(กุนซือ) คนที่ใช่ กับทีมที่ใช่

(กุนซือ) คนที่ใช่ กับทีมที่ใช่

(กุนซือ) คนที่ใช่ กับทีมที่ใช่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“แอบปลื้ม” เป็นพิเศษนะครับกับผลการแข่งขัน ลา ลีกา นัดแรกหลังจากปิดหนีหนาวไป เพราะ “เปิดหัว” ด้วย 2 บิ๊กทีม เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า พ่ายแพ้ซะแล้ว พร้อม ๆ กัน...



5 ทุ่มเมื่อคืนวันจันทร์ เรอัล มาดริด ออกนำโดยประตูที่ 26 ของโรนัลโด้ ตั้งแต่นาทีที่ 14 ทว่ากลับโดน บาเลนเซีย ไล่แซงชนะ 2-1

หยุดสถิติชนะรวด 22 เกมที่ เมสตาย่า และสร้างความน่าสนใจปนตื่นเต้นให้การลุ้นแชมป์ ลา ลีกา ซีซั่นนี้ที่ทำท่าจะกร่อยได้ “ฮือฮา” มากขึ้น



อย่างไรก็ดี สิ่งที่ไม่มีคาดคิดก็ดันบังเกิดขึ้นในคู่ ตี 3 เพราะบาร์เซโลน่า บุกไปรังอโนเอต้า หวังแซงทีมชุดขาว ทว่ากลับโดน เรอัล โซเซียดัด เฉือน 1-0

เดวิด มอยส์ กุนซือสกอตต์ของเจ้าบ้าน “รับส้ม” ความดีความชอบไปเต็ม ๆ พร้อมสร้างสถิติค่อนข้างสวย แพ้เพียง 1 นัดจาก 7 เกมที่คุมทัพในแดนกระทิงดุ

เบื้องต้นเลยก็คือ “ยินดีด้วย” จากใจจริงในฐานะที่ “แอบชอบ” มอยส์ กุนซือ The Chosen One โดยเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้มาคุมทีมแมนฯยูไนเต็ด มานานแล้ว

ตั้งแต่คุมเปรสตัน และเอฟเวอร์ตัน นั่นแหละ

หรือแม้กระทั่ง 10 เดือนกับทีมปีศาจแดงก็เคยสร้างแคมเปญใน “ฮอตสกอร์” Stand by Moyes เชียร์กุนซือวัย 51 ปีอย่างเต็มที่

ส่วนตัวยัง ชอบเห็น “คนล้ม” ได้รับโอกาส และสามารถ “คัมแบ็ก” กลับมามีตัวตนในสังคม หรือสามารถกู้ชื่อเสียงกลับมาได้อีก


กรณี มอยส์ ต้องยอมรับเลยว่า ชื่อเสียง “ป่นปี้” และแทบไม่เหลือความดี ความชอบให้ปรากฎ

เรียกได้ว่า 15 ปีกับเปรสตัน นอร์ธเอนด์ และเอฟเวอร์ตันไม่ได้ช่วยเวลาแค่ 10 เดือนกับแมนฯยูฯได้เลย

สิ่งเดียวที่จะทำให้ผู้คน “ลืมเลือน” และกลับมามีความทรงจำที่ดีกับ มอยส์ อีกครั้งก็คือ สร้างผลงานที่ดีกับทีมใหม่

และจะให้ดี ต้องเป็น “ลีกต่างประเทศ” ด้วย

เพราะก็รู้ ๆ อยู่ว่า สื่อมวลชนอังกฤษ “เล่นหนัก” ขนาดไหน ทั้งส่วนตัว และส่วนงาน

หากมอยส์ รับคุมทีมใดในพรีเมียร์ลีก หรือสหราชอาณาจักรจะเท่ากับว่า เริ่มต้นจาก “ติดลบ” ไม่ใช่จาก “ศูนย์”



เพราะ “กรรมเก่า” ค้ำคออยู่ ดังนั้นจึงต้อง “ชื่นชม” การตัดสินใจมาคุมทีม เรอัล โซเซียดัด ที่เป็นทั้งทีม “นอกลีก” และในอดีตก็เคยมีความทรงจำ/ประวัติศาสตร์ที่ดีกับคนสหราชอาณาจักร

กุนซือที่เคยพาเอฟเวอร์ตันจบ “ท็อป 6” ถึง 4 ซีซั่นตลอด 11 ปี คือ กุนซือเกาะอังกฤษคนที่ 4 ของโซเซียดัด ต่อจาก แฮร์รี โลว์ (อังกฤษ), จอห์น โตแซค และคริส โคลแมน (เวลส์)

ไม่นับนักเตะดังอย่าง จอห์น อัลดริดจ์ (นักเตะไอริช และเป็นคนแรกที่ไม่ใช่นักเตะจากแคว้นบาสก์), ดาเลียน แอตกินสัน ที่ต่างเคยโยกไปค้าแข้ง

ผลงานของทีมในอันดับ 15 กลาง ๆ ท้าย ๆ ตอนเข้ารับตำแหน่ง และไซด์ที่แท้จริงของทีมซึ่งไม่ใช่ “ทีมใหญ่” ยังน่าจะมีส่วนช่วยให้งานของ มอยส์ไม่ได้ “กดดัน” อย่างที่ควรจะเป็น

ฉะนั้น ใน 2-3 มุมข้างต้นเป็นอย่างน้อย โซเซียดัด ยอดทีมแคว้นบาสก์ มีความ “เหมาะสม” กับมอยส์ ณ เวลานี้

ครับ เรื่องนี้สำคัญนะครับไม่ใช่เฉพาะกับวงการ “ฟุตบอล” แต่เป็นทุกวงการรวมถึงในชีวิตเราด้วยที่ “เวลา สถานที่ และผู้คน”

ควรจะต้องสัมพันธ์กัน และมาพร้อมกันแบบถูกที่ ถูกเวลา หาไม่แล้ว “ความสำเร็จ” จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้

เข้าตำรา right place ต้อง right time แถมยังต้อง right person ด้วยครับ!

เรื่องเดียวกันนี้ เกิดขึ้นกับ อลัน พาร์ดิว กุนซือป้ายแดงของ คริสตัล พาเลซ ด้วย เพราะหลังจาก นีล วอร์น็อค ถูกเฉดออกจากตำแหน่งช่วงปลายปี



ชื่อของ พาร์ดิว กุนซือนิวคาสเซิล ในตอนนั้นก็ “แรงขึ้น” เป็นแคนดิเดท ชนิดที่แทบจะไร้คู่แข่งทันที

ฟิล แม็คนัลตี้ คอลัมนิสต์ “บีบีซี” ก็เขียนตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.ว่า “ทำไมพาร์ดิวจึงเลือกพาเลซเหนือนิวคาสเซิล?”

ทั้งที่หากมอง “ผิว ๆ” จากภายนอกแล้ว นิวคาสเซิล ทั้งอดีต, ปัจจุบัน หรืออนาคต ยังไงก็ดูดีกว่า พาเลซ

เช่น ฐานแฟนบอล, อันดับปัจจุบัน และประวัติศาสตร์ในอดีต

แต่นับจากเข้ารับตำแหน่งเดือน ธ.ค.2010 แทน คริส ฮิวจ์ตัน ซึ่งป๊อปในใจแฟน ๆ  อลัน พาร์ดิว ก็เสมือน “โดนสาป” ทำดีเสมอตัว ทำชั่วไม่ต้องพูดถึงมาโดยตลอด

สถานการณ์ที่ผ่านมาก็เสมือนมีชีวิตแขวนบน “เส้นด้าย” ไม่เว้นแม้แต่ซีซั่นนี้ที่ตั้งแต่เปิดฤดูกาลบอลยังไม่ได้เขี่ยก็เป็นตัวเต็งโดนเฉดออกจากตำแหน่ง

ฉะนั้น เมื่อโอกาสจากทีมเก่า พาเลซ ที่เจ้าตัวถูก “จดจำ” จากประชัย 4-3 ปราบลิเวอร์พูลในรอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ 1990 แถมเป็นทีมบ้านเกิด ลอนดอน หยิบยื่นเข้ามา

การตัดสินใจจึงไม่ยากกับสัญญาถึง 3 ปีครึ่งที่ถือว่าเยอะมากกับกุนซือยุคปัจจุบัน (มอยส์ ได้รับเพียง 1 ปีครึ่งกับดีลปัจจุบันกับโซเซียดัด)

แม้นั่นจะหมายถึงย้ายจากทีมอันดับ 10 มาหนีตายอันดับ 18 แต่กล่าวได้ว่า “ทุกสิ่งแวดล้อม” เป็นใจ และ “ใช่!” แทบทั้งหมด

ไม่นับเกมประเดิมในเอฟเอ คัพ รอบ 3 ก็พาทีมบุกชนะ โดเวอร์ แอตเลติก สบาย 4-0

ครับ ผมมองว่า ทั้ง เดวิด มอยส์ และอลัน พาร์ดิว กำลังสบาย (ใจ) และอยู่ถูกที่ ถูกเวลา กับทีมที่ใช่แล้ว

ดีใจด้วยรับ “นิวเยียร์ 2015” จริง ๆ ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook