ทำตัวให้เหมือนน้ำ : บทเรียนจาก "ซน ฮึง มิน" ที่ทำให้รู้ว่า อยากยิ่งใหญ่ "ต้องรู้จักปรับตัว"

ทำตัวให้เหมือนน้ำ : บทเรียนจาก "ซน ฮึง มิน" ที่ทำให้รู้ว่า อยากยิ่งใหญ่ "ต้องรู้จักปรับตัว"

ทำตัวให้เหมือนน้ำ : บทเรียนจาก "ซน ฮึง มิน" ที่ทำให้รู้ว่า อยากยิ่งใหญ่ "ต้องรู้จักปรับตัว"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ต่อให้คุณไม่ใช่แฟนฟุตบอล แต่วันนี้คุณก็ย่อมได้ยินชื่อนักฟุตบอลชาวเกาหลีใต้ที่ชื่อว่า "ซน ฮึง มิน" ผ่านหูมาบ้าง ...

เขาเก่งแค่ไหนทุกวันนี้คงไม่มีใครกล้าสงสัยในฝีเท้าของเขาอีกแล้ว ดาวยิงจาก ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ พัฒนาขึ้นในทุก ๆ ปี จนทุกวันนี้เขาคือ 1 ในแข้ง "ระดับโลก" โดยแท้จริง 

นั่นคือสิ่งที่ทุกคนในวงการฟุตบอลรู้ แต่เส้นทางความยิ่งใหญ่ไม่ได้ตัดสินแค่ปลายทาง และวันนี้เราจะย้อนกลับไปในตอนเริ่มต้นของความยากลำบากที่แท้จริงในชีวิตเด็กเกาหลีใต้วัย 16 ปี คนหนึ่ง ที่ต้องมาใช้ชีวิตในเยอรมันเพียงตัวคนเดียว

เรื่องราวที่หลายคนไม่รู้ และเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ ซน ฮึง มิน มาไกลถึงวันนี้ได้เป็นเช่นไร ติดตามได้ที่นี่

ไม่เจ็บปวด ไม่เรียนรู้

No Pain No Gain คือสิ่งที่ ซน ฮึง มิน หนึ่งในดาวเตะเอเชียที่ดีที่สุดตลอดกาล ประสบพบเจอมาตลอดชีวิต กว่าเขาจะก้าวมาถึงจุดนี้ ... การเป็นชาวตะวันออกที่เป็นสุดยอดผู้เล่นอันเอกอุภายใต้กีฬาที่ชาติตะวันตกเป็นมหาอำนาจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ... ด้วยเหตุนี้ ซน ฮึง มิน จึงต้องทุ่มทั้งชีวิต ... แม้จะเริ่มด้วยความไม่เต็มใจนัก 

พ่อของเขา ซน อึง จอง คือคนที่เคี่ยวเข็ญให้ ซน ฮึง มิน เล่นฟุตบอล "แบบจริงจัง" ตั้งแต่ยังจำความได้ เด็กคนอื่นอาจจะเล่นเพื่อความสนุก แต่สำหรับ อึง จอง ลูกชายของเขาต้องจริงจัง และเสียสละทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นคนที่พิเศษที่สุด

ซน เคยเล่าว่าเขาต้องเดาะบอลให้ไม่ร่วงลงพื้นติดต่อกัน 3 ชั่วโมง จนเลือดไหลออกตา ไหนจะโดนด่า โดนลงไม้ลงมือสารพัดสารเพ แต่นั่นก็ทำให้เขาเก่งขึ้นจริง ๆ จนสามารถทดสอบฝีเท้า และเป็นสมาชิกของทีมเยาวชน เอฟซี โซล สโมสรที่ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศตั้งแต่อายุ 12 ปี 

Photo : Bundesliga

 

นั่นควรจะเป็นอะไรที่น่าพอใจ แต่ไม่ใช่สำหรับ ซน ฮึง มิน เขาโดนเคี่ยวเข็ญจนเสพติดการท้าทายไปแล้ว  เขาพัฒนาตัวเองจนถึงอายุ 16 ปี ก่อนได้เข้าร่วมแคมเปญที่สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้นำเด็ก ๆ ที่มีแวว 3 คน ไปฝึกฝีเท้ากับ ฮัมบูร์ก ทีมดังของบุนเดสลีกา เยอรมัน (ณ เวลานั้น)

ปกติรายการแบบนี้มักเป็นรูปแบบการโปรโมตองค์กรมากกว่าการจะหวังผลอะไร เด็ก ๆ ที่ไปอาจจะได้ประสบการณ์ การไปเบียดกับเด็กยุโรปและได้รับสัญญาถาวรนั้น แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ... แต่ครอบครัว ฮึง มิน กลับมองว่านี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญ ดังนั้นแม้สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้จะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เด็ก ๆ ที่ได้โอกาส และใครที่จะเป็นผู้ติดตามต้องออกเงินทั้งหมด แต่ ซน ฮึง จอง คิดว่ามันคือการลงทุน เขาไปเยอรมันพร้อมกับลูกชาย แม้จะต้องใช้เงินจำนวนมาก ด้วยเหตุผลเพียงว่าได้โอกาสทั้งที ต้องใส่กันให้สุดตัวกันไปเลย

Photo : Bundesliga

และนี่คือการทุ่มหมดหน้าตักของ ซน อึง จอง โดยแท้จริง เขาไม่เคยไปต่างประเทศเลย แต่หนนี้ไม่มีอะไรต้องกลัว เจ๊งเป็นเจ๊ง เขาและ ฮึง มิน พร้อม ๆ กับเด็กอีก 2 คนที่มาที่นี่แบบตัวคนเดียว แลนดิ้งลงที่เยอรมัน พร้อมกัน จากนั้นความแตกต่างระหว่าง ซน ฮึง มิน กับคนที่เหลือจึงเริ่มขึ้น

Germany First Time 

"ตอนนั้นผมยังเด็กมาก แต่ผมก็ฝันเอาไว้สูงพอสมควร อยากทำให้มันเป็นจริงด้วยครับ" ซน ฮึง มิน ย้อนความหลังในเรื่องนี้กับ FourFourTwo

"ผมจะเลือกเล่นในบ้านเกิดก็ได้ เคลีก เป็นลีกที่ดี แต่ทุกคนก็รู้เต็มอกว่า ถ้าอยากจะเจอกับของจริงก็ต้องเล่นในยุโรป ไม่เคยมีช่วงเวลาใดเลยที่ผมสงสัยว่าผมคิดผิด" 

อึง จอง ปล่อยให้ลูกซ้อมกับทีมเยาวชน ฮัมบูร์ก ตามโปรแกรม แต่หลังซ้อมเสร็จ เขาและ ฮึง มิน จะต้องลงซ้อมกันต่อในแบบ "มหาโหด" ที่คุ้นเคย ตอนนั้นเหล่าทีมโค้ชเยาวชนของ ฮัมบูร์ก ต่างพากันสงสัยว่า ทำไมชายคนนี้ถึงต้องเอาจริงเอาจัง จนถึงขั้นลงไม้ลงมือกับลูกชายของตัวเอง

Photo : Bundesliga

"ผมตีลูกชายของผมบ่อยมาก เพราะมันคิดว่ามันจำเป็นที่ต้องทำแบบนี้บ้าง เพียงแต่ชาวยุโรปไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่นัก" อึง จอง ว่าไว้เช่นนั้น 

 

การลงมือจำเป็นหรือไม่ ? คำตอบนี้ไม่มีถูกผิด แต่สำหรับ อึง จอง เขาได้สร้างมาตรฐานให้กับ ฮึง มิน ไปอีกขั้นยิ่งกว่านักฟุตบอลเอเชียคนอื่น ๆ เพราะในแคมเปญของสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ครั้งนั้น ซน ฮึง มิน คือคนเดียวที่ผ่านการทดสอบ จนได้สัญญาเยาวชนจาก ฮัมบูร์ก ในเวลานั้น 

Photo : Goal

"อีก 2 คนทดสอบไม่ผ่าน พวกเขาทั้งคู่เล่นในลีกญี่ปุ่นหลังจากนั้น คนนึงเล่นในลีกสูงสุด อีกคนเล่นในลีกรอง ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมผมถึงได้อยู่ที่นี่ แต่พวกเขาไม่ทำเหมือนกับที่ผมทำ ถ้าจะให้ผมเดา อาจจะเป็นเพราะผมอยากจะได้รับโอกาสนี้มากจนผมทุ่มมันสุดตัว"

"ตอนที่ได้สัญญาผมเองก็สงสัยอยู่ว่าผมจะอยู่ที่เยอรมันได้ยังไงเมื่อตัวเองอายุแค่ 16 ปี ผมยอมรับว่ากลัวนิดหน่อย แต่มาถึงตรงนี้ก็ต้องลุยอย่างเดียวเท่านั้น" ฮึง มิน เล่าต่อ

ถึงตอนนี้ภารกิจของ ซน อึง จอง สำเร็จแล้ว ลูกชายของเขาได้โอกาสเป็นนักเตะเยาวชนในลีกระดับต้น ๆ ของยุโรป ถึงเวลาที่เขาจะบินกลับและปล่อยให้ ฮึง มิน วัย 16 ปี เผชิญโลกเพียงลำพัง และได้แต่หวังว่า สิ่งที่เขาสอนไว้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเล่นฟุตบอลหรือการใช้ชีวิต จะช่วยให้ลูกชายประสบความสำเร็จได้ในท้ายที่สุด

ออกจากปีกพ่อ 

อึง จอง กลับไปที่เกาหลีใต้ และ ฮึง มิน ต้องสู้ เพียงลำพัง มีแต่เขาเท่านั้นที่จะช่วยตัวเองได้ เรื่องความพยายามของเขาคงไม่ต้องพูดถึง เพราะคงไม่มีใครสงสัยในเหตุผลข้อนี้อีกแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ เขาทำอย่างไรกับชีวิตในแบบที่ไม่มีพ่อคอยเป็นปีกปกป้องอีกต่อไป ทุกอย่างต้องตัดสินใจเองทั้งหมด และเขาต้องเริ่มที่จะสื่อสารกับคนอื่นบ้างแล้ว มาถึงจุดนี้ "ภาษา" คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขา เขาลงเรียนคอร์สภาษาเยอรมันที่ทางสโมสรจัดให้ และเรียนแบบตั้งใจ ไม่เคยขาดสักคาบ 

"โจทย์แรกที่ผมอยากแปลให้ได้คือ 'คำสบถ' มีคนบอกผมก่อนมาที่นี่ว่า ถ้าจะมาเล่นในต่างแดน ให้เข้าใจคำสบถให้ได้ก่อน เพราะคุณไม่สามารถให้คนอื่นด่าคุณหน้าตาเฉยโดยที่คุณยิ้มแย้มให้กับเขาอย่างสุภาพ เพียงเพราะคุณไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไร ... ซึ่งเอาตรง ๆ เลย คือ มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องมาก ๆ" 

"สโมสรจัดครูมาสอนภาษาให้ผม และตลอด 1 ปีแรกผมตั้งใจเรียนภาษาอย่างที่สุด ถามว่ายากไหม ? ตอบได้เลยว่าโคตรยาก เพราะรากภาษาเยอรมันกับเกาหลีใต้มันคนละเรื่องกันเลย ผมว่าถ้าให้ผมเริ่มเรียนตอนนี้ (อายุ 27 ปี) ผมคงทนเรียนได้ไม่จบคอร์สแน่ ๆ แต่ตอนอายุ 16 ปี ผมไม่รู้ว่าผมทำมันได้ยังไง แต่ผมเรียนรู้เร็วมาก พอยิ่งขยันมันก็กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย" 

 

นอกจากการเรียนแล้ว ซน ยังพยายามจะใช้ชีวิตประจำวันด้วยภาษาเยอรมันให้มากที่สุด การออกไปซื้อของหรือการคุยกับเพื่อนร่วมทีม หรือแม้กระทั่งการดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน เขาก็จะดูรายการทีวีของประเทศเยอรมัน แทนที่จะดูช่องเคเบิลจากเกาหลีใต้ โดยเจ้าตัวเผยว่า เขาเริ่มพัฒนาการสื่อสารด้วยการดูรายการสำหรับเด็กที่เข้าใจง่าย ๆ อย่าง การ์ตูน ก่อน โดยเฉพาะเรื่อง "สปันจ์บ็อบ" ที่ ซน เป็นแฟนตัวยงของเรื่องนี้เลยทีเดียว 

เมื่อสิ่งสำคัญอันดับ 1 คือภาษาที่ใช้ในการสื่อสารผ่านไปด้วยดี ต่อจากนี้ ซน จะต้องพัฒนาอีกขั้นด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของทีมให้ได้ เขาจะต้องมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับโค้ชและเพื่อนร่วมทีม เขาจะต้องวางตัวให้อ่อนน้อม แต่แข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้พ่อของเขาสอนมาตั้งเด็กแล้ว "จงเข้าหาคนอื่นด้วยทัศนคติที่ดี" คำสอนนี้ได้เอามาใช้ที่เยอรมันนี่เอง 

"เด็กคนนี้มีระเบียบวินัยมาก ทุกครั้งที่เขามาที่สนามซ้อมในตอนเช้า เขาหัวเราะร่าเริง เขาเป็นคนเปิดกว้างพร้อมคุยกับทุกคน เรารู้ดีว่าเขามีความสุขมาก แต่เอาตรง ๆ เลยนะเขาไม่เคยพูดหรอกว่า ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิตที่ได้มาเล่นให้กับ ฮัมบูร์ก เพราะฝันที่แท้จริงของเขาคือการไปเล่นในพรีเมียร์ลีก" ฟอน อาห์เลน โค้ชเยาวชนของ ฮัมบูร์ก กล่าวกับ BBC 

มองทุกความท้าทายให้กลายเป็นเรื่องสนุกของชีวิต นั่นคือสิ่งที่ ฮึง มิน ทำ แม้ว่าเขาจะดูเป็นลูกแหง่ในตอนแรก แต่เมื่อต้องบินเดี่ยว เขากลับสามารถปรับตัวกับชีวิตในรูปแบบใหม่ที่ตัวเองไม่เคยประสบมาก่อน 

ตอนอยู่ที่ เกาหลีใต้ เขาไม่มีเพื่อนเลย เพราะพ่อไม่เคยปล่อยให้เขาเล่นสนุกกับเด็กคนอื่น ๆ แต่เมื่อเขามาอยู่ที่เยอรมัน และอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของทีม ซน ฮึง มิน ก็เข้าหาทุกคน และสนุกกับชีวิตที่ฮัมบูร์ก 

"การมา เยอรมัน มีอะไรที่เหนือความคาดหมายของผมเยอะเลยนะ ตอนอยู่เกาหลีใต้ ผมไม่มีเพื่อนสักคน เพราะผมซ้อมตลอดเวลา แต่ตอนที่มาอยู่กับทีมเยาวชนของฮัมบูร์กมันเปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่องเลย ผมเข้าหาคนอื่น ๆ ได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ร่วมทีม แบบที่ไม่เคยทำมาเลยตลอดชีวิต" ซน ว่าไว้ 

ทุกอย่างไปด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ฝีเท้าของเขาเก่งขึ้นทุกวัน เช่นเดียวกับการปรับตัวในชีวิตประจำวัน สื่อหลายเจ้ายอมรับว่า ซน เป็นชาวเอเชียที่พูดภาษาเยอรมัน และอังกฤษได้เก่งมาก เช่นเดียวกันกับการเป็นคนที่เพื่อนร่วมทีมรักด้วย เพราะเขาไม่ชอบสร้างปัญหากับใคร และยังไม่เคยทำผิดวินัยเลยสักครั้ง  

แต่ถึงอย่างนั้นเลือดในตัวของเขาก็ยังเป็นชาวเกาหลีใต้ 100% และด้วยวัยขนาดนั้นเขาย่อมคิดถึงบ้านบ้าง แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เขาไปต่อได้ คือ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และการเรียนรู้ให้มากที่สุดจากคนที่มีประสบการณ์ 

"ผมไม่เคยลังเลเรื่องการใช้ชีวิตในยุโรป แต่ผมรู้สึกโดดเดี่ยวและด้อยค่ายังไงไม่รู้เพราะทุกคนพยายามช่วยเหลือผมทุกอย่าง บางครั้งก็คิดถึงเกาหลี แต่ถ้าผมอยากไปให้ไกลกว่านี้ ก็ต้องก้มหน้าก้มตาเผชิญกับความจริง เพื่อซื้อความฝันในอนาคตกันต่อไป"

ซึมซับทุกอย่างเหมือนกับฟองน้ำ 

ซน ใช้เวลา 2 ปี ก็สามารถขึ้นชุดใหญ่ของ ฮัมบูร์ก ได้เมื่อตอนอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น ต่อจากนี้ คือ "ของจริง" เขาจะต้องซึมซับประสบการณ์ทุกอย่างที่ได้มาเพื่อต่อยอดให้กับตัวเอง หนึ่งในพี่เลี้ยงที่ทำให้ ซน สามารถลงเล่นทีมชุดใหญ่และเป็นคนที่กล้าเลี้ยง กล้าลุย กล้าเล่น คือ รุด ฟาน นิสเตลรอย ตำนานดาวยิงของเนเธอร์แลนด์ ที่ย้ายมาร่วมทีมในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันกับที่ ซน ขึ้นชุดใหญ่

ซน เล่าว่าเขาประหม่ามากในการซ้อมครั้งแรกจนไม่ค่อยเป็นตัวเอง จนกระทั่ง รุด เข้ามาเป็นพี่เลี้ยง เขาได้รับคำแนะนำและการสร้างความมั่นใจจาก ฟาน นิสเตลรอย เสมอ จนทำให้ที่สุดแล้วเขากลายเป็น ซน ฮึง มิน แบบที่เรารู้จักกัน นั่น คือ นักเตะเอเชียที่เล่นด้วยความ "มั่นใจ" ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

"รุด ฟาน นิสเตลรอย ย้ายเข้ามาตอนผมขึ้นชุดใหญ่พอดี เขาช่วยผมไว้เยอะมากเลย การซ้อมครั้งแรกของ รุด กับทีม เขาเดินเข้ามาหาผมทันทีและบอกกับผมว่า 'ฟังนะ นายเป็นผู้เล่นที่ดีนะไอ้หนู มั่นใจหน่อย' ประโยคนั้นทำให้หัวใจผมพองโต มีกำลังใจขึ้นมากเลยล่ะ ผมรู้ว่าผมยังเด็กแต่ผมก็พยายามเรียนรู้จากหลายสิ่งที่เขาพูดและสอนผมเสมอ" ซน กล่าว

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว ซน ฮึง มิน ผ่านการเล่นให้กับ ฮัมบูร์ก, เลเวอร์คูเซ่น และ สเปอร์ส โดยที่ไม่มีครั้งไหนที่ผลงานตกต่ำย่ำแย่เลย มาตรฐานของเขาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากจะบอกว่าเขามีพรสวรรค์ และถูกสอนมาให้เป็นยอดคนมันก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ซน ฮึง มิน คือ ยอดนักปรับตัวโดยแท้จริง ไม่ว่าจะอยู่กับทีมไหน เขาจะไหลเหมือนกับน้ำที่อยู่ได้ในทุกภาชนะ 

และในขณะเดียวกันเป้าหมายในอาชีพของเขาก็ไม่เคยหยุดนิ่งจริง ๆ เสียที เมื่อดีแล้วต้องดีขึ้นไปอีกเสมอ ซึ่งทุกคนก็เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ว่าทำไม ซน ฮึง มิน จึงถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะระดับที่ใช้คำว่า "เวิลด์คลาส" ได้เต็มปากเต็มคำโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

ชีวิตของ ซน ฮึง มิน บอกให้เราทุกคนได้รู้ว่าทุกความสำเร็จไม่เคยมาง่าย ๆ และป่วยการที่จะหวังเพียงแต่โชคชะตา เขาอุทิศตัวเองตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเรียนรู้ ปรับตัว และตั้งเป้าหมายตลอดเวลา เท่านั้นที่จะทำให้คุณเป็นคนที่โลกเลือกจะจดจำ ไม่มีคำว่าสุดความสามารถ มีแต่คำว่า "ฉันจะปีนให้สูงกว่านี้ได้ยังไง ?" คำ ๆ นี้จะทำให้คุณกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แม้จะไม่ใช่นักฟุตบอล หรืออาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ระดับโลกเหมือนกับ ซน ฮึง มิน แต่อย่างน้อย ๆ มันจะเป็นสิ่งที่คุณมองกลับมาที่มัน และรู้สึกภาคภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองได้พยายามทุ่มทุกอย่างที่มี ... 

สำหรับ ซน ฮึง มิน นั้น เมื่อเขาเป็นนักเตะระดับโลกเขาย่อมคู่ควรกับค่าพลังระดับโลกเช่นกัน ในเกม FIFA Online 4 ที่เพิ่งประกาศรายชื่อ 11 นักเตะจากทั่วโลกที่ติดทีมยอดเยี่ยมหรือ 21TOTY (2021 Team of the year) แม้ ซน ฮึง มิน จะไม่ได้ติดในลิสต์นี้ ทว่าเขาก็ได้รางวัลที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน 

นั่นคือการถูกโหวตให้เป็นนักเตะคนที่ 12 หรือคนที่เก่งที่สุดหากไม่นับ 11 คนที่ติดทีมยอดเยี่ยมของ FIFA Online 4 และชื่อของ ซน ฮึง มิน ก็ได้รับการโหวตจากผู้เล่นอย่างถล่มทลาย โดยชาติที่โหวตให้ ซน ฮึง มิน ติด Team of the Year 2021 คนที่ 12 มีทั้ง ไทย, เวียดนาม, จีน, และบ้านเกิดของเขา เกาหลีใต้ ซึ่งชัดเจนว่าเขานั้นเหมาะสมกับการเป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของเอเชียโดยแท้จริง ไม่ว่าจะในความป๊อปปูล่าร์ หรือในแง่ของฝีเท้าก็ตาม

นี่ไม่ใช่การประกาศชื่อและโหวตกันแบบธรรมดา ๆ เนื่องจากนักเตะคนใดได้รางวัล  21TOTY พวกเขาจะได้อัพค่าพลังความสามารถขึ้นไปอีกระดับ  

ค่าพลังรวมของ ซน ฮึง มิน ใน FIFA Online 4 คือ 87 โดดเด่นสุด ๆ เรื่องความเร็ว, การเลี้ยงบอล และการจบสกอร์ จนเป็นผู้เล่นยอดนิยมไปตามระเบียบ ทว่าหลังจากที่เขาคว้ารางวัล "นักเตะยอดเยี่ยมคนที่ 12" ค่าพลังของเขาจะกระโดดไปอีกระดับ จาก เรตติ้ง 87 จะกระโดดไป 105 เรียกได้ว่าโหดไส้แตกระดับต้น ๆ ของเกม มีเพียงตัวรุกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่มีค่าพลังมากกว่าเขาเท่านั้น 

ส่วนค่าพลังโดยละเอียดของ ซน ฮึง มิน เวอร์ชั่นอัพเกรดจะโหดขนาดไหน และเมื่อลงสนามจะจริงจะยิงระเบิดเถิดเทิงเพียงใด เตรียมพบกันได้ใน FIFA Online 4 ที่จะเปิดให้เล่นแพทช์ใหม่กันในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook