"ชาเปโคเอนเซ" ทำอย่างไร จึงยังยืนหยัดได้ หลังเกิดโศกนาฏกรรมเครื่องบินตก?
หนึ่งในเรื่องราวที่สร้างความสะเทือนใจแก่โลกกีฬามากที่สุด คือ อุบัติเหตุเครื่องบินตกที่คร่าชีวิตนักเตะ และสตาฟฟ์โค้ชของทีม ชาเปโคเอนเซ สโมสรฟุตบอลจากประเทศบราซิล
พวกเขาสูญเสียนักฟุตบอลเกือบยกทีม และแทบไม่เหลือบุคลากรที่จะเดินหน้าสโมสร แต่ด้วยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ ชาเปโคเอนเซ เลือกท้าทายโชคชะตา และลงแข่งขันบนลีกสูงสุดต่อไป
ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา นับจากผ่านโศกนาฏกรรม สโมสรแห่งนี้ผ่านเหตุการณ์มากมาย ตั้งแต่ รอดตกชั้นทั้งที่ไม่มีเงินซื้อตัวนักเตะ ไปจนถึงวันที่ร่วงจากลีกสูงสุด และต้องนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด
ฤดูกาล 2020 ชาเปโคเอนเซ สร้างเรื่องราวที่น่ามหัศจรรย์อีกครั้ง เมื่อพวกเขาเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุด หลังจากตกชั้นเพียงปีเดียว ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ที่ดึงตัวตนและแก่นแท้ของสโมสรกลับมาอีกครั้ง
ชีวิตที่ต้องเดินต่อ
ย้อนกลับไปวันที่ 28 พฤศจิกายน 2016 โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าได้เกิดขึ้นกับ ชาเปโคเอนเซ สโมสรฟุตบอลจากประเทศบราซิล เมื่อเครื่องบินที่บรรทุกนักเตะและสตาฟฟ์ของทีม ที่กำลังเดินทางไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโคปา ซูดาเมริกานา ตกลงสู่ภูเขาเซอร์โรโกร์โด ในประเทศโคลอมเบีย เนื่องจากน้ำมันหมด
อุบัติเหตุครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 71 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักเตะและสตาฟฟ์ของชาเปโคเอนเซ มีนักเตะเพียง 3 ราย ที่เดินทางไปกับเที่ยวบิณมรณะ และรอดชีวิตกลับมา คือ อลัน รัชเชล แบ็คซ้ายกัปตันทีม, แจ็คสัน โฟลมันน์ ผู้รักษาประตู และ เนโต ผู้เล่นตำแหน่งกองหลัง
ถึงจะรอดชีวิต แต่ชีวิตของพวกเขาต้องเปลี่ยนไปแบบไม่มีวันหวนกลับ ... โฟล์มันน์ ถูกตัดขาขวาเพื่อรักษาชีวิต ส่วน เนโต ได้รับอาการบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ จนไม่สามารถหวนกลับสู่สนามฟุตบอลได้อีกครั้ง มีเพียง อลัน รัชเชล เท่านั้น ที่สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้เหมือนเดิม
โศกนาฏกรรมครั้งนี้ สร้างความโศกเศร้าและบาดแผลแก่ผู้คนในเมืองชาเปโค แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับ ชาเปโคเอนเซ ที่แม้จะสูญเสียบุคลากรในทีมเกือบทั้งหมด แต่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสโมสรทุกคน ยืนยันว่า ชาเปโคเอนเซ จะลงแข่งขันในฤดูกาลถัดไป แม้ว่านักเตะในทีมขณะนั้น จะเหลือจำนวนเพียง 6 คน
"ด้วยความระลึกถึงผู้เสียชีวิต และเพื่อเป็นเกียรติยศแก่ครอบครัวของพวกเขา เราจะสร้างสโมสรแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ และจะกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม" เซซิลิโอ ฮานส์ ผู้อำนวยการสโมสร ชาเปโคเอนเซ กล่าวเมื่อปี 2016
อันที่จริง ทรัพยากรของ ชาเปโคเอนเซ ไม่พร้อมอย่างยิ่งกับการกลับมาแข่งขันในปี 2017 เพราะนอกจากจะเหลือนักเตะเพียง 6 คน พวกเขาแทบไม่เหลือสตาฟฟ์โค้ชในทีม โดยพนักงานที่ยังอยู่กับสโมสรหลังอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่เป็น หมอ, นักกายภาพ และคนดูแลห้องแต่งตัว
ด้วยเหตุนี้ 8 สโมสรในประเทศบราซิล จึงแจ้งความจำนงไปยังสหพันธ์ฟุตบอลบราซิล ถึงความต้องการที่จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือชาเปโคเอนเซ ด้วยการส่งนักเตะให้ยืมตัวแบบฟรี ๆ นอกจากนี้ สโมสรอื่นในบราซิลยังมีความเห็นว่า ชาเปโคเอนเซ ควรได้สิทธ์ยกเว้นการตกชั้นเป็นเวลา 3 ฤดูกาล
ทีมเดียวที่ไม่เห็นด้วยกลับสิทธิพิเศษนี้ คือ ชาเปโคเอนเซ พวกเขามีศักดิ์ศรีมากพอที่จะยอมรับความล้มเหลว หากไม่สามารถสร้างทีมที่แหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ให้กลับมาแข็งแกร่งดั่งเพชรอีกครั้ง
การอยู่รอดบนลีกสูงสุดในฤดูกาล 2017 ของ ชาเปโคเอนเซ จึงไม่ต่างจาก "Mission Impossible" แต่ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทุกคนที่เกี่ยวข้องกลับสโมสร เรื่องราวที่เป็นไปไม่ได้ กลับเป็นความจริงขึ้นมา ...
รอดตกชั้นด้วยเงิน 0 เรอัล
หนึ่งในบรรดานักเตะทั้ง 6 คนของ ชาเปโคเอนเซ ที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก คือ นิวัลโด คอนสตันเต มือกาววัย 42 ปี ซึ่งไม่ได้ขึ้นเครื่องไปในวันดังกล่าว ที่กำลังจะประกาศแขวนถุงมือ และหันหลังแก่วงการฟุตบอล เพื่อทุ่มเทเวลาให้กับครอบครัว
เมื่อเกิดโศกนาฏกรรม ความสูญเสียทำให้จิตใจของ นิวัลโด แหลกสลาย แต่ความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ยังเบื้องลึกของหัวใจ ช่วยให้เขาลุกขึ้นมาอีกครั้ง และกลายเป็นศูนย์กลางของสโมสร เพื่อเตรียม ชาเปโคเอนเซ ให้พร้อมกับการแข่งขันฤดูกาล 2017 ที่กำลังจะเริ่มในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
Photo : terceirotempo.uol.com.br
"เราใช้เวลาตั้งแต่ 8 โมงจนถึง 4 ทุ่ม ของทุกวัน เพื่อติดต่อกับเอเยนต์ และนักเตะ เราทำแบบนี้เป็นเวลา 20 วัน จนกระทั่งได้นักเตะครบ 22 คน" นิวัลโด กล่าวกับ AFP
โชคดีของ ชาเปโคเอนเซ ที่สถานะการเงินของสโมสร ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเหตุการณ์อันน่าเศร้า เนื่องจาก สหพันธ์ฟุตบอลบราซิล ทำหน้าที่รับผิดชอบเงินเดือนของนักบอลผู้เสียชีวิตแก่ครอบครัวเป็นเวลา 3 ปี ช่วยให้ ชาเปโคเอนเซ สามารถโฟกัสไปยังการสร้างทีมใหม่ได้อย่างเต็มที่
ยิ่งไปกว่านั้น ชาเปโคเอนเซ ยังได้รับเงินช่วยเหลือจากสโมสรมหาอำนาจ อย่าง บาร์เซโลนา ที่มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 250,000 ยูโร หรือราว 9 ล้านบาท แก่ ชาเปโคเอนเซ และยังเชิญทีมจากบราซิลลงเตะในรายการ โจน กัมเปร์ โทรฟี่ โดยกำไรที่ได้จากการแข่งขัน จะถูกแบ่งให้กับสโมสรผู้เคราะห์ร้าย
อย่างไรก็ดี เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ชาเปโคเอนเซ ฟื้นกลับจากความโศกเศร้า ทั้งที่เพิ่งผ่านโศกนาฏกรรมเพียงแค่ 1 ปี คือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของนักเตะทุกคน ที่พร้อมจะสู่เพื่อสโมสรแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่ การกลับลงสู่สนามอีกครั้งของ อลัน รัชเชล ในเกมการกุศลที่พบกับ บาร์เซโลนา
ภาพของนักเตะผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก ซึ่งยืนอยู่บนสนามเดียวกันกับนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี สร้างกำลังใจมหาศาลแก่นักเตะ และแฟนบอลของ ชาเปโคเอนเซ
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้รอดชีวิตรายอื่น เช่น เนโต ที่แม้จะไม่สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง แต่ผู้ชายคนนี้ เลือกจะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของห้องแต่งตัว และพูดปลุกใจนักเตะหน้าใหม่ให้สู้อย่างเต็มที่เพื่อ ชาเปโคเอนเซ ส่วน โฟล์มันน์ ที่สูญเสียขา ยังคงทำหน้าที่เป็นทูตสโมสร และตั้งความหวังจะกลับมาเตะฟุตบอลอีกครั้ง
จิตใจที่สู้ไม่ถอยของผู้รอดชีวิตทั้ง 3 รวมสโมสร ชาเปโคเอนเซ เป็นหนึ่ง ในที่สุด ขุนพล "ชาเป้" สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นในการแข่งขันฤดูกาล 2017 เมื่อพวกเขาจบอันดับ 8 ของตาราง สามารถรอดตกชั้นจากลีกสูงสุดได้สำเร็จ ทั้งที่ขุมกำลังของชาเปโคเอนเซที่เข้ามาเสริมทัพ ล้วนแต่เป็น นักเตะเซ็นฟรี, นักเตะยืมตัว และนักเตะเยาวชน ที่ไม่ได้จ่ายค่าตัวแม้แต่บาทเดียว
การสร้างทีมใหม่ด้วยเงิน 0 เรอัลบราซิล และเวลาเพียงหนึ่งปีหลังโศกนาฏกรรม คือ ความสำเร็จอันน่าเหลือเชื่อ แต่การเดินทางของ ชาเปโคเอนเซ ยังไม่จบ และมีบททดสอบอีกมากที่รอท้าทายสโมสรแห่งนี้ในอนาคต
คืนชีพด้วยใจหนึ่งเดียว
"ชาเปโคเอนเซ ตกชั้น หลังจากโศกนาฏกรรมเครื่องบินตก 3 ปี"
พาดหัวของ ESPN บ่งบอกข่าวร้ายแก่แฟนบอลทั่วโลก เมื่อ ชาเปโคเอนเซ ไม่อาจฝืนโชคชะตา และร่วงจากลีกสูงสุดของฟุตบอลบราซิล เนื่องจากรั้งอันดับ 19 ของตาราง จบฤดูกาล 2019 ในฐานะรองบ๊วย
Photo : ygfoot.com
ความล้มเหลวครั้งนี้ของ ชาเปโคเอนเซ ไม่ใช่เรื่องที่เกินคาด เพราะนับแต่เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก ความต่อเนื่องในการทำทีมของพวกเขากลายเป็นศูนย์ เพราะนักเตะส่วนใหญ่ที่มาอยู่กับทีมเป็นแข้งยืมตัว ส่วนที่เหลือเป็นนักเตะที่เข้ามาอยู่กับทีมในสัญญาระยะสั้น ซึ่งพร้อมจะย้ายไปอยู่สโมสรอื่น หากได้ข้อเสนอที่ดีกว่า
ขุมกำลังของ ชาเปโคเอนเซ ในฤดูกาล 2019 จึงกลายเป็นผลลัพธ์ของการสร้างทีมที่ไม่ลงตัว เมื่อนักเตะที่ยืมตัวมาจากสโมสรอื่น ล้วนเป็นนักเตะอายุน้อยที่ไร้ประสบการณ์ ส่วนนักเตะที่เซ็นสัญญาแบบฟรีเอเยนต์ เป็นนักเตะตกเกรดที่มีอายุมาก จนไม่สามารถแบกทีมได้
"นี่คือช่วงเวลาที่เปราะบาง และยากจะหาคำใดมาอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น" ดักลาส กัปตันทีม ชาเปโคเอนเซ ในฤดูกาล 2019 ให้สัมภาษณ์
"ในฐานะตัวแทนนักเตะ ผมรู้สึกเสียใจที่เราพา ชาเปโคเอนเซ มาอยู่ในจุดนี้ แต่ผมเชื่อว่าสโมสรแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีอยู่เสมอ"
"ผมคิดว่านี่คือเวลาที่ทุกฝ่ายจะรวมใจกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง ทำทุกอย่างให้ถูกต้องเพื่อพา ชาเปโคเอนเซ กลับสู่ลีกสูงสุด ซึ่งเป็นที่ที่สโมสรแห่งนี้ควรอยู่ และสานต่อเรื่องราวอันสวยงามนี้ต่อไป"
Photo : www.gazetaesportiva.com
ภารกิจฟื้นฟูสโมสรจากเถ้าถ่านภาค 2 เริ่มต้นขึ้น สถานการณ์ของ ชาเปโคเอนเซ คล้ายกับช่วงหลังเกิดโศกนาฏกรรม คือจำเป็นต้องหานักเตะจากฟรีเอเยนต์ และสัญญายืมตัว โดยสโมสรไม่มีงบประมาณให้ พวกเขาจึงต้องสร้างทีมใหม่ในลีกรอง ด้วยเงิน 0 เรอัลบราซิล เช่นเดียวกับฤดูกาล 2017
ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อวิกฤติ COVID-19 เข้าเล่นงาน สโมสรที่มีงบประมาณจำกัดอย่าง ชาเปโคเอนเซ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากตัดเงินเดือนนักเตะในสโมสร เมื่อบวกกับผลงานในช่วงแรกที่เป็นไปอย่างย่ำแย่ จนต้องมีการเปลี่ยนตัวเฮดโค้ชในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ การเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดภายในปีเดียวของ ชาเปโคเอนเซ แทบจะเป็นไปไม่ได้
"มันเป็นปีที่เราต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย แต่ก็เช่นเดียวกับความมุ่งมั่น และหน้าที่ของเรา" อลัน รัชเชล กัปตันทีม และผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตก กล่าวเหตุผลที่พาทีมกลับสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ
"นักเตะในทีมเข้าใจแก่นแท้และตัวตนของ ชาเปโคเอนเซ และต่อสู้เพื่อเป้าหมายเดียว พวกเราก้าวข้ามความยากลำบากที่เข้ามา ด้วยเป้าหมายที่ต้องการสร้างประวัติศาสตร์ ในการกลับสู่ลีกสูงสุด"
Photo : Associação Chapecoense de Futebol
สิ่งที่ช่วยให้ ชาเปโคเอนเซ สร้างเรื่องราวมหัศจรรย์ไม่แตกต่างจากฤดูกาล 2017 คือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวที่กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง ผ่านศูนย์กลางของทีมอย่าง อลัน รัชเชล ซึ่งจากลาทีมไปในปีที่พวกเขาตกชั้น เนื่องจากต้องออกไปยืมตัวกับสโมสรอื่น
การกลับมาของผู้นำทีมที่เคยรวมใจคนทั่วโลกเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ ชาเปโคเอนเซ กลับมาเป็นทีมฟุตบอลที่มุ่งมั่น และสู้ด้วยใจ ในที่สุด ขุนพลชาเป้ก็ทำสำเร็จ ด้วยการการันตีที่จะจบอันดับท็อป 4 และคว้าตั๋วเลื่อนชั้นมาครองได้สำเร็จ
ชาเปโคเอนเซ กลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง พร้อมเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อที่สร้างแรงบันดาลใจ ถึงอย่างนั้น ความสำเร็จครั้งนี้เป็นเพียงบทหนึ่งในหนังสือเล่มใหญ่ ยังมีความท้าทายอีกมากรอสโมสรแห่งนี้อยู่ในอนาคต
แต่ไม่ว่าอุปสรรคใดจะเข้ามา หาก ชาเปโคเอนเซ ยังคงรักษาตัวตนและแก่นแท้ของสโมสร คือ "ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว" เชื่อเหลือเกินว่า ชาเปโคเอนเซ จะยังคงยืนหยัด และโลดแล่นอยู่บนโลกฟุตบอลต่อไปตราบนานเท่านาน
Photo : Associação Chapecoense de Futebol
"ไม่มีความหยิ่งยะโส หรือ ความตรึงเครียดในห้องแต่งตัวของเรา ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเราอยู่รวมกันอย่างมีความสุข แข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งเดียว"
"ตอนนี้เราบรรลุเป้าหมายเดิมคือ การเลื่อนชั้น หลังจากนี้ ความฝันของเราคือการคว้าแชมป์ลีก ซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม และเรากำลังตามล่ามัน"
"แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยาก เพราะจ่าฝูงของเราเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมมาก แต่พวกเรารู้ดีว่า หากเราทำในสิ่งที่เราทำกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรามีศักยภาพทุกอย่างที่จะเรียกตัวเองว่าแชมเปี้ยน" อลัน รัชเชล กล่าวถึงก้าวต่อไปของ ชาเปโคเอนเซ