เมห์ดี ซาตูต์ : แชมป์โลกมวยไทยชาวฝรั่งเศส ที่ปั้นแบรนด์สินค้ากีฬาจนเป็นพาร์ทเนอร์ UFC

เมห์ดี ซาตูต์ : แชมป์โลกมวยไทยชาวฝรั่งเศส ที่ปั้นแบรนด์สินค้ากีฬาจนเป็นพาร์ทเนอร์ UFC

เมห์ดี ซาตูต์ : แชมป์โลกมวยไทยชาวฝรั่งเศส ที่ปั้นแบรนด์สินค้ากีฬาจนเป็นพาร์ทเนอร์ UFC
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"นักมวยไทยชาวต่างชาติ" อาจเป็นอาชีพที่ทำให้ผู้คนในบ้านเราร้องว้าวเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่ใช่อีกแล้วในปัจจุบัน เพราะมวยไทยกลายเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

ชีวิตของฝรั่งตาน้ำข้าวที่ย้ายมาในล่าความฝันบนเวทีมวยไทย เพื่อล่าความฝันบนเวทีมวย คงไม่ทำให้คุณประหลาดใจนัก ... แต่ถ้าเราบอกว่า มีนักชกดีกรีแชมป์โลกคนหนึ่ง ยอมทิ้งทุกอย่างในบ้านเกิด เพื่อมาเปิดร้านขายสินค้ามวยไทยในประเทศไทย คุณจะสนใจเรื่องราวของเขามากขึ้นหรือเปล่า ?

ถ้าเราบอกเพิ่มอีกว่า ธุรกิจของเขาไม่ธรรมดา เพราะอุปกรณ์ที่วางขายคือสินค้าของ "Venum" แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์สำหรับศิลปะการต่อสู้ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และกำลังจะเป็นพาร์ทเนอร์หลักของ Ultimate Fighting Championship (UFC) สมาคมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานหมายเลขหนึ่งของโลก ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

 

"เมห์ดี ซาตูต์" คือนักมวยไทยชาวฝรั่งเศส ที่ยอมทิ้งความสุขสบายในกรุงปารีส เพื่อมาบริหารกิจการ "Venum Thailand" ตัวแทนจำหน่ายสินค้า Venum ในประเทศไทย และ "Venum Training Camp" แคมป์ฝึกซ้อมของแบรนด์ระดับโลก ที่เลือกดำเนินกิจการในประเทศไทยเป็นแห่งแรก

เราเดินทางสู่ Venum Training Camp ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อพูดคุยกับอดีตแชมป์โลกมวยไทยของสมาคม WBC ที่ปัจจุบันเป็นทำงานผู้จัดการโรงงานผลิตสินค้าของแบรนด์ Venum ในประเทศไทย ถึงการบริหารธุรกิจของ "ชาวต่างชาติ" ในดินแดนอันเป็นต้นกำเนิดของศิลปะแม่ไม้มวยไทย

นักมวยจากฝรั่งเศสคนหนึ่ง ย้ายมาใช้ชีวิตในประเทศไทยได้อย่างไร ?

 

คุณรู้ไหม การย้ายมาใช้ชีวิตในประเทศไทยคือความฝันของผม ไม่ว่าจะเป็นเมื่อผมยังเด็ก หรือตอนที่ผมเดินทางมาที่นี่ครั้งแรก ผมจินตนาการถึงชีวิตของตัวเองในเมืองไทยเสมอ ... 

เพราะประเทศนี้คือดินแดนแห่งมวยไทย และมวยไทยเป็นกีฬาโปรดของผม

ผมรู้จักมวยไทยตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และผมเริ่มฝึกมวยไทยอย่างจริงจังเมื่อผมอายุได้ 12 ปี หลังจากนั้นผมใช้ชีวิตอยู่กับมวยไทยมาตลอด ตั้งแต่ปี 1996 ผมเดินทางมาประเทศไทยเรื่อย ๆ ทั้งเพื่อฝึกซ้อมและขึ้นชก

กระทั่งปี 2014 ผมตัดสินใจพาครอบครัวของผม ประกอบด้วยภรรยา และลูกอีก 2 คน ย้ายมาอยู่ประเทศไทยเป็นการถาวร เพื่อเปิดร้านขายสินค้าเกี่ยวกับกีฬามวยไทย

 

แน่นอนว่า การย้ายมาอยู่ประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคุณต้องทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง โดยไม่หันกลับไปคิดถึงมันอีก แต่สิ่งสำคัญคือ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และเดินไปตามเส้นทางนั้น

สำหรับชาวต่างชาติคนหนึ่งที่คิดจะเปิดร้านขายสินค้าในประเทศไทย ชีวิตคุณเจออุปสรรคมากน้อยแค่ไหน

การเปิดร้านขายสินค้าในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะผมเป็นชาวต่างชาติ และลูกค้าของผมคือชาวไทย ผมต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง 

ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าคุณภาพสูง แต่มีราคาที่เหมาะสม หรือการตกแต่งร้านให้สวยงาม เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าในร้าน

 

มันคือช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับผม เพราะตอนนั้นผมเองไม่มีชื่อเสียงมากนักในประเทศไทย และก็ไม่มีคอนเนคชั่นด้วยเช่นกัน ทุกอย่างจึงต้องเดินไปทีละก้าว 

แม้ผมจะขายสินค้าเกี่ยวกับมวยไทย แต่ผู้คนในเมืองไทยก็ไม่รู้จักสินค้าของผมมากนัก เพราะเราไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ในเมืองไทยแบบ ท็อปคิงส์ หรือ แฟร์เท็กซ์

อะไรทำให้แบรนด์ระดับโลกอย่าง Venum ตัดสินใจร่วมงานกับนักมวยที่ย้ายมาใช้ชีวิตในประเทศไทย

 

ก่อนย้ายมาอยู่เมืองไทย ผมได้รับการสนับสนุนจาก Venum ในฐานะนักกีฬาคนหนึ่ง เพราะผมคือชาวฝรั่งเศส และ Venum ก็เป็นแบรนด์จากประเทศฝรั่งเศส

หลังจากนั้น ผมมีโอกาสทำงานร่วมกับ Venum ในเรื่องของการออกแบบและแก้ไขผลิตภัณฑ์ พวกเขาจึงเสนองานให้ผมดูแลโรงงานของ Venum ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ผมจึงผมเข้าไปทำงานให้กับ Venum อย่างเต็มตัว

ส่วนร้านค้าของผมเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Venum Thailand เพื่อให้แบรนด์ของเรา เจาะตลาดคนไทยที่สนใจสินค้าเกี่ยวกับมวยไทย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายหรืออุปกรณ์ รวมถึงเสื้อผ้าด้านฟิตเนส

หน้าที่ของคุณในปัจจุบัน มีอะไรบ้าง

 

ปัจจุบัน ผมมีงานประจำอยู่ทั้งหมด 3 งาน งานหลักของผมคือตำแหน่งผู้จัดการโรงงานผลิตสินค้าของ Venum ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเรามีอยู่สามแห่ง ที่กรุงเทพฯ, เชียงใหม่ และแม่สอด (จ.ตาก)

ผมมีหน้าที่ดูแลคุณภาพของสินค้าชนิดต่าง ๆ ที่เราผลิตออกไป ไม่ว่าจะเป็น นวมมวยไทย, เป้าล่อชก, กระสอบทราย หรือ เวทีมวย นอกจากนี้ ผมยังมีหน้าที่ดูแลการออกแบบสินค้าในแต่ละคอลเลคชั่นก่อนจะวางขาย นี่คืองานหลักของผม

ส่วนอีกสองงานคือ การบริหารร้าน Venum Thailand และ Venum Training Camp ซึ่งงานสองส่วนนี้จะแยกกัน สำหรับ Venum Thailand ผมมีหน้าที่กระจายสินค้าของแบรนด์ออกไปทั่วประเทศไทย ส่วน Venum Training Camp คือการบริหารแคมป์ฝึกซ้อมที่นี่ รวมถึงดูแลนักมวยและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ

ผมเดินผ่านร้านค้าของคุณที่ตั้งอยู่ด้านหน้าแคมป์ฝึกซ้อม สินค้าเหล่านั้นผลิตในประเทศไทยด้วยหรือเปล่า ?

สินค้าทุกชิ้นที่วางขายในร้านของเราขณะนี้ ล้วนผลิตในประเทศไทย มีแค่เสื้อผ้าบางชุดเท่านั้นที่เราสั่งเข้ามาจากประเทศจีน 

แต่ถ้าคุณมาซื้อสินค้าของผมในร้าน Venum Thailand คุณจะได้สินค้าที่ราคาถูกที่สุด เพราะเราถ้าคุณสั่งจากเว็บไซต์ ของจะถูกส่งมาจากประเทศจีน ราคาจะแพงขึ้น และมีคุณภาพที่แตกต่างออกไป

ถามตามตรง อะไรทำให้คุณมั่นใจว่าสินค้าของ Venum ที่ผลิตในประเทศไทย จะมีคุณภาพที่ได้มาตรฐานแบรนด์ระดับโลก

Venum คือแบรนด์ระดับโลก เรามีโรงงานทั้งหมด 17 สาขา กระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ เฉพาะในเอเชียเรามีโรงงานที่จีน 4 สาขา, ไทย 3 สาขา, ปากีสถาน 3 สาขา และอีกหนึ่งสาขาในไต้หวัน ทั้งหมดใช้ชื่อแบรนด์ Venum เหมือนกัน และมีสินค้าในรูปแบบเดียวกัน แต่ราคาและคุณภาพจะแตกต่างกันออกไป

สิ่งที่ผมบอกคุณได้คือ สินค้าของ Venum ทุกชิ้นที่ผลิตในประเทศไทย ถูกผลิตขึ้นแบบทำมือ และผมมั่นใจว่าสินค้าของเราที่ผลิตในประเทศไทย คุณภาพดีกว่าสินค้าของ Venum ที่ผลิตจากประเทศอื่น

ผมเคยสัมผัสสินค้าของเราที่ผลิตจากโรงงานในปากีสถานหรือจีน สินค้าเหล่านั้นไม่ได้มีคุณภาพเดียวกับสินค้าที่ถูกผลิตขึ้นมาในประเทศไทย 

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมนักมวยจำนวนมากที่ต้องอุปกรณ์หรือเครื่องแต่งกายแบบเฉพาะตัว เช่น นวม หรือ กางเกง พวกเขาจะโทรมาหาผมเพื่อสั่งสินค้าของ Venum ที่ผลิตในเมืองไทย

คุณรู้ไหมว่า ร้านของผมขายสินค้าราคาแพงกว่า Venum ในประเทศจีน แต่นั่นเป็นเพราะผมต้องการสร้างสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุด และผมกล้าการันตีว่าสินค้าของผมมีคุณภาพจริง เพราะผมเดินทางไปที่โรงงานเพื่อตรวจสอบการผลิต และลงมือทดสอบคุณภาพของมันด้วยตัวเอง

ทุกวันนี้ สินค้าจาก Venum ที่ผลิตในประเทศไทย ถูกส่งไปออกไปยังสหรัฐอเมริกาหรือจีน รวมถึงหลายประเทศทั่วโลก เพราะเราวางขายสินค้าในเว็บไซต์ Amazon ถ้าคุณเข้าไปดูในเว็บตอนนี้ คุณจะเห็นว่านวมมวยที่คุณภาพดีที่สุดของเรา (Venum Elite Boxing Gloves) ผลิตจากประเทศไทย

 

Venum Training Camp คืออีกหนึ่งกิจการของคุณที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ Venum ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่า แคมป์ฝึกซ้อมแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร

ผมเปิด Venum Training Camp เมื่อปี 2016 หลังจากผมอยู่เมืองไทยได้ราวสองปีแล้ว ที่นี่ถือเป็น Venum Training Camp แห่งแรก เพราะหลังจากนั้น เราเปิดแคมป์ฝึกซ้อมอีกสองแห่งที่ฝรั่งเศส และลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา

ตอนนั้นผมได้คุยกับเจ้านายของผมที่ Venum เขาอยากให้ผมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกอย่าง ทั้ง อุปกรณ์ และการฝึกซ้อม 

ผมจึงเริ่มต้นด้วยการเปิดฝึกสอนมวยไทย ซึ่งผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องยาก เพราะผมคือนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงในต่างแดน และ อดีตแชมป์โลกสองสมัย และผมเองก็เคยฝึกสอนให้กับแคมป์มวยไทยหลายแห่ง รวมถึงแคมป์ในพัทยาด้วย

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจเปิดแคมป์ฝึกซ้อมของตัวเองขึ้นมา เป็นเพราะว่า ผมต้องการทำอะไรใหม่ ๆ นอกเหนือจากการบริหารร้าน Venum Thailand

คุณต้องไม่ลืมว่า แพชชั่นของผมคือการชกมวย ไม่ใช่การขายสินค้า

ลูกค้าส่วนใหญ่ของคุณที่เข้ามาฝึกซ้อมกับ Venum Training Camp คือชาวต่างชาติด้วยหรือเปล่า

ลูกค้าของผมส่วนใหญ่คือนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย คิดเป็นราว 80 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าทั้งหมด ส่วนอีก 15 เปอร์เซ็นต์ คือนักมวยชาวต่างประเทศ ส่วนอีก 5 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือลูกค้าที่เป็นคนไทย

เหตุผลที่ลูกค้าของผมส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เพราะในเวทีโลก ผมคือนักมวยที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง และเมื่อนักท่องเที่ยวต้องการมาฝึกมวยไทยที่พัทยา พวกเขาจะมาอยู่ที่แคมป์ของผมราว 1-2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน ลูกค้าอันดับหนึ่งของผมคือชาวจีน อันดับสองคือชาวรัสเซีย อันดับสามคือชาวยุโรป

นี่คือเหตุผลว่าทำไมแคมป์ของผมถึงเจอปัญหาหนักในช่วง COVID-19 เพราะเมื่อการเดินทางข้ามชายแดนถูกปิดลง ลูกค้าส่วนใหญ่ของผมหายไป มันไม่มี High Season หรือ Low Season สำหรับนักท่องเที่ยวอีกแล้ว เหลือแค่นักมวยชาวต่างชาติและคนไทยที่จะเข้ามาใช้บริการแคมป์ฝึกซ้อมของผม

คุณได้รับผลกระทบมากแค่ไหนจาก COVID-19

รายได้ส่วนใหญ่ของผมมาจาก Venum Training Camp ตั้งแต่มีโควิดขึ้นมา ผมสูญเสียรายได้เดือนละหลายแสนบาท

ถ้าคุณมาที่นี่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว คุณจะเจอนักท่องเที่ยวราว 40-50 คน ฝึกซ้อมร่วมกันอยู่ในแคมป์ของผม แต่ตอนนี้คุณดูสิเรามีลูกค้ากี่คน ? ... "0"

ทุกวันนี้ ผมไม่มีลูกค้าที่เข้ามาฝึกมวยไทยกับผมแม้แต่คนเดียว ตอนนี้เรามีลูกค้าสองคนที่เข้ามาฝึกทุกวัน พวกเขาคือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่พวกเขาไม่ได้มาทุกวัน ส่วนคนไทยแค่มาเล่นฟิตเนสในแคมป์ของผมเท่านั้น

ผมยอมรับว่า กลุ่มลูกค้าของผมคือชาวต่างชาติมาโดยตลอด แต่ผมต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น ลูกค้าชาวไทยคือกลุ่มเป้าหมายของผมในปัจจุบัน

คุณมีกลยุทธ์อะไรบ้างที่จะดึงดูดลูกค้าชาวไทยให้หันมาสนใจ Venum Training Camp

ผมพยายามแสดงให้เห็นว่า คนไทยสามารถเข้ามาฝึกฝนในแคมป์ของผมได้ เพราะถ้าคนไทยรู้สึกว่า นี่คือค่ายมวยของชาวต่างชาติ พวกเขาจะไม่สนใจแคมป์ฝึกซ้อมของผม ผมคงต้องบอกว่า มีคนไทยไม่น้อยที่คิดแบบนี้

เราจึงมีวีดิโอที่โชว์ว่ามีคนไทยฝึกซ้อมที่นี่ และเทรนเนอร์ของเราสามารถพูดภาษาไทยได้เหมือนกัน

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผมต้องการแสดงให้คนไทยเห็นว่า แคมป์ของเราไม่ได้มีแค่มวยไทย แต่คุณสามารถมาฝึกซ้อมเพื่อฟิตเนส หรือเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้รูปแบบอื่น ถ้าพวกเขาเข้าใจสิ่งนี้ ผมเชื่อว่าคนไทยจะเข้ามาหาแคมป์ของผม

ตอนนี้เราเปิดคอร์สด้านฟิตเนสโดยเฉพาะ รวมถึงการเปิดสอนบราซิลเลียนยิวยิตสู สำหรับคนบางกลุ่มที่รู้สึกว่ามวยไทยยากเกินไป นอกจากนี้ เรายังลดราคาค่าฝึกสอนในคอร์สลง 50 เปอร์เซ็นต์ จากปกติที่เราคิดราคา 10,000 บาท สำหรับการเรียนมวยไทยต่อหนึ่งเดือน เหลือแค่ 5,000 บาทต่อเดือน

คุณมีกลยุทธ์อะไรที่ทำให้สินค้าของคุณ และแบรนด์ Venum โด่งดังในประเทศไทยมากขึ้นไหม ?

มีหลายแบรนด์ที่ดังกว่า Venum ในประเทศไทย แต่ Venum ก็คือแบรนด์ที่ดังกว่าพวกเขาในตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเป็นพาร์ทเนอร์กับ UFC ดังนั้น ผมจึงตั้งเป้าหมายว่า Venum ต้องมีชื่อเสียงมากขึ้นในประเทศไทยมากขึ้น

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าคนไทยชอบเล่น Facebook มากกว่าโซเชียลมีเดียอื่น เพราะฉะนั้น ผมโฟกัสกับการโปรโมตในแพลตฟอร์มนี้ให้มากขึ้น และพยายามกระจายสินค้าไปตามช่องทางต่าง ๆ

ทั้ง Facebook, Instagram และเว็บไซต์ เพื่อให้คนไทยเข้ามาซื้อสินค้าของผมได้ง่ายขึ้น รวมถึงจับมือกับร้านค้าใหญ่ เช่น Supersports แต่ราคาสินค้าที่วางขายจะไม่เท่ากับใน Venum Thailand เพราะเราต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กับทางร้านค้า ดังนั้น สินค้าจะมีราคาแพงขึ้นนิดหน่อย

ผมยังคิดจะเปิดร้าน Venum Thailand อีกหนึ่งสาขา อาจจะเป็นที่เซ็นทรัล เฟสติวัล หรือห้างสรรพสินค้าในละแวกนี้ แต่พูดตามตรง ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริงไหม เพราะผมต้องดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป

 

หากวันหนึ่ง Venum Thailand เลือกเจาะตลาดลูกค้าชาวไทยแบบเต็มตัว อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่าสินค้าจากแบรนด์ Venum จะครองใจลูกค้ากลุ่มนี้ได้

เมื่อคุณเห็นนักมวยที่สวมใส่สินค้าของ Venum เอาชนะนักมวยที่สวมใส่สินค้าจากแบรนด์อื่น คุณจะรู้สึกว่า Venum คือแบรนด์ที่ดีกว่า

ผมกำลังผลักดันตรงนี้ด้วยการเป็นสปอนเซอร์ให้กับการแข่งขันมวยไทยในประเทศไทย เช่น รายการมวยไทย ซูเปอร์แชมป์ นอกจากนี้ ผมยังผลักดันให้แคมป์ของผมมีชื่อเสียงมากขึ้น เพื่อบอกว่าเราคือแคมป์ฝึกซ้อมที่ดีที่สุดในประเทศไทย ผู้คนจะได้เข้ามาซื้อสินค้าในร้านของผมมากยิ่งขึ้น

ผมมั่นใจว่าสินค้าของ Venum ที่ผลิตในประเทศไทย มีคุณภาพมากกว่าสินค้าจากแบรนด์อื่น เพราะผมคือนักสู้ที่มีประสบการณ์บนเวทีมากกว่า 20 ปี ผมรู้ว่าสินค้าที่ดีควรเป็นอย่างไร และผมนำมันมาใช้ในแคมป์ของผม ซึ่งมีการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น

เพราะฉะนั้น ผมจะรู้ว่าสินค้าที่ผลิตออกมาควรแก้ไขตรงไหน นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ผมถึงมั่นใจว่าสินค้าของ Venum ดีกว่าแบรนด์อื่น เพราะพวกเขาไม่มีคนแบบผมคอยผลิต หรือทดสอบสินค้าที่ออกมาสู่ท้องตลาด แบบ Venum Thailand
 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook