้ เลยด้วยซ้ำ
ส่วนความจริงนั้น ต้องยอมรับว่ามีไม่กี่คนหรอกจะได้เห็นการวิ่งของและการยิงประตูของนักเตะ 2 คนนี้บ่อย ๆ สำหรับ อโมคาชี่ อาจจะพอหาดูได้บ้างเนื่องจากเคยมาเล่นกับ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงสั้น ๆ แต่ บาบันกิด้า นั้นแทบเป็น 0 เลยสำหรับข้อมูลในโลกความจริงของเขา ณ เวลานั้น ... แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะจินตนาการของเรามันไปไกลเกินกว่าจะตามหาหลักฐานไปเสียแล้วนั่นเอง
ส่วนพระเอกของเรื่องในวันนี้ของเราอย่าง มุสตาฟา ฮัดจิ นั้นแตกต่างไปจากในส่วนของ คานู, บาบันกิด้า และ อโมคาชี่ เสียหน่อย เพราะในช่วงที่วินนิ่ง 3 วางแผงในปี 1998 เขาก็เริ่มมีชื่อเสียงแล้ว ในฐานะตัวความหวังของทีมชาติโมร็อกโก ทำให้หลายคนเห็นมากับตาแล้วว่า "ไม่ธรรมดา" จนทำให้เราจินตนาการและมโนถึงการเล่นโดยรวมของเขาได้อย่างเข้าใกล้ความจริงมากกว่า
ในปี 1998 วินนิ่ง 3 วางแผงถึง 2 ครั้ง เวอร์ชั่นแรกคือ Winning Eleven 3 World Cup France '98 ซึ่งวางขายก่อนศึกฟุตบอลโลก อันเป็นเวอร์ชั่นที่พวกแข้ง ไนจีเรีย ทั้งหลายดังขึ้นมานั่นแหละ แต่ในเวอร์ชั่นที่ 2 ซึ่งวางขายหลังฟุตบอลโลก 1998 จบลงในชื่อ Winning Eleven 3 Final Version นั่นแหละ ทำให้คนไทยที่ไม่ว่าจะดูฟุตบอลโลกครั้งนั้นหรือไม่ต่างก็รู้จักชื่อ Hadji กันอย่างแพร่หลาย ... ด้วยเหตุผลจากเกมวินนิ่งล้วน ๆ
เทพวินนิ่ง
ฮัดจิ ถูกโมค่าพลังใหม่ในวินนิ่ง 3 Final Version โดยอ้างอิงจากสิ่งที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 1998 ซึ่ง ณ เวลานั้นเขาเป็นตัวความหวังของทีมชาติโมร็อกโกที่อยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับแชมป์เก่าอย่าง บราซิล, นอร์เวย์ และ สก็อตแลนด์
โดยในรอบแบ่งกลุ่มครั้งนั้น ฮัดจิ ถือว่าเป็นนักเตะที่เด่นที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เขาลงสนามนัดแรกด้วยการยิง 1 ประตูและทำไปอีก 1 แอสซิสต์ ในเกมเสมอกับ นอร์เวย์ 2-2 (เกมดังกล่าว เปาอั๋น - ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ เป็นผู้ตัดสินด้วย), ในเกมที่ 2 นั้นแพ้ บราซิล 0-3 แบบไม่น่าเซอร์ไพรส์อะไร ก่อนที่เกมสุดท้ายกับ สก็อตแลนด์ นั้น ฮัดจิ แสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ ทำทุกอย่างได้อย่างสุดยอดไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงที่คล่องแคล่ว รูปลักษณ์ของชายผมยาวมัดหางม้าวิ่งแซงและหลอกกองหลังของสก็อตแลนด์ครั้งแล้วครั้งเล่า คือหนึ่งในภาพคลาสสิกที่สุดของฟุตบอลโลกครั้งนั้น
แม้จะจบลงด้วยดราม่านัดสุดท้ายเพราะ นอร์เวย์ ดันพลิกนรกยิง 2 ประตูท้ายเกมเอาชนะ บราซิล ไป 2-1 ทำให้ โมร็อกโก ตกรอบไปอย่างเจ็บปวด แต่ทุกคนได้เห็นกับตาแล้วว่า เบอร์ 7 ของ โมร็อกโก นั้นไม่ธรรมดา ณ เวลานั้นเชื่อว่าน้อยคนจะรู้ว่าเขามาจากสโมสรไหน แต่ฟอร์มในฟุตบอลโลกทำให้มีแต่คนคาดเดาว่าเขาจะเป็นนักเตะที่ดีและได้เล่นกับทีมที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
หลังจากฟุตบอลโลกจบลงไม่นาน ค่าพลังในเกมวินนิ่ง 3 Final Version ก็ปรากฎขึ้น ฮัดจิ ได้ค่าพลังที่โหดจัดสูสีกับ ริวัลโด้ และ ซีเนดีน ซีดาน เลยด้วยซ้ำ Stamina 8, Speed 8, Kick 8, Pass 8, Curve 7 และ Jump 6 คือค่าพลังของฮัดจิที่เรียกว่าตัวท็อปของภาคได้สบาย ๆ
Photo : www.taigames.mobi
นอกจากนี้ยังเป็นจังหวะดีของภาคนี้ที่มีทีมรวมดาราโลกปรากฎขึ้นมา ทำให้ ฮัดจิ ซึ่งติดอยู่ในทีมรวมดาราโลกพร้อม ๆ กับ โรนัลโด้, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, กาเบรียล บาติสตูต้า และ พาทริก เอ็มโบม่า ได้กลายเป็นนักเตะที่ถูกแฟนวินนิ่งใช้ลงแข่งขันอย่างแพร่หลาย เพราะเดิมทีนั้นต้องยอมรับว่าคงไม่มีใครชอบเล่นทีม โมร็อกโก แข่งกับเพื่อนหรือแม้กระทั่งแข่งกับคอมแน่นอน เพราะนอกจาก ฮัดจิ แล้ว แทบไม่มีนักเตะคนไหนที่พึ่งพาได้มากมายนัก
ดังนั้นถือได้ว่าฟุตบอลโลกปี 1998 คือจุดเปลี่ยนชีวิตของเขาอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในเกมหรือ "ชีวิตจริง" ที่ได้รางวัลนักเตะแอฟริกายอดเยี่ยมประจำปี 1998 มีโอกาสย้ายจาก เดปอร์ติโว ลา คอรุนญ่า ไปอยู่กับในลีกอังกฤษที่เริ่มบูมสุด ๆ ในยุคนั้นกับ โคเวนทรี แม้จะเป็นทีมเล็ก ๆ แต่การย้ายทีมของ ฮัดจิ ในครั้งนั้นได้รับการจับตามองและสร้างความตื่นเต้นแบบสุด ๆ ไปเลย ...
เห็นกับตาไม่ต้องมโน
การย้ายทีมไป โคเวนทรี ของ ฮัดจิ เป็นอะไรที่น่าประหลาดใจ เพราะเขาเองก็ถือว่าเป็นตัวท็อปของฟุตบอลโลกครั้งนั้น หากนึกภาพไม่ออกก็อยากให้มองไปที่ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ของ รัสเซีย ในฟุตบอลโลก 2018 เอาไว้ ที่เป็นทุกอย่างให้ทีม เล่นดีทุกนัด และมีข่าวกับทีมดัง ๆ มากมายหลังการแข่งขันจบลง ทว่าเจ้าตัวกลับเลือกไปอยู่กับ โมนาโก ในลีกเอิง ... ดังนั้นการไปซบ โคเวนทรี ทำให้หลายคนสงสัยว่าเขาคิดอะไรอยู่
Photo : www.coventrytelegraph.net
ตัวของ ฮัดจิ ให้สัมภาษณ์ตอนย้ายมาใหม่ ๆ ได้อย่างฮือฮา เขาบอกว่าเขามาที่นี่เพื่อจะพา โคเวนทรี เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ... อย่าเพิ่งขำ มันคือเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากก็จริง แต่ ฮัดจิ แค่ต้องการจะสื่อว่าเข้ามาที่นี่เพื่อจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มี เพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จให้มากที่สุด ไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นเทพที่วางตัวเหนือคนอื่นและโชว์สกิลไปวัน ๆ แบบที่หลายคนกังวล
"ผมมีโอกาสย้ายไปทีมใหญ่อย่าง เปแอสเช หรือ มาร์กเซย หรือแม้กระทั่ง ลิเวอร์พูล แต่ผมทำให้หลายคนประหลาดใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ ผมคิดว่านี่คือสโมสรที่ดี ผมเลือกทีมนี้เพราะ กอร์ดอน สตรัคคั่น ซื้อใจผมได้ พบเจอเขาครั้งแรกและรู้ทันทีว่าผมสามารถทำงานร่วมกับคน ๆ นี้ได้ดี ผมแปลกใจ ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอกับคนที่สุดยอดอย่างเขา ขอบคุณมากจริง ๆ ที่เลือกผม" ฮัดจิ กล่าว
การเข้ามาของฮัดจิ นั้นเรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ของ โคเวนทรี และสังเวียน ไฮฟิลด์ โร้ด แบบสุด ๆ ในเวลานั้น เพราะมีตัวเปรียบเทียบอย่างชัดเจนเพราะในตลาดเดียวกัน โคเวนทรี ซื้อนักเตะโมร็อกโกอย่าง ยุสเซฟ ชิปโป้ เข้ามาร่วมทีมด้วย แต่สุดท้ายคนที่เฉิดฉาย มีแค่ ฮัดจิ เพียงคนเดียว
คลาสบอลของ ฮัดจิ จัดได้ว่าอยู่ในระดับเหนือจริง กล่าวคือเขาเหมือนปลาใหญ่ในบ่อเล็ก การเล่นให้กับ โคเวนทรี ที่เป็นทีมโซนล่างทำให้เขาได้แสดงศักยภาพออกมาเต็มที่ ยิง เลี้ยง จ่าย อยากเห็นอะไรก็ได้เห็นจากเขาทั้งหมด ภายในเวลาไม่นานเขาก็ถูกแฟนบอลสกายบลูส์ เรียกว่า "คัลท์ ฮีโร่" (ฮีโร่ขวัญใจแฟนบอล) และ "อาราเบียน ไนท์" (อัศวินจากอาหรับ) ... ประตูของเขาในเกมบ็อกซิ่งเดย์กับ อาร์เซนอล ยังคงตราตรึง การจับบอล 1 จังหวะ โยกหลอกเอียงตัวไปด้านซ้าย และปั่นโค้งเข้าเสาไกลผ่าน เดวิด ซีแมน ที่ได้แต่เซฟด้วยตา ซึ่งทำให้ โคเวนทรี ชนะไป 3-2 และเป็นชัยชนะที่สวยงามที่สุดในฤดูกาลนั้นอีกด้วย
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาอันเป็นที่น่าจดจำกลับมีเวลาไม่มากนัก หลังจากย้ายอยู่กับ โคเวนทรี และเป็นขวัญใจของแฟน ๆ ได้เพียง 2 ซีซั่น ทีมก็ยืนระยะไม่ได้และต้องตกชั้นไปในท้ายที่สุด ตัวของ ฮัดจิ ที่เป็นดาราหมายเลข 1 ของทีมก็ถูกขายให้กับ แอสตัน วิลล่า ไปในปี 2001 แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมายนัก ก่อนจะกลายเป็นแข้งพเนจรหลังจากนั้น ด้วยการไปเล่นกับ เอสปันญอล (สเปน), เอมิเรตส์ คลับ (ยูเออี), ซาร์บรู๊กเค่น (เยอรมนี) และ โฟล่า อีช (ลักเซมเบิร์ก) ก่อนแขวนสตั๊ดไปในปี 2010
อย่างไรก็ตามสำหรับ ฮัดจิ แล้ว เขายังเป็นที่จดจำของแฟน ๆ สกายบลูส์เสมอ แม้กระทั่งทุกวันนี้ เสื้อแข่งของ โคเวนทรี ในยุคปี 1999-2001 สกรีนสปอนเซอร์ SUBARU แบรนด์รถยนต์ตราดาวลูกไก่สายพันธุ์บ็อกเซอร์จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตรงยุคของ ฮัดจิ ก็ถือเป็นเสื้อรุ่นที่ได้รับความนิยมจากแฟน ๆ ซึ่งยังใส่ไปเชียร์ โคเวนทรี ณ ปัจจุบัน โดยนับตั้งแต่ที่ตกชั้น สกายบลูส์ ไม่เคยกลับมาเล่นในลีกสูงสุดได้อีกเลย
แม้ชื่อเสียงอันโด่งดังของ ฮัดจิ จะมาไวไปไว ทว่าการระเบิดฟอร์มของเขาแต่ละตู้มนั้นก็ดังพอที่จะทำให้ทุกคนให้ความสนใจ ไว่ว่าจะเป็นฟอร์มสุดยอดในฟุตบอลโลก 1998, ฟอร์มพระเจ้าของ โคเวนทรี ในปี 1999-2001 หรือแม้กระทั่งสุดยอดตัวรุกที่ทั้งเร็วทั้งแรงในรวมดาราโลกของวินนิ่ง 3 ... แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มและกลายเป็นตำนานในแบบที่เขาควรจะภูมิใจกับมันอย่างที่สุด
Photo : www.theguardian.com
สำหรับหลายท่านที่เคยมีความทรงจำกับนักเตะเก่า ๆ ในอดีตและยังคงเล่นเกมวินนิ่งหรือ PES ในปัจจุบัน เราเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนคงจำความรู้สึกที่ได้เล่นและบังคับใช้งานนักเตะในตำนานเหล่านี้เมื่อครั้งอดีตเป็นอย่างดี การส่งบอลให้และลากไปยิงคนเดียวแบบไม่แบ่งใคร การยิงไกลทุกจังหวะ การทำชิ่งวันทู และการใช้ โรนัลโด้ กับ โรแบร์โต้ คาร์ลอส เป็นกองหน้านั้น คือความบันเทิงที่ไม่มีทางจะลืมได้ง่ายๆ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน