ดีวอน - บับบา เรย์ : การจับคู่ที่เริ่มจากความฮา สู่การเป็นราชาแท็คทีม "ดัดลีย์ บอยส์"

ดีวอน - บับบา เรย์ : การจับคู่ที่เริ่มจากความฮา สู่การเป็นราชาแท็คทีม "ดัดลีย์ บอยส์"

ดีวอน - บับบา เรย์ : การจับคู่ที่เริ่มจากความฮา สู่การเป็นราชาแท็คทีม "ดัดลีย์ บอยส์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ดีวอน ไปเอาโต๊ะมา !"

ประโยคข้างต้นคือคำพูดติดปากของ บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ หรือ ดัดลีย์ บอยส์ คู่แท็กทีมสุดโหดที่ยังคงอยู่ในความทรงจำหลายคน โดยเฉพาะท่าไม้ตาย 3D ที่ฟาดนักมวยปล้ำลงกับโต๊ะ เพื่อจับกดนับสามมาแล้วมากมาย

ความยิ่งใหญ่ของแชมป์โลกแท็กทีม 23 สมัย เป็นที่รู้กันดีในหมู่แฟนมวยปล้ำ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า กว่าพี่น้องตระกูลดัดลีย์จะมีวันนี้ พวกเขาเคยรับบทเป็นตัวตลกเรียกเสียงฮา แถมคาแรกเตอร์ยังได้แรงบันดาลใจจากหนังอาชญากรรมอย่าง Pulp Fiction

นี่คือเรื่องราวของ บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ ตั้งแต่วันที่พวกเขารับบทบาทเป็นตัวตลกในค่ายมวยปล้ำนอกกระแส จนกระทั่งก้าวเป็นตำนานของวงการมวยปล้ำ ในฐานะแท็กทีมที่ทุกคนไม่มีวันลืม

พี่น้องจากครอบครัวตัวตลก

สิ่งแรกที่ผู้คนควรรู้เกี่ยวกับบับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ คือ พวกเขาไม่ได้เป็น "พี่น้อง" กันจริง บทบาทพี่น้องตระกูลดัดลีย์ที่เห็นบนหน้าจอทีวี เป็นเพียงเรื่องสมมติที่สร้างขึ้นในโลกมวยปล้ำ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1995 ในค่ายมวยปล้ำที่ชื่อว่า ECW (Extreme Championship Wrestling)


Photo : steamcommunity.com

บับบา เรย์ ดัดลีย์ หรือ มาร์ค โลโมนาโก คือชายหนุ่มจากย่านควีนส์ แห่งมหานครนิวยอร์ก เขาเริ่มต้นเส้นทางบนสังเวียนมวยปล้ำในปี 1991 ภายใต้ชื่อ มองโก ไวล์ (Mongo Vyle) ก่อนผลงานของเขาจะไปเข้าตา ทอมมี่ ดรีมเมอร์ นักมวยปล้ำระดับแนวหน้าของ ECW ค่ายมวยปล้ำนอกกระแสอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

 

สำหรับ ดีวอน ดัดลีย์ เส้นทางมวยปล้ำก่อนเซ็นสัญญากับ ECW ของเขา แทบจะเหมือนกับ บับบา เรย์ เพราะดีวอนเกิดและเติบโตในรัฐนิวยอร์ก และยังเป็นศิษย์ของ จอห์นนี่ ร็อดซ์ เช่นเดียวกับ บับบา เรย์ การที่ทั้งคู่ลงเอยด้วยการเป็นคู่หูกันบนเวที จึงเป็นเหมือนเรื่องราวที่โชคชะตากำหนดไว้

บับบา เรย์ - ดีวอน ถูกเซ็นสัญญาเข้าสู่ ECW เพื่อเปิดตัวเป็นหนึ่งในสมาชิก "ครอบครัวดัดลีย์" แห่งกลุ่มดัดลีย์ บราเธอร์ ซึ่งเริ่มต้นสมาชิกดั้งเดิม 3 คน ได้แก่ ดัดลีย์ ดัดลีย์, บิ๊ก ดิค ดัดลีย์ และ สน็อท ดัดลีย์ โดยกลุ่ม ดัดลีย์ บราเธอร์ เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 1995 ในศึก Hardcore Heaven

กิมมิคกลุ่ม ดัดลีย์ บราเธอร์ ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครพี่น้องแฮนสัน (Hanson Brothers) ในภาพยนตร์เรื่อง Slap Shot (1997) คาแรกเตอร์ของสมาชิกในครอบครัวดัดลีย์จึงออกไปทางตัวตลก เป็นเด็กวัยรุ่นที่ดูโง่เง่าและชอบทำอะไรไม่เข้าเรื่อง แถมยังแต่งตัวแปลกประหลาด ด้วยการสวมเสื้อมัดย้อมตัวใหญ่, ชุดยีนส์แบบคนงานเหมืองแร่, ไว้ผมยาวรุงรัง และใส่แว่นตาหนาเตอะ


Photo : www.armpit-wrestling.com

ยิ่งเวลาผ่านไป สมาชิกของกลุ่มดัดลีย์ บราเธอร์ ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทาง ECW ให้เหตุผล (ตามเนื้อเรื่อง) ว่า พี่น้องดัดลีย์ทุกคนคือลูกชายของ "พ่อใหญ่" ดัดลีย์ ("Big Daddy" Dudley) หนุ่มเซลล์แมนลีลาเทพที่เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อขายสินค้า แต่กลับให้กำเนิดตระกูลนักมวยปล้ำขนาดใหญ่แทน

 

บับบา เรย์ ดัดลีย์ ถือเป็นสมาชิกคนที่ 7 ของตระกูลดัดลีย์ที่เปิดตัวใน ECW โดยกิมมิคของเขาคือ น้องชายอารมณ์ดีที่รักการเต้น และชอบพูดติดอ่าง คาแรกเตอร์ของ บับบา เรย์ คือตัวตลกแบบไม่มีอะไรเจือปน จนกระทั่งสมาชิกคนที่ 8 ของตระกูลดัดลีย์ คือ ดีวอน เปิดตัวออกมา เส้นทางของทั้งคู่จึงเปลี่ยนไป

"ช่วงแรกพวกเราถือเป็นนักมวยปล้ำตัวตลกนะ" ดีวอน ให้สัมภาษณ์กับ CBS Sports

"บับบาเคยเป็นคนติดอ่าง แถมยังมีดัดลีย์ที่แตกต่างกันตั้ง 9 คน มันเป็นอะไรที่น่าหัวเราะ แต่พอเราสองคนอยู่ด้วยกัน ความน่าหัวเราะเหล่านั้นมันหายไป กลายเป็นอะไรที่ซีเรียสและจริงจัง"


Photo : www.thesportster.com

คาแรกเตอร์ของ ดีวอน ดัดลีย์ แตกต่างจากพี่น้องคนอื่นในครอบครัวดัดลีย์ กิมมิคของเขาได้รับแรงบันดาลจากตัวละคร จูลส์ วินน์ฟิลด์ นักฆ่าเคร่งศาสนาในเรื่อง Pulp Fiction (1994) ที่แสดงโดย ซามูเอล แอล. แจ็กสัน

 

ดีวอน ดัดลีย์ เปิดตัวในเดือนมีนาคม ปี 1996 เขาเปิดฉากด้วยการเป็นศัตรูกับกลุ่ม ดัดลีย์ บราเธอร์ เพราะไม่พอใจที่พี่น้องในตระกูลดัดลีย์มัวแต่รับบทเป็นตัวตลก ในขณะที่เขากำลังทำงานอย่างจริงจังเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของครอบครัว

"มนุษย์จักไม่ลักขโมย, มนุษย์จักไม่ฆ่ามนุษย์ และสำคัญที่สุด มนุษย์จักไม่ล้อเล่นกับตระกูลดัดลีย์" (Thou shalt not steal! Thou shalt not kill! And thou shalt not fuck with the Dudleys!) ดีวอน ดัดลีย์ กล่าวโปรโมที่ดัดแปลงจากข้อบทบัญญัติสิบประการ

ศัตรูหลักของดีวอนจึงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก บับบา เรย์ ดัดลีย์ สมาชิกที่รักความสนุกมากที่สุดในตระกูล ทั้งสองต่อสู้กันตลอดปี 1996 จนกระทั่งชัยชนะของ บับบา เรย์ เหนือ ดีวอน ในศึก November To Remember 1996 ความบาดหมางของพี่น้องต่างสีผิวจึงยุติลง และเริ่มร่วมงานกันในฐานะแท็กทีม ในปีถัดมา

ไปเอาโต๊ะมา !

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 1997 เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกลุ่ม ดัดลีย์ บราเธอร์ เมื่อ บับบา เรย์ พลิกบทบาทเป็นฝั่งอธรรม และจับคู่กับดีวอนในฐานะ "ดัดลีย์ บอยส์" ทั้งคู่ยึดอำนาจเป็นหัวหน้ากลุ่มคนใหม่ ส่วนสมาชิกเก่าที่มีคาแรกเตอร์ตลกโปกฮา ถูกเตะออกจากลุ่มไปทีละคน

 

บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ กลายเป็นแท็กทีมระดับแถวหน้าของ ECW อย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาราว 2 ปีครึ่ง ที่ทั้งคู่ทำงานร่วมกันในสมาคมแห่งนี้ ดัดลีย์ บอยส์ กวาดแชมป์แท็กทีมมาครองถึง 8 สมัย ซึ่งยังคงเป็นสถิติครองแชมป์สูงสุดจนถึงปัจจุบัน

เหตุผลที่ บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ ถูกผลักดันขนาดนี้ เนื่องจากสไตล์การปล้ำที่ดุดันของทั้งคู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่าไม้ตาย 3D หรือ Dudley Death Drop ที่มักจะเรียกเสียงฮือฮาจากคนดู เมื่อดัดลีย์ บอยส์ จับยกคู่ต่อสู้ฟาดกับโต๊ะ



บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ ครองความยิ่งใหญ่ในดิวิชั่นแท็กทีมของ ECW จนถึงปลายปี 1999 ก่อนที่พวกเขาจะโบกมือลาสมาคมอินดี้แห่งฟิลาเดลเฟีย เพื่อไปรับเงินก้อนโตที่ค่ายมวยปล้ำหมายเลขหนึ่งของโลก อย่าง WWE (WWF ในขณะนั้น)

ภาพของ ดัดลีย์ บอยส์ ที่แฟนมวยปล้ำชาวไทยคุ้นเคย เริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลานี้ บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ ทิ้งกิมมิคเก่าที่เคยใช้เมื่อตอนอยู่ ECW เช่น การพูดติดอ่าง หรือ การสวมเสื้อมัดย้อม โดยเปลี่ยนเป็นสวมชุดลายพรางแบบทหารเพื่อเพิ่มความดุดัน

ขณะเดียวกัน ดัดลีย์ บอยส์ ที่เคยใช้อาวุธทุกประเภท ได้เปลี่ยนมาใช้อาวุธเพียงอย่างเดียว เมื่อย้ายสู่ WWE นั่นคือโต๊ะ (ประโยค 'ดีวอน ไปเอาโต๊ะมา' เริ่มขึ้นที่ WWE) ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้กิมมิคแท็กทีมโรคจิตของ ดัดลีย์ บอยส์ ชัดเจนขึ้น ผ่านพฤติกรรมชอบฟาดนักมวยปล้ำใส่โต๊ะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักมวยปล้ำหญิง

ถึงบทบาทจะถูกวางมาให้ทำตัวเลวขนาดนี้ แต่ความสะใจที่แฟนได้เห็นผู้หญิงถูกฟาดกับโต๊ะอย่างซาดิสต์ ทำให้ชื่อเสียงของ บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ พุ่งทะยานยิ่งกว่าสมัยอยู่ ECW ซึ่งทำให้ ดัดลีย์ บอยส์ กลายเป็นหนึ่งใน 3 แท็กทีมที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคแอดติจูด ร่วมกับ ฮาร์ดี บอยส์ และ เอดจ์ & คริสเตียน

แท็กทีมทั้ง 3 มีส่วนร่วมกันสร้างแมตช์ในตำนานที่มีชื่อว่า TLC หรือแมตช์ "โต๊ะ บันได เก้าอี้" ซึ่งเป็นแมตช์ที่ใช้กิมมิคจากอาวุธหลักของทั้ง 3 ทีม นั่นคือ โต๊ะ ของ ดัดลีย์ บอยส์, บันได ของ ฮาร์ดี บอยส์ และ เก้าอี้ ของ เอดจ์ & คริสเตียน

แมตช์ TLC ของทั้ง 3 ทีมกลายเป็นที่จดจำของแฟนมวยปล้ำทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมตช์ในศึก WrestleMania X-Seven เมื่อปี 2001 ที่ใครหลายคนยกย่องให้เป็นหนึ่งในแมตช์ที่ดีที่สุดในเรสเซิลมาเนีย


Photo : www.imdb.com

"แมตช์ TLC ของเรา ถูกพูดถึงในฐานะแมตช์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์เรสเซิลมาเนีย แม้แต่พวกเราเองก็ไม่สามารถสร้างแมตช์ที่ดีกว่านั้นได้อีกแล้ว พูดตามตรง ผมไม่คิดว่าผมจะอยากปล้ำแมตช์ TLC อีกครั้ง" บับบา เรย์ พูดถึงความยิ่งใหญ่แมตช์ TLC ในศึก WrestleMania X-Seven

ความโด่งดังของ ดัดลีย์ บอยส์ จากแมตช์ TLC ส่งผลให้พวกเขากวาดแชมป์แท็กทีม 6 สมัยมาครองภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี (ปี 2001) ซึ่งถือเป็นจุดพีคในอาชีพนักมวยปล้ำของ บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ และกลายเป็นแท็กทีมพียงคู่เดียวบนโลกใบนี้ ที่คว้าแชมป์แท็กทีมจาก 3 สมาคมใหญ่ในยุค 90 ของสหรัฐอเมริกา นั่นคือ WWE, WCW และ ECW

มรดกของ ดัดลีย์ บอยส์

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงยุคแอดติจูด อาชีพนักมวยปล้ำของ บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์  ก็เข้าสู่ช่วงขาลงตั้งแต่ปี 2002 เพราะ WWE ปรับเปลี่ยนสไตล์มวยปล้ำเมื่อเข้าสู่ยุค Ruthless Aggression 


Photo : stillrealtous.com

ความดิบเถื่อนแบบไร้ขอบเขตที่เคยเป็นจุดขายของ ดัดลีย์ บอยส์ มาตั้งแต่ยุค ECW ไม่ใช่ตัวชูโรงอีกต่อไป บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์  จึงถูกลดบทบาทลงเรื่อย ๆ ถึงกับตกเป็นลูกน้องของ สไปค์ น้องเล็กของตระกูลดัดลีย์ ในช่วงปลายปี 2004

ในที่สุด บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ ก็โบกมือลา WWE ในปี 2005 ทำให้หลายคน (ส่วนใหญ่คือแฟนมวยปล้ำที่ดูแค่ WWE) คิดว่าพวกเขาเลิกปล้ำ และกลายเป็นเพียงตำนานให้แฟนมวยปล้ำรุ่นเก่าเล่าขาน ทั้งที่ความจริง ดัดลีย์ บอยส์ ยังคงโลดแล่นในวงการมวยปล้ำ และกวาดแชมป์แท็กทีมมาครองเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

เดือนกันยายน ปี 2005 เปิดตัวในค่ายมวยปล้ำ TNA (Impact Wrestling ในปัจจุบัน) ในฐานะแท็กทีมชื่อใหม่หน้าเดิมอย่าง Team 3D โดยใช้ชื่อว่า บราเธอร์เรย์ - บราเธอร์ดีวอน (เนื่องจากชื่อ ดัดลีย์ ติดลิขสิทธิ์ WWE) ซึ่ง Team 3D ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์แท็กทีม 3 สมัย (NWA 1 สมัย และ TNA 2 สมัย) ตลอดช่วงเวลาที่สังกัดอยู่ค่าย TNA


Photo : wrestlingnewsblog.com

นอกเหนือไปจากนี้ Team 3D ยังเดินทางไปปล้ำที่ค่ายพันธมิตรของ TNA ในขณะนั้นอย่าง NJPW (New Japan Pro Wrestling) ส่งผลให้แท็กทีมระดับตำนานคู่นี้ได้ครองแชมป์แท็กทีมที่ทรงคุณค่าที่สุดเส้นหนึ่งของโลก อย่าง IWGP Tag Team Championship ถึง 2 สมัย ในปี 2009

หลังจากจับคู่กันมายาวนาน 14 ปี (1996-2010) บับบา เรย์ - ดีวอน ก็ตัดสินใจแยกทางกันเป็นการถาวรในปี 2010 เพราะ บับบา เรย์ กำลังจะถูกผลักดันเป็นนักมวยปล้ำเดี่ยวในชื่อ บูลลี่ เรย์ ซึ่งบทบาทนี้ก็ไปได้สวยจนทำให้เขาคว้าแชมป์โลก TNA มาครอง 2 สมัย 

ส่วน ดีวอน ก็ประสบความสำเร็จในฐานะนักมวยปล้ำเดี่ยว ด้วยบทบาทมือขวาของ บูลลี่ เรย์ ในกลุ่ม Aces & Eights (ทั้งคู่กลับมาแท็กทีมร่วมกันในช่วงปี 2013-2016 แต่คว้าแชมป์แท็กทีมร่วมกันไม่ได้อีก)

สรุปแล้ว บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ เป็นแท็กทีมคู่กัน 17 ปี พวกเขากวาดแชมป์โลกแท็กทีมมาครองรวมแล้วทั้งหมด 23 สมัย แบ่งเป็นแชมป์แท็กทีม ECW 8 สมัย, แชมป์โลกแท็กทีม/WWF 8 สมัย, แชมป์แท็กทีม WCW 1 สมัย, แชมป์แท็กทีม WWE 1 สมัย, แชมป์แท็กทีม NWA 1 สมัย, แชมป์แท็กทีม TNA 2 สมัย และแชมป์แท็กทีม IWGP 2 สมัย

ความสำเร็จที่เกินจะมีแท็กทีมคู่ไหนมาเปรียบเทียบ ส่งผลให้พวกเขาคือแท็กทีมคู่เดียวที่ถูกเชิญเข้าสู่หอเกียรติยศของ WWE และ TNA ในปี 2018 และ 2014 ตามลำดับ ซึ่งในวันที่ บับบา เรย์ - ดีวอน ดัดลีย์ ถูกเชิญเข้าสู่หอเกียรติยศของ WWE พวกเขาได้รำลึกความหลังด้วยการทุ่มโปรดิวเซอร์รายการใส่โต๊ะ พร้อมกับพูดประโยคอันเป็นเอกลักษณ์ "ดีวอน ไปเอาโต๊ะมา"



ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิปด้านบน คือครั้งสุดท้ายที่ ดัดลีย์ บอยส์ จะฟาดคู่ต่อสู้ลงใส่โต๊ะร่วมกัน เพราะหลังจากวันนั้น ดีวอน ดัดลีย์ ก็ประกาศเลิกปล้ำอย่างเป็นทางการ ปิดตำนานของคู่แท็กทีมจอมโหดอย่างสมบูรณ์แบบ

เหลือไว้เพียงความทรงจำที่สวยงามในวันวาน และความฝันในใจแฟนมวยปล้ำทั่วโลก ที่หวังจะได้ยินคำว่า "ดีวอน ไปเอาโต๊ะมา" และเห็นพวกเขาฟาดใครสักคนลงใส่โต๊ะมวยปล้ำอีกสักครั้ง 

"มรดกของ ดัดลีย์ บอยส์ คือ พวกเราเป็นแท็กทีมรุ่นเก๋าคู่สุดท้ายที่เหลืออยู่" บับบา เรย์ ย้อนรำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของเขากับดีวอน 

"พวกเราคือแท็กทีมคู่สุดท้าย, คือแท็กทีมที่ถูกต้อง และยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่คุณจะได้เห็น เพราะพวกเราคือแท็กทีมที่โอลด์สคูลที่สุดเท่าที่โลกใบนี้มี"

"ผมไม่คิดว่าคุณจะได้เห็นแท็กทีมที่ประสบความสำเร็จ ในสิ่งที่เราประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น WWE หรือที่แห่งไหน พวกเราคือแท็กทีมคู่สุดท้ายจากยุคสมัยของแท็กทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุด"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook