"อันเดรส ตูเญซ" : ชีวิตสุดพลิกผันในเมืองไทยจากการระบาดของ COVID-19
อันเดรส ตูเญซ คือชื่อที่คุ้นหูของแฟนฟุตบอลไทย ในฐานะยอดกองหลังฝีเท้าดี ที่ประสบความสำเร็จกวาดแชมป์ไทยลีก 4 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย และ ลีกคัพ 2 สมัย ร่วมกับทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ทำให้ตูเญซกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานของทัพปราสาทสายฟ้า ยากที่ใครจะจินตนาการว่า วันหนึ่งเขาจะอำลาสโมสรเพื่อย้ายไปอยู่กับทีมคู่แข่งลุ้นแชมป์ในไทยลีก
แต่ฟุตบอลไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ตูเญซยกเลิกสัญญากับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมกับข่าวลือที่ว่า เขาจะกลับสู่สเปน ประเทศที่ตนเติบโตมา แต่ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เขากลับเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
เขาต้องเผชิญหน้ากับชีวิตที่สุดคาดเดาในปี 2020 ไม่ว่าจะเป็นการต้องแยกจากสโมสรที่เขาผูกพัน ไม่สามารถกลับไปหาครอบครัวที่สเปนได้ตามแผน รวมถึงความท้าทายใหม่ที่เข้ามาในผู้เล่นตัวความหวังของทัพกระต่ายแก้ว
เหตุเกิดจากการจากลา
ย้อนไปในการแข่งขันไทยลีกนัดที่ 34 หรือเกมสุดท้าย ประจำฤดูกาล 2019 การชิงแชมป์ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด คือสิ่งที่แฟนฟุตบอลไทยคอยจับตาว่า ทีมใดจะได้ครองแชมป์อันทรงเกียรติในบั้นปลาย
ทีมที่กุมความได้เปรียบคือทัพปราสาทสายฟ้า ในฐานะจ่าฝูง พวกเขาขอแค่เพียงชัยชนะ เชียงใหม่ เอฟซี ที่ตกชั้นไปแล้ว เพื่อคว้าแชมป์ไทยลีกเป็นสมัยที่ 7 ของสโมสร
ทว่าผลเสมอกับ เชียงใหม่ เอฟซี ทำให้บุรีรัมย์ปล่อยแชมป์ลีกหลุดมือต่อหน้าต่อตา บวกกับความล้มเหลวในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย ที่ไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองแม้แต่รายการเดียว
ความเจ็บปวดและผิดหวังเกิดขึ้นในจิตใจของนักฟุตบอลทัพปราสาทสายฟ้าทุกคน รวมถึง อันเดรส ตูเญซ กองหลังตัวหลักของทีมชาวเวเนซูเอลา
"เพราะเราทำแชมป์หลุดมือในเกมสุดท้าย สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมวันนั้น บวกกับผลลัพธ์ที่ตามมา มันเจ็บปวดเกินกว่าที่จิตใจผมจะรับไหว เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากสำหรับผม กว่าจะทำใจกับเรื่องนี้ได้ ใช้เวลาร่วม 2-3 เดือน"
"ผมจึงตั้งเป้าว่า จะพาบุรีรัมย์คว้าแชมป์อีกครั้งในปีนี้ (ฤดูกาล 2020) ผมกระหายมากนะ อยากแก้มือ เป็นแชมป์ลีกอีกสักครั้ง"
ปราการหลังวัย 33 ปี ยังคงได้รับความไว้ใจจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้เป็นกำลังหลัก คุมแนวรับของทีมต่อในฤดูกาล 2020 แต่ว่าผลงานของทีมปราสาทสายฟ้ากลับไม่เป็นตามที่หวัง จากการเก็บได้เพียงแค่ 4 คะแนน จาก 4 นัด ถือว่าเป็นความล้มเหลวสำหรับทีมลุ้นแชมป์อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เมื่อเกิดการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 ในบ้านเรา ส่งผลให้ฟุตบอลไทยลีกต้องเลื่อนการแข่งขันออกไป
ไทยลีกได้มีการเปิดตลาดซื้อขายนักเตะรอบพิเศษที่ทุกทีมสามารถโยกย้ายผู้เล่นได้อีกคำรบ ด้วยผลงานที่ไม่สู้ดีของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
30 เมษายน 2020 การประกาศยกเลิกสัญญาระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ อันเดรส ตูเญซ กลายเป็นข่าวดังของวงการฟุตบอลไทย เพราะเป็นการยุติช่วงเวลาอันยาวนานเกือบ 6 ปี ระหว่างทีมปราสาทสายฟ้ากับกองหลังสัญชาติเวเนซูเอลา
นอกจากนี้ ข่าวที่ออกมาเปิดเผยว่า ตูเญซ เป็นคนต้องการยกเลิกสัญญา เพื่อกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่ประเทศสเปน นั่นหมายความว่า แฟนบอลชาวไทยจะไม่ได้เห็นนักเตะรายนี้ต่อหน้าต่อตาพวกเขาอีกแล้ว
"ผมไม่ปฏิเสธว่า ผมต้องการกลับประเทศสเปนตลอดเวลา เพราะครอบครัวผมอยู่ที่นั่น แต่ว่าความคิดที่ผมอยากจะกลับสเปน มันเริ่มมาจากเพราะผมต้องจากบุรีรัมย์ (เงียบสักพัก)"
"ผมไม่ได้รู้สึกอะไรนะ มันเป็นเรื่องปกติของโลกฟุตบอล วันหนึ่งแนวคิดของสโมสรกับนักเตะไม่ตรงกัน การจากลาจึงเกิดขึ้น เรื่องมันก็แค่นั้น"
"แน่นอน ผมรักบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยู่ที่นั่นมา 6 ปี คว้าแชมป์ร่วมกับทีมมากมาย คุณเนวิน (ชิดชอบ) และคุณกรุณา (ชิดชอบ) ดีกับผมมาก ให้โอกาสมากมายแก่ชีวิตของผม"
"แต่สำหรับฟุตบอล เมื่อเวลาของการเปลี่ยนแปลงมาถึง มันก็ต้องเปลี่ยน และเวลาของผมกับบุรีรัมย์ได้มาถึงแล้ว ในเมื่อผมต้องแยกทางกับบุรีรัมย์ ผมไม่รู้จะอยู่ประเทศไทยต่อเพื่ออะไร ผมจึงคิดจะกลับสเปน"
"แต่ว่าการระบาดของโควิด-19 เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง"
ชีวิตที่พลิกผัน
แม้ว่าคนไทยจะรู้จัก อันเดรส ตูเญซ ในฐานะคนสัญชาติเวเนซูเอลา จากดีกรีระดับนักเตะทีมชาติที่ติดตัวเขามาตลอด แต่แท้จริงแล้ว บ้านของนักเตะรายนี้คือประเทศสเปน
ตูเญซเกิดในเวเนซูเอลา แต่ครอบครัวของเขาเป็นชาวสเปน เมื่ออายุ 7 ขวบ ตูเญซเดินทางกลับสู่สเปนเพื่อใช้ชีวิตในอาเมส เมืองเล็กๆจากแคว้นกาลิเซีย ทางตอนเหนือของสเปน ที่มีประชากรประมาณ 2 หมื่นคน
สำหรับตูเญซ เขาได้เริ่มซึมซับความรักในกีฬาลูกหนังที่สเปน โดยเริ่มเซ็นสัญญาเยาวชนกับทีมท้องถิ่นในแคว้นกาลีเซีย เมื่อเขาอายุ 17 ปีเขาได้เซ็นสัญญากับ เซลตา บีโก ทีมยักษ์ใหญ่ประจำแคว้น และเริ่มเส้นทางนักเตะอาชีพร่วมกับสโมสรแห่งนี้
ตูเญซเติบโตและก้าวขึ้นเป็นนักเตะอาชีพในสเปน ผ่านการลงเล่นในลาลีกามาแล้ว เขามีความผูกพันกับประเทศสเปนอย่างมาก ใช้ชีวิตร่วม 20 ปี ณ ดินแดนแห่งนี้ นอกจากนี้ ครอบครัวของเขาได้ลงหลักปักฐานใช้ชีวิตบนแดนกระทิงดุอย่างถาวร นับตั้งแต่กลับมาจากเวเนซูเอลา
"ผมคุยกับทางเอเยนต์ว่า ถ้าเป็นไปได้ ให้ช่วยหาสโมสรใหม่ที่สเปน เพราะผมคิดถึงครอบครัวและเพื่อนฝูงที่นั่นเสมอ คุณรู้ไหมการจากบ้านมานานร่วม 7 ปีของผม ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ผมเองก็อายุ 33 ปี ผมคิดถึงบ้านมากๆ"
ไม่ใช่ครั้งแรกที่หากมีโอกาสเป็นใจ อันเดรส ตูเญซ จะเลือกกลับประเทศสเปน เพราะย้อนไปในปี 2017 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เคยปล่อยเขาออกไปยืมตัวกับสโมสรเอลเช เพื่อให้โอกาสนักเตะรายนี้ได้กลับไปดูแลครอบครัวของเขา
"ตอนนั้นคุณแม่ผมเสียชีวิต เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของผมและครอบครัว ซึ่งผมต้องการใช้เวลาช่วงนั้นดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย จนกระทั่งบุรีรัมย์ต้องการให้ผมกลับมาช่วยทีม จึงได้กลับประเทศไทยอีกครั้ง"
หากแต่เหตุการณ์ในปี 2020 ต่างจากปี 2017.. ครั้งนี้ตูเญซไม่มีสัญญาพันธะกับสโมสร เขามีโอกาสที่จะได้กลับบ้านเกิดอย่างถาวร แต่การระบาดของโควิด-19 ทำให้แผนการที่เขาวางเอาไว้ พังไม่เป็นท่า
"ผมไม่สามารถหาเที่ยวบินกลับสเปน ไม่มีแม้แต่เที่ยวเดียว ผมพยายามลองมองหาลู่ทางอื่น เช่น การบินไปเยอรมัน หรือ ตุรกี ก็ไม่มีเหมือนกัน"
"ยิ่งเวลาผ่านไป ผู้ป่วยในสเปนมีเยอะขึ้น จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง คนสเปนเริ่มเครียดกันมากกับโรคระบาด ผมเริ่มคิดว่าการกลับสเปน จะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องหรือเปล่า? เพราะถ้าไปที่นั่น แต่ภรรยากับลูกผมต้องใช้ชีวิตยากลำบาก ผมก็ไม่อยากกลับ"
"ช่วงนั้นผมเครียดนะ เพราะทำอะไรไม่ได้เลย เราไม่รู้ว่าชีวิตจะต้องเดินทางไหนต่อ ผมทำได้แค่รอเวลา และใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อดูว่าจะมีโอกาสไหนเข้ามาหาผมบ้าง?"
โอกาสที่ตูเญซรอคอยได้มาถึง แต่เป็นข้อเสนอในการเล่นฟุตบอลต่อที่เมืองไทยจากสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด กับสัญญา 2 ปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายกับการตัดสินใจ เพราะหากเขาเลือกจรดปากกาเซ็นสัญญา โอกาสในการกลับประเทศสเปน จะถูกปิดลงอย่างน้อย 2 ปี
"แน่นอนว่าผมอยากกลับสเปน ยืนยันในคำพูดนี้ แต่ว่าโลกฟุตบอลเป็นแบบนี้ เราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเราไม่สามารถปฏิเสธโอกาสที่เข้ามาในชีวิต"
"ตอนนั้นผมคิดไม่ตกเหมือนกัน เหมือนการต่อสู้ระหว่าง 2 ด้านในความคิด ฝั่งหนึ่งบอกว่า ผมอยากกลับบ้าน กลับไปสเปน หาครอบครัว และเพื่อน"
"แต่อีกด้านก็บอกว่า ผมยังอยากเล่นฟุตบอลในเมืองไทย โดยเฉพาะกับสโมสรใหม่ อยากเป็นแชมป์ไทยลีกอีกครั้ง เพื่อให้อาชีพการค้าแข้งของผม เป็นที่น่าจดจำมากกว่าเดิม"
"สุดท้ายผมจึงคิดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม คือภรรยา และลูก ผมต้องเลือกทางที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา ถ้าใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนแล้วมีความสุข ผมจะไปอยู่ที่นั่น"
"ถ้าผมอยู่ประเทศไทย และภรรยากับลูกของผมไม่มีความสุข ผมก็ไม่อยู่ แต่ว่าไม่ใช่ พวกเรายังคงแฮปปี้กับที่นี่"
"อีกด้าน ภรรยาของผมก็อยากให้ผมได้เล่นฟุตบอลอย่างมีความสุขที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมีข้อเสนอที่ดีเข้ามา เพราะไม่ต้องการให้ผมเสียใจในภายหลัง"
ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไป
หลังจากคิดทบทวนถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ อันเดรส ตูเญซ จรดปากกาเซ็นสัญญา 2 ปี กับบีจี ปทุม ยูไนเต็ด กลายเป็นการย้ายทีมภายในไทยลีก แทนที่จะเป็นการกลับสเปนของแข้งรายนี้
ข่าวการย้ายทีมของตูเญซดังไปทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่เพราะคลิปเปิดตัวสุดสร้างสรรค์ จนถึงขนาดสื่อสเปนชื่อดังอย่างมาร์กา (Marca) ยังต้องทำข่าว
แต่การย้ายทีมข้ามฟากระหว่างทีมลุ้นแชมป์ จากบุรีรัมย์ สู่บีจี ปทุม ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายว่า ดีลของตูเญซที่เกิดขึ้น มีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าที่แฟนบอลรู้ผ่านการนำเสนอของสื่อหรือไม่?
"มันไม่มีอะไรซับซ้อน ผมได้รับข้อเสนอจากทางบีจี และผมตัดสินใจเซ็นสัญญา ผมยอมรับว่านี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย แต่เมื่อผมได้รับโอกาส ได้คุยกับประธานสโมสร คุณปวิณ (ภิรมย์ภักดี) ที่ต้องการให้ผมเข้ามาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดให้กับทีม"
"เมื่อมีโอกาสเข้ามาที่จะให้ผมเล่นในฟุตบอลไทยต่อ ได้โอกาสให้ผมแก้มือกับการคว้าแชมป์ไทยลีกอีกครั้ง ผมจึงเลือกตอบรับโอกาสนี้ไว้ เพราะผมเชื่อว่าบีจีมีโอกาสเป็นแชมป์"
"เป้าหมายของสโมสรคือการอยู่รอดในลีกสูงสุดก็จริง แต่สำหรับตัวผม เป้าหมายของเราคือแชมป์เท่านั้น และผมรู้ดีว่า บีจีมีศักยภาพที่จะเป็นแชมป์"
"ผมอยู่ในทีมที่ดีมานาน รู้ว่าทีมไหนดีพอที่จะเป็นแชมป์ และบีจีชุดนี้ดีพอ ผมยอมรับว่าด้วยคุณภาพของบีจีที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ ทำให้ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมได้ง่ายขึ้น"
ด้วยความบังเอิญ เกมแรกที่ อันเดรส ตูเญซ จะได้ลงเล่นในสีเสื้อน้ำเงินของทัพกระต่ายแก้วอย่างเป็นทางการ มีคู่ต่อสู้เป็นอดีตต้นสังกัดอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้แฟนบอลคอยจับตาเกมการแข่งขันคู่นี้ ว่าจะมีเหตุการณ์ดราม่า ระหว่าง ตูเญซ กับ ทีมปราสาทสายฟ้า หรือไม่?
"ผมให้ความเคารพบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เสมอ ผมยังคงเป็นเพื่อนกับทุกคน แน่นอนว่าถ้าผมทำประตูได้ ผมจะไม่ดีใจแน่นอน"
"แต่ฟุตบอลคืองานของผม ผมต้องทำงานให้เต็มร้อย ดังนั้น ในสนามสำหรับผมไม่มีคำว่าเพื่อนแน่นอน สิ่งเดียวที่ผมต้องการจากเกมวันนั้น คือชัยชนะของบีจี"
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันระหว่าง บีจี กับ บุรีรัมย์ ต้องถูกเลื่อนออกไป เนื่องจาก อัคบาร์ อิสมาตุลลาเยฟ นักเตะของทีมปราสาทสายฟ้าชาวอุซเบกิสถาน ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้เกมแรกของตูเญซกับทีมดังย่านรังสิต ถูกเปลี่ยนเป็นการพบกับสโมสรการท่าเรือ อีกหนึ่งทีมลุ้นแชมป์
แต่ว่าก่อนการแข่งขันเพียงแค่ 1 วัน ตูเญซต้องได้รับข่าวร้ายจากประเทศสเปน ที่ส่งข่าวมาว่าคุณพ่อของเขาได้เสียชีวิตลง
หากแต่แข้งรายนี้ตัดสินใจขอลงทำหน้าที่ของตัวเองตามปกติ และพาบีจี ปทุม บุกไปชนะการท่าเรือ เก็บ 3 คะแนนสำคัญมาได้สำเร็จ
"แน่นอนว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของผม การสูญเสียคุณพ่อ และผมไม่สามารถเดินทางกลับไปที่สเปน ไม่สามารถที่จะไปอยู่กับครอบครัว"
"แต่ผมไม่ได้เสียใจหรือต้องมานั่งโทษตัวเองที่ไม่ได้กลับไปสเปน บางทีก็เป็นเรื่องของโชคชะตา และเราไม่สามารถฝืนมันได้"
"ในฐานะนักฟุตบอล ผมต้องทำงานอย่างเต็มที่ นี่คือสิ่งที่ผมยึดมั่น สำหรับผมไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่านั้น ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน เรื่องงานสำคัญที่สุด ต่อให้ผมเจอปัญหาอะไรในชีวิต ผมต้องทำงานอย่างเต็มที่ วางเป้าหมายพาทีมประสบความสำเร็จ"
"ชีวิตนักฟุตบอลก็เป็นแบบนี้ คุณไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงผมจะอยากกลับสเปน แต่ผมยืนยันว่า ผมมีความสุขกับชีวิตในเมืองไทย และผมเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป"
ปี 2020 คือปีแห่งความเปลี่ยนแปลงของ อันเดรส ตูเญซ หลายครั้งเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้กับชีวิตของเขา แต่ทั้งหมดคือเรื่องราวในอดีต
ปัจจุบัน นักฟุตบอลวัย 33 ปีกำลังมองไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับ ทำทุกวันในชีวิตของเขาให้ดีที่สุด ทั้งในฐานะหัวหน้าครอบครัวและนักฟุตบอลคนหนึ่ง เพื่อให้คนรอบตัวของเขามีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"สำหรับสเปน ที่นั่นคือบ้านของผมเสมอ ผมยืนยันว่าสักวันผมจะกลับไปที่นั่น หากวันหนึ่งผมต้องเลิกเล่นฟุตบอลในเมืองไทย ผมคงกลับไปที่สเปนแน่นอน เพราะผมมีธุรกิจอยู่ที่นั่น รวมถึงเพื่อน และครอบครัว"
"แต่ผมคิดว่าหน้าที่ของผมตอนนี้ คือมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นั่นคือภรรยา และลูกของผม ที่ต้องดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด"
"นี่คือเรื่องสำคัญของชีวิต เมื่อมีโอกาสที่ดีเข้ามา ผมจึงต้องรับไว้ และทำผลงานของตัวเองให้ดีที่สุดเต็มร้อยเปอร์เซนต์ เพื่อตอบแทนความไว้ใจที่สโมสรบีจี ปทุม มอบให้"
"ผมและเพื่อนร่วมทีมทุกคนทุ่มเทหนักมากเพื่อที่จะคว้าแชมป์ในปีนี้ เพราะพวกเราอยากจะคว้าถ้วยไทยลีกมาครอง คงต้องติดตามดูว่าบทสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไร" ตูเญซกล่าวทิ้งท้าย
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ