[OPINION] ว่าที่กุนซือคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล ที่ชื่อ "สตีเวน เจอร์ราร์ด"
นับตั้งแต่ขึ้นปี 2021 เยอร์เก้น คล็อปป์ พา “แชมป์เก่า” อย่าง ลิเวอร์พูล ทำผลงานตกต่ำดำดิ่งชนิดที่ใครหลายคนไม่คิดไม่ฝัน จากที่รั้งตำแหน่งจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อยู่ดีๆ กลายเป็นว่าตอนนี้มีแต้มห่างจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงทีมล่าสุดอยู่ถึง 19 คะแนน
ชั่วระยะเวลาแค่ 2 เดือนกว่า ๆ นายใหญ่ชาวเยอรมันทำให้ หงส์แดง ปีกหักร่วงจากตำแหน่งบนสุดของตารางมาอยู่อันดับ 6 ได้อย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมกับทำสถิติพ่ายแพ้ในบ้านตัวเองติดต่อกัน 4 นัดเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปีหลังจากที่เพิ่งทำสถิติใหม่ให้กับสโมสรด้วยการไม่แพ้ใครที่ แอนฟิลด์ 68 เกม รวมทั้งสถิติ 11 นัดหลังสุดในลีกพวกเขาเก็บได้แค่ 9 คะแนนเท่านั้น
โดยเฉพาะในเกมล่าสุดที่พ่ายให้กับ เอฟเวอร์ตัน คาถิ่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 เสียงเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวกุนซือจึงดังขึ้นเรื่อย ๆ และหนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือ สตีเวน เจอร์ราร์ด
“กัปตันเจิด” คือนักเตะระดับตำนานผู้เป็นคนชูถ้วย ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 5 ที่อิสตันบูล เมื่อปี 2005 และแม้ว่าจากนั้นมาเจ้าตัวจะไม่ประสบความสำเร็จใด ๆ เลย แต่ด้วยบุคลิกภาพและความจงรักภักดีที่มีต่อสโมสร ทำให้เขายังคงอยู่ในใจ เดอะค็อป หลายคน
AC Milan v Liverpool - UEFA Champions League Final | Etsuo Hara/Getty Images
หลังจากแขวนสตั๊ด เจอร์ราร์ด ก็ได้ทำงานกับทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล อยู่พักหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้จัดการทีม กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ยักษ์หลับแห่งศึก สก็อตติชพรีเมียร์ลีก เมื่อซีซันที่แล้วและกำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่ในขณะนี้
ผลงานของ สตีวีจี กับ เรนเจอร์ส ในฤดูกาลนี้เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงกันในวงกว้างด้วยสถิติคุมทีมลงเล่นในลีก 30 นัด ชนะ 26 เสมอ 4 ไม่แพ้ใครแม้แต่เกมเดียว ขยับเข้าใกล้แชมป์เข้าไปทุกขณะ
หลายคนบอกว่าจากผลงานของ คล็อปป์ ในเวลานี้ยากที่จะกลับมาสู่จุดเดิมที่เคยทำไว้ในช่วง 2 ปีหลังสุดได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ลองให้โอกาสลูกหม้อวัย 40 ปีดูจะเป็นไรไป
หากพิจารณาดูสถิติการคุมทีมแล้วมันเป็นเรื่องง่ายที่จะตัดสินใจเช่นนั้น แต่เมื่อดูจากมาตรฐานของลีก ก็ยังมีคำถามว่า เจอร์ราร์ด พร้อมแล้วหรือที่จะย้ายมาแบกความหวังของแฟนบอล ลิเวอร์พูล กว่าค่อนโลกที่ แอนฟิลด์
Fans Celebrate As Liverpool FC Lift The Premiership Trophy At Anfield | Christopher Furlong/Getty Images
ฟุตบอลสก็อตแลนด์นั้นถ้าย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 30-40 ปีก่อนถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับฟุตบอลดิวิชัน 1 เดิมของอังกฤษก็ว่าได้ กลาสโกว์ เซลติก เป็นทีมแรกของสหราชอาณาจักรที่คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ หรือ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในปัจจุบันได้สำเร็จ ก่อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นแชมป์ยุโรปทีมแรกของอังกฤษเสียอีก
ด้านบุคลากรก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็มาจาก อเบอร์ดีน ทีมเล็ก ๆ ที่ก้าวขึ้นมาท้าทายอำนาจของ 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง กลาสโกว เรนเจอร์ส และ กลาสโกว เซลติก ได้ในช่วงยุค 80 ก่อนจะมาสร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษในช่วงยุค 90 จนถึงต้น ๆ ปี 2000
นักเตะระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล ก็มาจากสก็อตแลนด์ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น เคนนี ดัลกลิช, อลัน แฮนเซน แกรม ซูเนสส์ และ สตีฟ นิโคล ทั้งหมดนี้อยู่ในยุคประกาศศักดาเป็นหนึ่งในยอดทีมของยุโรปมาแล้ว
แต่นั่นคืออดีตเมื่อเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากพูดถึง ณ เวลานี้ มาตรฐานฟุตบอลของพวกเขากลับทำได้แค่สูสีกับ เดอะแชมเปี้ยนชิพ ของอังกฤษเท่านั้น
Rangers v Celtic - Ladbrokes Scottish Premiership | Ian MacNicol/Getty Images
นักเตะที่ย้ายข้ามฟากมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก น้อยรายที่จะไปรอด ไม่ต้องไปพูดถึงระดับผู้จัดการทีม ซึ่งคนสุดท้ายที่มาจาก สกอตติชพรีเมียร์ลีก แล้วสามารถคว้าแชมป์บนเกาะอังกฤษได้คือ อเล็กซ์ แม็คลิช อดีตนายใหญ่ เรนเจอร์ส ที่ช่วยให้ เบอร์มิงแฮม เอาชนะ อาร์เซนอล คว้าแชมป์ ลีกคัพ อย่างยิ่งใหญ่เมื่อปี 2011 แต่สุดท้ายก็พาทีมตกชั้นในปีเดียวกัน
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรการันตีได้ว่า เจอร์ราร์ด ที่เทพกับลีกสก็อตจะย้ายมาประสบความสำเร็จกับ ลิเวอร์พูล
อย่างไรก็ตาม ของแบบนี้อาจไม่ใช่ตรรกะตายตัวที่จะพูดได้ว่า เมื่อคุณมาจากลีกที่มาตรฐานต่ำกว่าแล้วจะไม่สามารถคุมทีมใหญ่ได้ ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ย้ายจาก ดาร์บี้ มารับงานคุมทีม เชลซี และสามารถคว้าโควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ตั้งแต่ซีซันแรกด้วยการที่ไม่ซื้อนักเตะใหม่เลยแม้แต่คนเดียว
หรือแม้แต่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เองก็แจ้งเกิดกับทีมระดับล่างอย่าง ไมน์ซ 05 ก่อนจะพาเลื่อนชั้นมาเล่นใน บุนเดสลีกา และซึ่งแม้จะตกชั้นไปอีกรอบแต่ฝีมือก็ไปเข้าตา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จนถูกดึงมาสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นแชมป์ บุนเดสลีกา 2 ปีติดต่อกันมาแล้ว
Werder Bremen v FSV Mainz 05 | Stuart Franklin/Getty Images
เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เคยคุมีทมในระดับไหนมาก่อนเลย ประสบการณ์เป็นแค่โค้ชทีมเยาวชนของ บาร์เซโลนา เท่านั้น แต่พอถูกดันให้ขึ้นมารับงานคุมทีมชุดใหญ่ที่ คัมป์นู เขาก็กลายเป็นตำนานจนวันนี้
ดังนั้น เมื่อคิดจากมุมนี้จึงไม่มีอะไรจะบอกเราได้ 100% ว่า เจอร์ราร์ด พร้อมหรือไม่กับการก้าวขึ้นมารับงานที่ ลิเวอร์พูล
หากแต่เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับแฟนบอล การปล่อยให้เจ้าตัวได้พิสูจน์ฝีมือกับ เรนเจอร์ส อีกซักปี ก็คงยังไม่สายที่จะกลับมาพิจารณากันใหม่อีกครั้ง
แต่ถ้าเกิดท็อปฟอร์มคว้าแชมป์ ยูโรปาลีก ได้อีกถ้วย ก็ไม่แน่ว่าเราอาจได้เห็นชื่อของ สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่ แอนฟิลด์ เร็วขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้
Rangers v Celtic - Ladbrokes Scottish Premiership | Ian MacNicol/Getty Images