"สุพรรณบุรี เอฟซี 2015" : ฤดูกาลเขย่าไทยลีกที่สร้างปรากฏการณ์สนามแตก
สุพรรณบุรี เอฟซี คือ สโมสรภูธรที่โลดแล่นบนลีกสูงสุดของฟุตบอลไทยนานหลายปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ทั้งลุ้นแชมป์และหนีตกชั้น
หากกล่าวถึงปีทองของสโมสรแห่งนี้ คงหนีไม่พ้น ฤดูกาล 2015 ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จทุกด้าน ไล่ตั้งแต่ ผลงานการแข่งขัน, ยอดจำนวนผู้ชม, การเสริมทัพ และ ภาพลักษณ์สโมสร
จากความเปลี่ยนแปลงภายในปีเดียว ปี 2015 พลิกโฉมสโมสรที่จมอยู่ในลีกรองหลายปี ขึ้นมาเป็นทีมแนวหน้าของไทยได้อย่างไร?
เสริมทัพด้วยซูเปอร์สตาร์
ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2014 สุพรรณบุรี เอฟซี ถูกจับตามองเป็นม้ามืดที่อาจสร้างเซอร์ไพรส์แก่วงการฟุตบอลไทย หลังคว้าอันดับ 4 ในศึกไทยลีกปี 2013 ทั้งที่เป็นน้องใหม่เพิ่งเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก
แต่จนแล้วจนรอด สุพรรณบุรี เอฟซี กลับไม่สามารถทำผลงานได้ดั่งหวัง และยังตกไปถึงอันดับ 9 จนต้องมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอนจาก มาโน โพลกิง สู่ เวลิซาร์ โปปอฟ ในเดือนพฤษภาคม ปีดังกล่าว ก่อนฮึดขึ้นมาจบอันดับ 6 ของตาราง โดยไร้ถ้วยแชมป์ติดมือ
วราวุธ ศิลปอาชา ประธานสโมสร สุพรรณบุรี เอฟซี มองเห็นศักยภาพของทัพช้างศึกยุทธหัตถี ว่ามีความพร้อมที่จะล่าแชมป์ทั้ง 3 รายการของฟุตบอลไทย
หลังเก็บประสบการณ์บนลีกสูงสุดพอสมควร ขาดแค่นักเตะฝีเท้าดี และเฮดโค้ชมากความสามารถ ที่จะเข้ามายกระดับทีมให้ทัดเทียมกับสโมสรแนวหน้า อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นกับสโมสรในฤดูกาล 2015 เริ่มต้นที่ตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน เมื่อ สุพรรณบุรี เอฟซี ตัดสินใจไม่ไปต่อกับ เวลิซาร์ โปปอฟ และหันมาร่วมงานกับ เซอร์จิโอ ฟารีอาส กุนซือชาวบราซิลที่เคยพา โปฮัง สตีลเลอร์ส ยอดทีมจากเกาหลีใต้ คว้าแชมป์เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 2009
การเข้ามาของเฮดโค้ชที่ประสบความสำเร็จในระดับเอเชีย ย่อมสร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายคน ถึงแผนการอันทะเยอทะยานของสุพรรณบุรี เอฟซี ในฤดูกาล 2015 ที่สามารถมัดใจฟารีอาส ถึงขนาดยอมปัดข้อเสนอจากเซเรโซ โอซากา เพื่อมารับงานในประเทศไทย
สุพรรณบุรี เอฟซี แสดงให้เห็นถึงความกระหายของพวกเขา ด้วยการทุ่มงบทำทีม 150 ล้านบาท พร้อมทั้งดึงนักเตะตัวหลักจากทีมชั้นนำของลีก ไม่ว่าจะเป็น ณัฐพงษ์ สมณะ แบ็กซ้ายดีกรีทีมชาติจากชลบุรี เอฟซี ตลอดจน ประทุม ชูทอง และ คาร์เมโล กอนซาเลซ สองตัวหลักของแชมป์ลีกทีมล่าสุด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะเข้ามาเป็นใจกลางคนใหม่ในแดนหลังและหน้าของสุพรรณบุรี
ส่วนดีลที่สร้างความฮือฮามากที่สุด คงหนีไม่พ้น ชาริล ชัปปุยส์ กองกลางลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์ ที่เซ็นสัญญาเข้าสู่ทีมแบบถาวร หลังย้ายเข้าสู่ทีมในช่วงเลกสอง ฤดูกาล 2014 ด้วยสัญญายืมตัวจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
การคว้าตัว ชาริล ชัปปุยส์ ที่เป็นการเสริมทัพที่ยกระดับสุพรรณบุรี เอฟซี ไปอีกขั้น เพราะนี่คือครั้งแรกที่นักเตะซูเปอร์สตาร์ทีมชาติไทย ย้ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทัพช้างศึกยุทธหัตถี จนสามารถดึงดูดแฟนบอลทั้งชายและหญิงเข้าสู่สนาม จากความสำเร็จในฟุตบอลซูซูกิ คัพ 2014 และหน้าตาอันหล่อเหลาของเจ้าตัว
สุพรรณบุรี เอฟซี ในฤดูกาล 2015 จึงสร้างกระแสและการติดตามจากแฟนบอลทั่วประเทศ ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่ง จากการคว้านักเตะใหม่ 16 คน ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากแฟนบอลเลือดสุพรรณจะตื่นเต้นกับซีซั่นที่กำลังมาถึง จนมีกระแสผู้ชมแน่นสนามตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาลเลยทีเดียว
รีแบรนด์ครั้งใหญ่
ความเปลี่ยนแปลงของสุพรรณบุรี เอฟซี ในฤดูกาล 2015 ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในสนาม เมื่อมีการประกาศปรับโลโก้สโมสร และเปลี่ยนสีเสื้อเหย้า ถือเป็นการรีแบรนด์ครั้งสำคัญของสโมสร
ในส่วนของตราสโมสร สุพรรณบุรี เอฟซี ยังคงยึดมั่นเจ้าพระยาไชยานุภาพ ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นสัญลักษณ์ภายในโลโก้ของทีม
แต่มีการปรับให้หันหน้าไปทางด้านขวา แทนของเดิมซึ่งหันมาด้านซ้าย โดยให้เหตุผลว่า การหันหน้าช้างมาทางด้านซ้ายคล้ายงาช้างทิ่มคอคน ดูไม่เป็นมงคลกับนักเตะสักเท่าไหร่
นอกจากนี้ ยังมีการใส่รายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อให้โลโก้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คำขวัญภาษาละตินที่แปลว่า "วินัย หมั่นเพียร ซื่อสัตย์", ช่อมะกอก สัญลักษณ์แห่งชัยชนะบริเวณด้านข้าง และแถบลูกศรที่อยู่ด้านบน สื่อถึงการร่วมใจของ แฟนบอลจาก 10 อำเภอ ในจังหวัดสุพรรณบุรี
สำหรับชุดแข่งขันในฤดูกาล 2015 มีการเปลี่ยนชุดเหย้ามาใช้สีกรม แทนที่ของเดิมซึ่งเป็นสีส้มนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร และยังมีการเปลี่ยนผู้ผลิตชุดแข่งขัน โดยเป็น Warrix แบรนด์กีฬาน้องใหม่ (ในขณะนั้น) ที่เข้ามาจับมือกับสุพรรณบุรี เอฟซี
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งตราสโมสร และชุดแข่งขัน เปลี่ยนภาพลักษณ์ของสุพรรณบุรี เอฟซี ที่เป็นเพียงทีมฟุตบอลจากภูมิภาค สู่ทีมแถวหน้าของไทยลีกได้เพียงพริบตา เมื่อบวกกับขุมกำลังนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ ปฏิเสธไม่ได้ว่า การรีแบรนด์ในฤดูกาล 2015 ช่วยยกระดับสโมสรแห่งนี้มากทีเดียว
ผลงานตามเป้าหมาย
นักเตะระดับแนวหน้า และภาพลักษณ์โฉมใหม่ อาจทำให้แฟนบอลชาวสุพรรณบุรี เดินทางมาเชียร์ทีมประจำจังหวัดอย่างล้นหลามในช่วงแรก แต่ผลงานที่ดีวันดีคืนต่างหาก คือ ปัจจัยที่ทำให้แฟน ๆ เข้าชมเกมในรังเหย้าอย่างเหนียวแน่น
ขุนพลช้างศึกยุทธหัตถีตอบแทนความคาดหวังของแฟนบอล ด้วยฟุตบอลที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะเกมรุก จากการประสานงานของ 2 แข้งตัวเก่ง เซอร์จิโอ ฟาน ไดจ์ค และ จักรพันธ์ พรใส ที่ยิงรวมกันในลีก 27 ประตู โดยเฉพาะรายหลังที่ถือเป็นหนึ่งในนักเตะไทยที่ดีที่สุดของปี หลังจักรพันธ์ยิง 13 ประตู และ 14 แอสซิสต์ ในฤดูกาลดังกล่าว
ส่งผลให้ ทีมเก็บคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ โดยในช่วงต้นฤดูกาล 2015 สุพรรณบุรี เอฟซี เคยทะยานรั้งจ่าฝูงของตารางเลย
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนบอล "เลือดสุพรรณ" จะเข้ามาสนับสนุนนักเตะจนเต็มสนามแทบทุกนัด จนมีค่าเฉลี่ยผู้ชมในฤดูกาล 2015 สูงถึง 10,235 คน ถือเป็นอันดับ 3 ของลีก โดยนัดที่มีผู้ชมมากที่สุด คือเกมเอาชนะ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 2-1 โดยมีแฟนบอลเข้าชม 25,709 คน ซึ่งมากกว่าความจุสนาม
ไทยลีก ฤดูกาล 2015 จึงเป็นปีประวัติศาสตร์ของ สุพรรณบุรี เอฟซี แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์ตามเป้าหมาย จนต้องมีการเปลี่ยนแปลงเฮดโค้ชช่วงท้ายฤดูกาลมาเป็น วรวุธ ศรีมะฆะ
แต่การจบอันดับ 3 ของตาราง ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของสโมสร เพราะถือเป็นอันดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ทีมสุพรรณบุรี และยังคว้าโควต้า เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือกได้อีกด้วย
น่าเสียดายที่สุพรรณบุรี เอฟซี มีปัญหาเรื่องสนามแข่งขัน จึงต้องสละสิทธิ์การเข้าร่วมฟุตบอลถ้วยใหญ่ของทวีปเอเชีย แต่ถึงอย่างนั้น ผลงานในฤดูกาล 2015 ถือเป็นจุดสูงสุดของสุพรรณบุรี เอฟซี นับตั้งแต่ก่อตั้งทีม
แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี แต่สำหรับแฟนฟุตบอลไทย ภาพของกองเชียร์ที่เต็มสนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรี ในฤดูกาล 2015 ยังอยู่ในความทรงจำ และสะท้อนให้เห็นถึงยุคทองของฟุตบอลไทย ในวันที่สโมสรฟุตบอลกลายเป็นความภูมิใจของคนในท้องถิ่นได้จริง
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ