ความสัมพันธ์ที่โลกไม่รู้ : "พ่อของโรนัลโด้" กับความรักในแบบที่ CR7 เสียใจมากที่สุด

ความสัมพันธ์ที่โลกไม่รู้ : "พ่อของโรนัลโด้" กับความรักในแบบที่ CR7 เสียใจมากที่สุด

ความสัมพันธ์ที่โลกไม่รู้ : "พ่อของโรนัลโด้" กับความรักในแบบที่ CR7 เสียใจมากที่สุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครั้งเดียวที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สั่งให้นักเตะของเขาที่ไม่ได้เจ็บ-ไม่ได้ป่วย ห้ามลงสนาม และให้ออกไปทำธุระของตัวเองให้เสร็จ คือการปล่อย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หยุดพักจากทั้งการซ้อมและการแข่งขัน 1 สัปดาห์เต็ม ๆ

ในช่วงที่โปรแกรมการแข่งขันแน่นเอี๊ยด เฟอร์กี้ ไม่สนใจ และบอกให้ โรนัลโด้ กลับไปทำธุระสำคัญของตัวเองนานเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ตัวเขาต้องการ

เหตุผลเดียวที่ทำให้ เฟอร์กี้ ยอมได้ขนาดนั้นเป็นเพราะว่า "พ่อบังเกิดเกล้าของโรนัลโด้" ที่กำลังป่วยเกิดอาการทรุดหนักและใกล้จะเสียชีวิต ... และเขารู้ว่าชายที่กำลังนอนอยู่ในห้อง ICU ที่โรงพยาบาลมีความหมายต่อ โรนัลโด้ มากขนาดไหน ...

นี่คือเรื่องเล่าอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิต คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จ แม่ของเขาจะอยู่ข้าง ๆ เสมอ ... ทว่าพ่อต่างหากคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เขากลายเป็นสุดยอดนักเตะอันดับ 1 เท่าที่โลกเคยมีมา

 

เบื้องหลังความเป็นพ่อ ...

โชเซ่ ดินิส อาเวโร่ คือชื่อชายที่เพิ่งก้าวพ้นวัยรุ่นชาวโปรตุกีสคนหนึ่ง ผู้ถูกเกณฑ์ไปทำสงครามที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประเทศโปรตุเกสส่งกองทัพเข้าไปรบในสงครามที่ชื่อว่า สงครามอาณานิคมโปรตุเกส (Portuguese Colonial War) ที่ประเทศอาณานิคมของพวกเขาอย่าง แองโกล่า และ โมซัมบิก ต้องการจะประกาศเอกราช 


Photo : en.wikipedia.org

แม่ได้มีการระบุชัดเจนว่า โชเซ่ ไปรบช่วงไหน ทว่าระยะของสงครามดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี 1961-1974 ซึ่งหากจะเทียบไทม์ไลน์กับอายุของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คาดว่า โชเซ่ ถูกเกณฑ์ไปรบในช่วงของปลายสงครามแล้ว 

การไปรบครั้งนั้นไม่ได้ทำให้ โชเซ่ ถึงตาย แต่เขาก็กลับมาอย่างสภาพตายทั้งเป็น มีเรื่องเล่าว่าตลอด 13 เดือนที่เขาประจำการใน แองโกล่า และ โมซัมบิก เกิดภาพสยดสยองและหดหู่ขึ้นมากมาย จนสภาพจิตใจของเขาไม่เหมือนเดิม หากพูดให้เห็นภาพคือ สิ่งที่เจอทำให้ โชเซ่ กลายเป็นโรค PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) หรือโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง และต้องถูกส่งตัวกลับมายังเมืองฟุนชาล เกาะมาเดร่า บ้านเกิดของเขาในโปรตุเกส 

การกลับมาด้วยสภาพดังกล่าวทำให้ โชเซ่ ไม่สามารถกลับมาเป็นคนเดิม ณ เวลานั้นเศรษฐกิจฝืดเคือง รัฐบาลโปรตุเกสใช้งบประมาณไปมากสำหรับการทำสงครามที่พวกเขาเป็นผู้แพ้ ทำให้การหางานทำนั้นยากเย็นแบบสุด ๆ 

"พวกเราไม่ตายก็เหมือนตาย ทหารผ่านศึกหลายคนโดนทอดทิ้ง หลายคนที่กลับมาได้ไม่มีเงิน แล้วเราก็ไม่มีงานทำด้วย" มานูเอล โคเอลโญ่ เพื่อนของพ่อโรนัลโด้ ว่าไว้เช่นนั้น 

"ครอบครัวของ โชเซ่ มีปัญหา ผมเห็น โรนัลโด้ ตอนเด็กแล้วผมก็นึกย้อนกลับไปที่เรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อของเขา บ้านของเขามีปัญหา ลูก ๆ ไม่มีข้าวกินครบทุกมื้อ ดังนั้นเขาจึงเริ่มหันเข้าหาเหล้าและดื่มมันเพื่อแก้ปัญหาแทน" 


Photo : www.mirror.co.uk | โชเซ่ ดินิส อาเวโร่ (ซ้าย)

อย่าถามว่าลูก ๆ ไม่มีข้าวกินแล้ว โชเซ่ เอาเงินที่ไหนมากินเหล้า ... เพราะเขาเข้าไปในบาร์แบบคนที่สิ้นหวัง มีเพียงเพื่อน ๆ ที่จำได้เขาในฐานะเป็นทหารผ่านศึกเท่านั้นที่เห็นใจและเลี้ยงเหล้าเขาในแทบจะทุกวัน 

หนำซ้ำครอบครัวของเขายังมีลูกถึง 4 คน ความยากลำบากจึงเกิดขึ้นแบบเต็มที่ เงินที่ได้รับจากสวัสดิการก็ไม่เพียงพอ ทำให้ดีกรีการดื่มแอลกอฮอล์ของ โชเซ่ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

นั่นคือช่วงชีวิตที่ คริสเตียโน่ โตขึ้นมาเเละจำภาพได้ดี เขาไม่ได้สนิทกับพ่อมากนัก แต่ก็มักจะเล่าย้อนกลับมาให้สื่อได้ฟังเสมอ เขาเล่าว่าด้วยความยากจนและปัญหาที่เกิดขึ้นมากมาย โดโลเรส แม่ของเขาเกือบจะทำแท้งตอนที่ตั้งครรภ์เขาแล้วด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าไม่มีเงินพอที่จะเลี้ยงลูก 4 คนได้ ... โชคดีที่เธอแค่คิดแต่ไม่ลงมือทำ ... ตำนานทั้งหมดจึงเกิดขึ้นหลังจากนั้น 

 

แก้ไปตามปัญญา 

ปัญหาจะถูกแก้ไขให้คลี่คลายได้หากใช้ปัญญา ... ไม่ว่าจะใช้มันน้อยหรือมากมันย่อมเป็นจุดเปลี่ยนแห่งความแตกต่างได้เสมอ และโชคดีที่ โชเซ่ ที่กำลังเมามายยังพอระลึกได้ว่า เขามีอีกหลายชีวิตต้องรับผิดชอบ ดังนั้นเขาจึงเริ่มเผชิญหน้ากับความจริง หางานอะไรได้ก็ทำไปก่อน อย่างน้อย ๆ ให้ลูก ๆ ได้กินอิ่มก็ยังดีกว่าที่เคยเป็นมา 


Photo : www.thesun.co.uk

เขาเริ่มจากการรับจ้างเป็นคนสวนและเริ่มทำงานแข็งขันขึ้นจนเจ้านายเข้าตา ชวนไปทำงานเป็น คิทแมน หรือ คนดูแลเสื้อผ้าให้กับทีมฟุตบอล อันโดรินญ่า ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง

หน้าที่ของ โชเซ่ ที่ต้องทำทุกวัน คือการซักชุดแข่งของนักเตะในทีมเพื่อให้มั่นใจว่าผู้เล่นจะมีชุดแข่งใส่ในเกมถัดไป และในช่วงเวลานั้น โรนัลโด้ ที่กำลังอายุได้ 5-6 ขวบ ก็โดนหนีบไปช่วยงานพ่ออยู่บ่อย ๆ  

การได้เห็นเด็กคนอื่น ๆ เตะบอล ทำให้ โรนัลโด้ เองเกิดความกระหาย อยากจะเป็นนักฟุตบอลบ้าง เขาจึงเริ่มฝึกฟุตบอลโดยมีพ่อเป็นครูคนแรก และจากนั้นไม่นานพออายุได้ 8 ขวบ โรนัลโด้ ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมจนได้ 


Photo : www.mirror.co.uk

แม้ลูกชายจะได้มีจุดเริ่มต้นในการเป็นนักฟุตบอลตามที่เขาต้องการ ทว่าปัญหาคือ โรนัลโด้ มักจะโดนเพื่อนในทีมล้อเลียนเกี่ยวกับพ่อที่เป็นคิทแมน เด็ก ๆ หลายคนมักจะล้อว่าพ่อของเขาเป็นคนเมาที่ขี้เกียจทำงาน ซักเสื้อซักชุดแข่งไม่สะอาด ซึ่งนั่นทำให้ โรนัลโด้ แค้นมากและต้องการจะตอบกลับด้วยการโชว์ผลงานในสนามเสมอ ... จะว่าไปนี่คือจุดเริ่มต้นของตำนานที่ยิ่งใหญ่ของเขาก็ไม่ผิดนัก โรนัลโด้ ไม่กลัวคำดูถูกจากคนอื่น ๆ เพราะเขาจะตอกกลับด้วยผลงานระดับมาสเตอร์พีซเสมอ แม้กระทั่งตอนที่เขาเป็นนักเตะอาชีพผู้มีชื่อเสียง ... นานวันเขากลายเป็นคนที่ได้ยินคำดูถูกเมื่อไหร่ ไฟในตัวก็เริ่มติดทันที นั่นคือแรงขับที่ดีจนสุดท้ายไม่มีใครกล้าล้อเลียนเขาอีกต่อไป

จาก อันโดรินญ่า สู่ นาซิอองนาล และสัญญาอาชีพฉบับแรกที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ... คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตอบสนองความต้องการของพ่อที่พยายามฝึกฝนอย่างเข้มงวดมาตลอดได้สำเร็จ เขาพอช่วยครอบครัวหาเงินได้บ้างจากเงินค่าเหนื่อยที่ได้ อย่างไรก็ตาม โชเซ่ ผู้เป็นพ่อ ยังคงไม่ได้รับการแก้ปัญหาเรื่องโรคติดแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาดเสียที เมื่อลูกชายได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพและมีเงินเดือน โชเซ่ ก็มักจะถูกพบเห็นว่านั่งดื่มในบาร์อยู่บ่อย ๆ 

อาจจะเป็นเพราะว่าเขารู้สึกหมดห่วงจนกลับมากินเหล้าได้เต็มที่ หรือว่าอาจจะเป็นเพราะไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงทีจนเป็นแอลกอฮอลิซึ่ม (Alcoholism) หรือติดสุราเรื้อรังกำเริบอีกครั้งไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ ๆ การกลับมาดื่มหนักรอบนี้ทำให้สุขภาพของ โชเซ่ ย่ำแย่ลงภายในเวลาไม่กี่ปี  


Photo : www.mirror.co.uk

ขณะที่ โรนัลโด้ ซึ่งเริ่มเป็นวัยรุ่นก็ไม่ได้สนิทกับพ่อมากมายนัก เพราะพ่อเริ่มติดเหล้ามากขึ้น เขามักจะมี โดโลเรส คุณแม่เป็นที่ปรึกษาสำคัญ ทว่าเจ้าตัวก็อดเป็นห่วงพ่อที่สุขภาพย่ำแย่ลงไม่ได้ เพียงแต่ว่าการเป็นลูกผู้ชายนั้นย่อมมีอารมณ์ "ปากหนัก" จะพูดก็ไม่กล้า เคอะ ๆ เขิน ๆ จึงทำให้เวลานั้นผ่านไปโดยที่พวกเขาทั้งคู่ห่างเกินกันมากกว่าตอนที่ โรนัลโด้ ยังเป็นเด็ก

"ผมไม่รู้เกี่ยวกับคุณพ่อของผม 100 เปอร์เซนต์นะ เพราะพ่อติดเหล้าตั้งแต่ผมเด็กมาก ผมไม่เคยคุยกับเขาแบบการสนทนากันปกติ มันเป็นความสัมพันธ์ที่พูดยากครับ" โรนัลโด้ เล่าย้อนกลับไปเช่นนั้น 

อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บป่วยของ โชเซ่ ผู้เป็นพ่อนี้เอง คือหนึ่งในเหตุผลที่ โรนัลโด้ พยายามจะพัฒนาตัวเองให้เก่งและไปถึงระดับสูงให้เร็วที่สุด เพราะเขาอยากมีเงินมากพอที่จะพาพ่อไปรักษากับผู้เชี่ยวชาญอย่างถูกวิธี ซื้อความสุขสบายให้ครอบครัว เพื่อที่จะให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติและกลายเป็นครอบครัวที่มีความสุขจริง ๆ เสียที เพียงแต่ว่าบางครั้งช่วงเวลาที่เหมาะสมก็ไม่เคยมีจริงบนโลกใบนี้

เมื่อเติบโตขึ้นเราใช้เวลาไล่ล่าบางอย่าง โดยที่นึกไม่ถึงว่า ทุก ๆ ครั้งที่เข็มวินาทีเดินไปข้างหน้า เราก็ได้ละเลยบางสิ่งไปเช่นกัน ... 

 

คำตอบในหัวใจ 

โรนัลโด้ เติบโตขึ้นบนเส้นทางนักเตะอาชีพแบบที่เรารู้กัน เขากลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในอคาเดมีของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน จากนั้นไม่นานก็ถูกซื้อตัวไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2003 ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องแยกจากครอบครัว มาอยู่ที่อังกฤษแบบตัวคนเดียว และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อห่างเหินออกไปอีก 


Photo : manutd.com

"เมื่อเราไล่ล่าสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง" ประโยคนี้อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง โชเซ่ และ คริสเตียโน่ ได้เป็นอย่างดี ระหว่างที่ โรนัลโด้ เปิดตัวร้อนแรงกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่ สุขภาพของ โชเซ่ ก็นับถอยหลังไปเรื่อย ๆ 

อย่างไรก็ตาม โรนัลโด้ ยังจำภาพของพ่อที่ปลูกฝังเขาในตอนเด็กได้ขึ้นใจ เมื่อเขาติดทีมชาติโปรตุเกส เขากลับไปบอกกับพ่อเขาว่า "ผมจะคว้าแชมป์กับทีมชาติโปรตุเกสเป็นของขวัญให้พ่อเอง" ... เขายังคงอยากทำให้พ่อภูมิใจเหมือนกับตอนที่ตัวเองอายุไม่ถึง 10 ขวบได้ดีเสมอ 

คำพูดนั้นคือเหตุผลที่ทำให้ โรนัลโด้ ร้องไห้บ่อน้ำตาแตกไม่อายใคร หลัง โปรตุเกส ที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลยูโร 2004 แพ้ให้กับ กรีซ ในนัดชิงชนะเลิศ มันก็ใช่ที่เขาเสียใจกับผลการแข่งขัน แต่เขาเปิดเผยว่า ที่เขาร้องไห้ก็เป็นเพราะเขาไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อได้ เพราะเขารู้ดีว่าเวลาของพ่อเหลืออีกไม่มาก 


Photo : www.goal.com

1 ปีหลังจากนั้น ร่างกายของ โชเซ่ ก็ทรุดหนักแบบจริงจัง โรนัลโด้ ที่กำลังเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับพ่อของเขามารักษาที่โรงพยาบาลในกรุงลอนดอนเพื่อให้เขามีเวลาใกล้ชิดกับพ่ออีกครั้ง ซึ่ง โรนัลโด้ มักจะหาโอกาสเดินทางจากเมืองแมนเชสเตอร์ แวะไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลเสมอ 

เขาให้ความสำคัญเกี่ยวกับอาการของพ่อมาก ติดตามขั้นตอนการรักษาทุกระยะ ถึงขั้นที่ว่าในช่วงที่เกมการแข่งขันฤดูกาล 2005-06 กำลังเริ่มต้นอย่างเข้มข้น โรนัลโด้ กลับออกปากขอกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือของทีมว่า เขาไม่พร้อมลงเล่น เพราะอาการของพ่อทรุดหนัก และอยากจะไปอยู่ข้าง ๆ พ่อของเขา สิ่งที่ เฟอร์กี้ ตอบกลับคือ "คริสเตียโน่ นายอยากจะไป 1 วัน, 2 วัน หรือว่า 1 สัปดาห์เลยก็ได้"

เขาได้มาอยู่ข้าง ๆ และดูแลพ่อก็จริง ทว่าหนนี้เวลาไม่คอยท่า แม้ โรนัลโด้ จะพยายามทุกทางและมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเพื่อให้พ่อกลับมามีชีวิตใหม่ แต่ความตายนั้นคือสิ่งที่ใจร้ายกับมนุษย์เราเสมอ ... มันไม่สนว่าคุณจะใหญ่มาจากไหน ไม่สนใจว่าคุณจะมีเงินในบัญชีกี่พันล้าน มันไม่เคยรับฟังความเห็นใจจากใคร ไม่มีการทดเวลาให้ทำใจ เมื่อถึงที่แล้วไม่อาจมีใครหนีจากมันรอดสักราย ... โชเซ่ ดินิส อาเวโร่ ก็เช่นกัน 


Photo : www.reddit.com

เขาจากไปในเดือนกันยายนปี 2005 และเหตุการณ์นี้ทำให้โรนัลโด้เกิดความรู้สึก 2 แบบขึ้นมาในจิตใจตัวเอง 1. คือเขาเสียใจที่ดูแลพ่อได้ไม่ดีพอ และ 2. คือนับจากนี้ไปเขาจะพยายามให้หนักมากกว่าที่เคยเป็น เพื่อก้าวไปถึงจุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอล เพื่ออย่างน้อยให้พ่อมองลงมาและภูมิใจกับลูกชายคนสุดท้องคนนี้ 

 

เปลี่ยนความเสียใจเป็นพลัง

หลังจากเหตุการณ์สูญเสียพ่ออันเป็นที่รัก ไม่มีใครปฏิเสธว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือนักเตะที่มีความกระหายมากที่สุดเท่าที่โลกเคยมี เขาพัฒนาตัวเองขึ้นทุกวัน และทำได้อย่างก้าวกระโดด จากนักเตะดาวรุ่ง สู่นักเตะตัวหลัก จนกระทั่งกลายเป็นผู้เล่นที่สามารถชี้ขาดผลการแข่งขันให้กับทีม หรือว่าง่าย ๆ คือเป็น "ตัวแบก" ของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ภายในเวลาแค่ 1 ปีหลังจากนั้น

โรนัลโด้ พา ยูไนเต็ด คว้าทุกแชมป์ที่ลงสนาม ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด รวมถึง ยูเวนตุส และสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่มากกว่าที่ใด เขายังเป็นผู้ชนะเสมอไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม ทุกคร้ังที่ลงแข่ง โรนัลโด้ตั้งเป้าที่ตำแหน่งแชมป์เท่านั้น


Photo : www.caughtoffside.com

ใครก็ตามที่เคยได้ร่วมงานกับเขา มักจะมีเรื่องเล่าคล้าย ๆ กันออกมาบ่อย ๆ เช่น มาซ้อมเป็นคนแรก กลับบ้านเป็นคนสุดท้าย, การซ้อมพิเศษ, การเข้าโรงยิมอย่างบ้าคลั่งเพื่อพัฒนาร่างกายให้อยู่ในระดับปีศาจ และการดูแลตัวเองนอกสนามอย่างประณีต แม้กระทั่งการนอนหลับก็ยังต้องมีโค้ชส่วนตัว เหตุผลเดียวที่เขาทำอย่างนั้น เป็นเพราะเขาไม่สามารถอยู่เฉย ๆ และให้เวลาผ่านไปโดยไม่เห็นค่าของมันได้อีกแล้ว  

เขาเคยช้ากับเรื่องของพ่อ และครั้งนี้มันคือบทเรียนที่ โรนัลโด้ ใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่า เพื่อเติมเต็มท้องที่หิวกระหาย ความกระหายที่ว่านี้จะบรรเทาได้ด้วยการเป็นแชมเปี้ยนเท่านั้น

"คนอย่างโรนัลโด้มีทั้งความทะเยอทะยานและหิวกระหาย เขาต้องการความสำเร็จทุกรูปแบบและต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอีกด้วย สิ่งที่น่าประทับใจในตัวเขา คือความเป็นสุดยอดมืออาชีพ เขามาถึงห้องแต่งตัวคนแรกและเป็นคนสุดท้ายที่ก้าวออกจากห้องไป เขามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและเพื่อทีมเสมอมา"

"เขาไม่ใช่คนที่เมื่อไปถึงความสำเร็จที่ตั้งไว้แล้วจะมีความคิดว่า 'โอเค มันดีเยี่ยมมากแล้ว ฉันหยุดตรงนี้ดีกว่า' แต่ โรนัลโด้ คืออีกเรื่องนึงเลย เขาอยากประสบความสำเร็จมากกว่านี้เสมอ เขาไม่ชอบให้ใครแซงหน้า และผมชื่นชมสิ่งนี้จากหัวใจจริง" เมซุต โอซิล ที่เคยร่วมงานกับ โรนัลโด้ สมัยที่เล่นให้ เรอัล มาดริด กล่าว

โรนัลโด้ คว้าแทบทุกรางวัลที่โลกใบนี้มี เรื่องราวความสำเร็จของเขาถูกเล่าขานไปทั่ว จนทำให้หลายคนอาจลืมไปว่าแท้จริงแล้ว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผู้ยิ่งใหญ่ มาจากจุดไหน ?


Photo : www.thesun.co.uk

โรนัลโด้ มักจะปรากฎภาพคู่กับ โดโลเรส คุณแม่ของเขาอยู่เสมอไม่ว่าช่วงใด ๆ ก็ตามของชีวิต จนทำให้เรื่องราวของพ่อเขาไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2019 เพียร์ส มอร์แกน ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรชื่อดังของอังกฤษ เดินทางไปสัมภาษณ์ โรนัลโด้ ถึงเมืองตูริน และเปิดฟุตเทจที่คุณพ่อโชเซ่ผู้ล่วงลับ พูดถึงความสำเร็จของลูกชายในวัย 19 ปี (ณ ตอนสัมภาษณ์) กับสื่อนอร์เวย์ก่อนจะถึงเกมยูโร 2004 รอบชิงชนะเลิศ ว่า "ผมชอบที่จะเห็นลูกชายของผมเป็นแบบนี้จัง"

เพียงเท่านี้ก็ทำให้ภาพวันเก่า ๆ ย้อนกลับมาในหัวของ โรนัลโด้ อีกครั้ง เขานึกย้อนกลับไปตอนที่พ่อเป็นคิทแมน และเขาเป็นคนติดสอยห้อยตาม นอกจากนี้ยังนึกไปถึงช่วงเวลาที่ห่างเหินและไม่ค่อยได้คุยกับพ่อเท่าไรนัก ... โรนัลโด้ เผยว่า "คงจะดีกว่าดีนะ ถ้าเขาได้เห็นสิ่งที่ผมเป็นในทุกวันนี้" ... จากนั้นเขาก็ร้องไห้แบบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ 


Photo : www.dailymail.co.uk

"เศร้าเลยครับ ตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นการสัมภาษณ์ที่สนุกรื่นเริงซะอีก แต่ผมไม่คิดเลยว่าจะต้องมานั่งเสียน้ำตาแบบนี้ ผมไม่เคยเห็นคลิปของพ่อคลิปนี้มาก่อนเลยครับ"

"ผมไม่รู้ว่าพวกคุณไปหามันมาจากไหน แต่ผมว่าผมคงต้องเก็บมันเอาไว้ และเอาไปโชว์ให้ครอบครัวของผมดูแล้วล่ะ ... ผมรู้จักพ่อแบบไม่ 100% หรอกนะในความคิดของผมน่ะ พ่อผมเป็นคนติดเหล้ามาก ผมไม่ค่อยได้คุยกันแบบจริงจังเป็นเรื่องเป็นราวแบบที่พ่อลูกทั่วไปเขาเป็นกัน ... สิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวเรามันออกจะเข้าใจยากสักหน่อย" 

เพียร์ส มอร์แกน ถามต่อว่า แล้วอะไรที่ทำให้คุณเศร้าได้ขนาดนี้ ? โรนัลโด้ ตอบมาสั้น ๆ ว่าเพราะเวลาของพ่อน้อยเกินไป ... เกินกว่าที่จะได้เห็นว่าลูกชายคนสุดท้องคนนี้เติบโตเป็นยอดนักฟุตบอลที่ดีที่สุดเท่าที่โลกใบนี้เคยมี

นี่อาจจะเป็นเรื่องเศร้า แต่อย่างน้อย ๆ น้ำตาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ไม่อาจโกหกได้ว่า ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดคุยและห่างเหินกับพ่อ แต่ในความทรงจำของเขา "พ่อ" ยังเป็นส่วนสำคัญที่ชัดเจนในฐานะที่ทำให้เขามาได้ไกลเกินกว่าที่ใครจะกล้าคิด 


Photo : www.independent.co.uk

เมื่อกาลเวลาผ่านไป ทุกอย่างได้ถูกตกผลึกโดยสมบูรณ์แบบ ความห่างเหินที่เกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น ไม่สามารถลบล้างความจริงที่ว่าอดีตทหารผ่านศึกผู้สูญสิ้นทุกอย่าง ได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้วที่จะพาครอบครัวไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี ... แม้ในวันที่ โชเซ่ ดินิส อาเวโร่ มีชีวิต เขาอาจจะไม่ได้พาลูกชายไปถึงฝั่ง แต่อย่างน้อยการจากไปของเขา ก็แสดงให้เห็นว่าคือพลังสำคัญที่ผลักดันลูกชายคนสุดท้องให้เดินไปข้างหน้าจนสุดทาง 

"ผมเคยบอกพ่อว่า วันนึงเราจะรวย แล้วก็ได้อยู่บ้านหลังใหญ่ ๆ แม้พ่อจะบอกว่า เป็นไปไม่ได้หรอก ... แต่พ่อก็เชื่อมั่นในตัวผมมาตลอด วันนี้ผมทำได้สำเร็จ แต่พ่อก็ไม่อยู่อีกแล้ว" โรนัลโด้ เล่าถึงพ่อ

"พ่อไม่เคยได้เห็นผมคว้ารางวัลอะไรด้วยตาของตัวเองเลย การที่ท่านไม่ได้โอกาสนี้ ไม่เห็นว่าผมเป็นเบอร์ 1 ของโลก ไม่ได้เห็นว่าชีวิตของผมเป็นอย่างไร" นั่นคือสิ่งที่ โรนัลโด้ เสียใจ แม้รู้ว่าไม่สามารถแก้ไขมันได้ก็ตาม 


Photo : www.thesun.co.uk

เวลาทุกวินาทีมีค่า ก่อนจะทิ้งสิ่งใดไว้ข้างหลังจากนี้ อย่าลืมว่าคุณได้เก็บเกี่ยวช่วงเวลากับคน ๆ นั้นหรือสิ่งนั้นได้อย่างเต็มเปี่ยม 100% แล้ว ... เพราะวันหนึ่งเมื่อเวลาไม่เคยคอยท่า และสายน้ำไม่เคยย้อนกลับ หากเกิดอะไรขึ้นแบบไม่คาดฝัน จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างในใจอีกต่อไปคำว่า "ฉันน่าจะทำให้ดีกว่านี้" ไม่ใช่คำพูดที่แย่ แต่ที่แน่ ๆ การทำให้เต็มที่และไม่ได้พูดคำนี้ น่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว 

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ ความสัมพันธ์ที่โลกไม่รู้ : "พ่อของโรนัลโด้" กับความรักในแบบที่ CR7 เสียใจมากที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook