วันนี้ของ "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" ตำนานสอยคิวไทยที่ก้าวถึงมืออันดับ 3 ของโลก (คลิป)
คอกีฬารุ่นเก่าหน่อยจะต้องรู้จัก "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" รัชพล ภู่โอบอ้อม นักสนุกเกอร์คนแรกในประวัติศาสตร์ชาวไทยที่สามารถก้าวถึงมือวางอันดับ 3 ของโลก ซึ่งเรื่องราวในอดีตของเจ้าตัวนั้นถือว่าเป็นประสบการณ์ และบทเรียนชั้นดีให้กับนักกีฬาในปัจจุบัน
ล่าสุด นักแม่นคิววัย 50 ปี ได้เดินทางมาเล่าประสบการณ์ในชีวิตผ่านรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง ONE31 มีทั้งประเด็นที่ว่าเริ่มต้นชีวิตจากเด็กสลัม จนมีรายได้สูงสุด 100 ล้านบาท พร้อมเผยเคยหลงตัวเองจนชีวิตพัง และวันนี้จะมาเปิดเรื่องดราม่า เบื้องหลังวงการสนุกเกอร์ตกลงเป็นการพนันหรือเป็นกีฬากันแน่?
หันมาเล่นกีฬาชนิดนี้เป็นเพราะที่บ้านมีโต๊ะสนุกเกอร์?
ต๋อง : เพราะว่าคุณแม่เป็นเจ้าของกิจการ ก็เลยโชคดีถ้าคุณแม่ไม่ได้ทำกิจการนี้ก็คงไม่ได้เล่น ก็กินนอนอยู่บนโต๊ะ เห็นทุกวันก็ซึมซับ ผมเริ่มตั้งแต้อายุ 9 ขวบ แต่มาจริงจังตอนอายุ 13 ปี
ถ้าพูดถึงสนุกเกอร์หลายคนก็มองว่าเป็นกีฬา บางคนก็มองว่าเป็นการพนัน พี่ต๋องรู้สึกยังไง?
ต๋อง : เมื่อก่อนรู้สึกอย่างนั้น แต่พอมาถึงวันนี้ความรู้สึกก็เปลี่ยนไป เราทำทุกวิถีทางให้พ้นจาก พรบ.การพนัน จริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังกึ่งกีฬา กึ่งการพนัน แต่รอบนอกประเทศเรา เขายอมรับว่าเป็นกีฬา เมื่อไม่นานมานี้ผมได้คุยกับเพื่อน เมืองนอกเขาคิดว่าเป็นกีฬา เขาไม่อยากเชื่อว่าที่ผมสร้างชื่อเสียงมามันยังไม่พ้นมลทินอีกเหรอ แต่จริงๆ มันไม่พ้นจริงๆ แต่ว่าไม่อยากจะพูดว่ามันมีกีฬาที่ประเภทมันกึ่งการพนัน เราก็รู้ๆ กันอยู่ เมื่อไหร่หนอจะมีผู้ใหญ่ใจดีเล็งเห็นความสำคัญของพวกเรา เราก็ทำทุกวิถีทางให้มันหลุดพ้น ส่วนตัวผมคิดว่ากีฬานี้มันมีเสน่ห์ไม่ต้องใช้แรงปะทะ
จากเด็กสลัมเป็นนักสนุกเกอร์แล้วไปใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษ?
ต๋อง : ครับ ก็มาจากผลงานของผม โดยไม่ได้นัดหมาย ผู้ใหญ่ก็เล็งเห็นเราเก็บชัยชนะได้มากขึ้น ตอนนั้นเราอายุ 13 กว่า ท่านอยากเห็นคนไทยได้เป็นแชมป์โลกสมัครเล่น ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครทำได้
ท่านเห็นแววหรือเปล่าหรือว่ายังไง?
ต๋อง : เขาอาจจะเห็น แต่ตัวผมไม่เห็นนะ ตอนนั้นท่านอยากเห็นคนไทยเป็นแชมป์โลกก่อนที่ท่านจะเสีย ซึ่งท่านเกือบได้เห็น ผมมาได้เดือนนึงก่อนท่านเสีย
อายุ 14-15 ไปต่อสู้ที่อังกฤษคนเดียว?
ต๋อง : ไม่ตอนไปอังกฤษ 14 ปีครึ่ง เขาส่งผมไปเรียนก่อน ซึ่งผมยอมรับว่าโมโห ไม่พอใจ เราอยากเล่น ตอนนั้นภาษาก็ยังไม่ได้เลย ผมเป็นใบ้อยู่ประมาณ 7-8 เดือน เมื่อก่อนมือถือก็ยังไม่มี ทุกอย่างไม่มี ต้องใช้จำกว่าจะมาพูดได้
แล้วคนที่ส่งไปคือใคร?
ต๋อง : หนึ่งในนั้นมีคุณแม่ผม ท่านยอมขายบ้าน ลงทุนกับลูก ซึ่งไม่รู้ว่าเด็กคนนึงจะประสบความสำเร็จ มันไม่มีใครรู้หรอก ตัวผมก็ไม่รู้ แม่ก็ไม่รู้ แต่แกกล้าลงทุน สมัยก่อนก็ถือว่าเยอะ หลายแสนอยู่
ตอนที่ไปอยู่ช่วงแรกๆ มีปัญหาในเรื่องของการโดนเหยียดเรื่องชนชั้นไหม?
ต๋อง : พูดตรงๆ ว่าโดนมาตลอด จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมไปปีที่ 2 ผมสาบานกับพระเจ้าเลยว่าผมจะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีก แค่เขามองเรา ไม่ต้อนรับเราเลย แล้วตอนนั้นไม่มีชื่อ ผมทนไม่ได้นะ ครั้งแรกที่ผมไปโดนกักตัว 28 ชั่วโมง ผมได้วีซ่านักเรียน แต่ไปตอบว่ามาเล่นสนุกเกอร์ เราตอบผิดจุดประสงค์ เราไม่รู้เราเป็นเด็ก ภาษาก็ไม่ได้เลยดีกว่า สำหรับผมการตรวจสอบข้อมูล 28 ชั่วโมงมันเยอะเกิน ผมไม่อยากอยู่แล้วอังกฤษ แล้วสรุปเขาให้เข้านะ
ทั้งหมดทั้งมวลเราใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษเท่าไหร่?
ต๋อง : ประมาณ 35 ปี
เคยรู้สึกไหมว่ามันท้อแท้หลายๆ อย่าง?
ต๋อง : แรกๆ ไปไม่ค่อยท้อ เพราะเราเก็บชัยชนะได้มากกว่า มีรายได้ที่ดี มีสปอนเซอร์เข้ามาก็เลยไม่ท้อ มันจะเริ่มท้อเมื่อ 15 ปีผ่านไป อยากกลับมาเมืองไทย อยากกินอาหารไทย อยากคุยภาษาไทย ทำไม่ได้ แพ้ก็ต้องอยู่ นั่นเป็นความที่มันบั่นทอนหัวใจ ยิ่งอยู่ท็อป ยิ่งกลับไม่ได้ ผมถามว่าทำไม คนอื่นเขากลับได้ ทำไมผมกลับไม่ได้ ผู้จัดการทนหน่อย แม่ก็บอกว่าทนหน่อยนะลูก ก็ทน ไม่ได้มีฝีมืออย่างเดียวต้องมีความอดทนด้วย
มีถึงขั้นร้องไห้บ้างไหม?
ต๋อง : บ่อยเลยครับ ร้องไห้ น้ำตาตกใน สมัยก่อนมันไม่มีโทรศัพท์ ต้องเขียนจดหมายหาแม่
รายได้ในช่วงพีคๆ ที่บอกว่าเป็นกอบเป็นกำนี่เท่าไหร่?
ต๋อง : ก็จะมีปี 93 ตอนนั้นเงินรางวัลผมได้อยู่ที่ 4 แสนกว่าปอนด์ยังไม่รวมสปอนเซอร์ ก็ประมาณเกือบ 30 ล้าน
รวมๆ ช่วงนั้นที่เป็นอาชีพรวมๆ เป็น 100 ล้านได้?
ต๋อง : ก็แตะๆ ได้
ตอนนั้นที่เป็นอันดับ 3 ของโลกชีวิตเป็นยังไงบ้าง?
ต๋อง : ผมค่อนข้างเซอร์ไพรส์ ผมไม่เคยอ่านข่าวตัวเองเลย เมื่อก่อนมันไม่มีมือถือ ไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีอะไรเลยดีกว่า ผมแปลกใจที่เขาฟอลโลว์เรา ตามเรา ก็ขอบคุณแฟนคลับทุกท่าน เราก็ไม่ใช่ดารานักแสดง
ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น?
ต๋อง : จริงๆ แล้วเวิลด์สนุกเกอร์เขามาบอกผมตอนหลังว่าเขารู้ก่อนผม แต่เป็นกฎมารยาทของมืออาชีพว่าห้ามบอกนักกีฬา เพราะจะทำให้เขาเสียสมาธิ วันนั้นผมเพิ่งแข่งมา ผมดีใจมากนะ ตื้นตัน แต่ออกมาทำไมมันเงียบไปหมดเลย ผมก็งง อ่อ คุณพ่อโดนยิง
มันเป็นความรู้สึกจากรถไฟเหาะอะ?
ต๋อง : มันมึนไปหมด แล้วนักข่าวก็โทรมา เพราะมันเป็นโมเมนต์เดียวกันที่ผมเบรก 147 ด้วย
วันนั้นมีน้ำตาไหม?
ต๋อง : มีครับทั้งตกใจ ออกมาข้างนอกผู้จัดการผมร้องไห้ก่อนเลย ผมก็งงว่าร้องไห้ทำไม ทำไมเบรก 147 น้ำตาเยอะอย่างนี้ ผมก็เลยถาม แล้วเขาก็ตบไหล่ผมว่าพ่อเสียแล้วนะ ผมก็เลยบอกว่าแล้วทำไมไม่มีใครบอก เขาก็บอกว่าใครจะไปกล้าบอก นายกำลังแข่งอยู่ ตอนนั้นมันสลับ สับสนไปหมด ตอนนั้นผู้จัดการบอกว่าจะกลับเลยก็ได้นะ แต่มันอยู่ระหว่างสะสมคะแนนเขาไม่ว่าผม ผมก็เลยตัดสินใจ ไหนๆ พ่อเสียแล้ว นำพ่อกลับมาไม่ได้ ก็เลยเล่นต่อจนถึงรอบชิง
ตอนนั้นก็ได้ฉายา 2 ฉายา ด้วยกัน มีแมว 9 ชีวิต แล้วก็ ไทยทอร์นาโด มันคืออะไรบ้าง?
ต๋อง : ไทยทอร์นาโดก็คือจากการแทงค่อนข้างเร็ว จู่โจม แล้วเราก็ทำได้ เมื่อก่อนความแม่นค่อนข้างชัดเจน ซึ่งมันไม่มีใครทำได้ เราก็เลยปลื้มใจ เราเป็นหนึ่งในนั้น แต่จริงๆ เราไม่ได้อยากมีเราคนเดียวนะ เราอยากมีเรามากกว่านั้น แต่ตอนนั้นไม่มีใคร เราอยากมีเพื่อน เราอยากมีอะไรที่อยากให้คนไทยเก่งเยอะๆ คนไทยมีคนเก่งเยอะ แต่ยังไปไม่ถึงดวงดาว มันมีหลายองค์ประกอบ
ตอนนั้นชื่อเสียงมา เงินทองมี มันมีช่วงหลงระเริงบ้างไหม?
ต๋อง : มันก็มีนะครับ เพราะช่วงที่ผมมา 2 เดือนทำวีซ่าไปเที่ยว ดื่ม ปาร์ตี้กับเพื่อน ผมยอมรับว่าผมหลงระเริงกับคำชม คำหวานเยอะ จนตั้งตัวไม่ติด คนเรามีทั้งจริงและปลอม กว่าจะรู้เดียงสาก็หมดเงินไปเยอะเหมือนกัน เมื่อสัย 30 กว่าปี ผมหมดคืนนึง 7-8 แสน
มีสาวมาติดเยอะไหม?
ต๋อง : ก็มีบ้าง แต่ด้วยความที่เราเป็นคนขี้อายก็ทักเป็นมารยาท
มีอยู่ช่วงนึงที่ไม่ซ้อม ทำให้ชีวิตพังอยู่ช่วงนึง?
ต๋อง : มีๆ ครับ มีเป็นบางช่วงนึง พออะไรที่เราไม่แฮปปี้แล้ว จริงๆ อยากจะเลิกหลายครั้งแล้ว แต่ด้วยคุณแม่ นายกสมาคม และอีกหลายคน เราไม่ได้อยู่บนโลกนี้คนเดียวนะ เรามีคนรอบข้างด้วย
เมื่อก่อนที่คิดไม่ทันมันพังไประดับไหน?
ต๋อง : ผมไปลงทุนอะไรก็หมดไป 70-80 ล้านเหมือนกันนะ ลงทุนทำรายการทีวีก็เคย ทำหมู่บ้านจัดสรร, ทำผับ ทำหลายอย่าง แล้วเมื่อก่อนผมรายได้ดี สปอนเซอร์ดี พูดง่ายๆ ผมจะอยู่เมืองนอกตลอดส่งเงินให้ เชื่อใจ
แล้วจุดไหนที่ทำให้พี่คิดได้ แล้วทำให้กลับมาอีกครั้ง?
ต๋อง : ก็คุณแม่ผม เพราะว่าท่านปลูกฝังให้กำลังใจ แล้วก็พี่น้อง เพื่อนๆ ผม ตราบใดที่เรายังมีลมหลายใจอยู่โอกาสยังเป็นของผมอยู่ ก็อยากให้สู้
พี่คิดจะแขวนคิวไหม?
ต๋อง : คิดไปหลายรอบแล้ว แต่ยังต้องเล่นต่อ เรายังอยากสร้างเพชรน้ำงามหรือบุคคลรุ่นหลัง พูดง่ายๆ ผมเกิดมากับสนุกเกอร์ ก็อยากต่อยอด ทำงานเบื้องหน้ามานานก็อยากจะอยู่เบื้องหลัง
พี่ต๋องมีลูกชายวัย 11 ขวบ แสดงว่าพี่มีลูกตอน 40?
ต๋อง : ครับผม ลูกคนแรกและน่าจะเป็นลูกคนเดียวด้วย ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบเด็ก แต่เราไม่มีเวลาด้วย ลูกก็ถามเมื่อไหร่พ่อจะเลิกเล่นสนุกเกอร์ ทำไมพ่อถึงไม่ไปรับหนูที่โรงเรียนเหมือนคนอื่น ผมก็ตอบลำบาก ผมก็บอกว่าอีกไมานานพ่อจะไปรับหนูนะ
วางแผนให้ลูกไหมว่าเขาเป็นนักสนุกเกอร์เหมือนเราไหม?
ต๋อง : วางแผนว่าอีก 2 ปีก่อนจะขึ้น ม.1 อาจจะอยู่โรงเรียนประจำ เพราะด้วยความที่วินัยเริ่มขาด เล่นเกมเยอะ อยากส่งเขาไปโรงเรียนที่เขาเข้มงวดนิดนึง
อัลบั้มภาพ 27 ภาพ