Lies and Truth ‘ซูเปอร์แฟรงค์’ แห่งนิวยอร์คหรือแมนเชสเตอร์?

เรื่องราวของ “ซูเปอร์แฟรงค์” หรือ แฟรงค์ แลมพาร์ด นักเตะระดับตำนานของวงการฟุตบอลเมืองผู้ดี กลายเป็นเรื่องที่โจษขานกันอย่างมากในรอบหลายวันที่ผ่านมา กับความสงสัยว่าตกลงแล้วเขาคือนักฟุตบอลของทีมใดกันแน่

ระหว่าง "นิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี" หรือ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" แล้วความจริงมันอยู่ตรงไหน?

วันนี้ "ฮอตสกอร์ เอฟซี" ขออนุญาตไขความกระจ่างให้ทุกคนเองครับ

นิวยอร์ค หรือ แมนเชสเตอร์?

เดิมเราเข้าใจกันว่า แลมพาร์ด ได้เซ็นสัญญากับ NYFC เป็นเวลา 2 ปี เพื่อจะเล่นในเมเจอร์ลีก ฤดูกาล 2015 แต่ถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ “ทีมแม่” ของ นิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี เพราะมีเจ้าของเดียวกัน (ร่วมกับทีมเบสบอลระดับตำนาน นิวยอร์ค แยงกี้ส์)

ในสัญญาเป็นการขอยืมตัวมาใช้งานก่อนในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกของพรีเมียร์ลีก ในสัญญาระยะเวลา 6 เดือน หรือจนถึงเดือนมกราคม

ประเด็นนี้เป็นที่เข้าใจได้ เพราะในระหว่างการเซ็นสัญญา นิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี ยังไม่ได้ร่วมเล่นในเมเจอร์ลีก การมา แมนฯ ซิตี้ อันเป็นทีมแม่จะทำให้แลมพาร์ด รักษาสภาพร่างกายได้จากการลงเล่นต่อเนื่อง

เรื่องนี้ไม่มีใครสงสัยอะไร จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงเดือนธันวาคม เริ่มมีกระแสข่าวว่า มานูเอล เปเญกรินี่ ต้องการให้แลมพาร์ด อยู่กับทีมต่อไปจนจบฤดูกาลเนื่องจากทำผลงานได้น่าประทับใจ

ตรงนี้เองที่สะกิดความรู้สึกของแฟนบอลจำนวนมาก โดยเฉพาะต่อแฟนเชลซี และแฟนบอลนิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี ที่ “ตะหงิด” ขึ้นมาว่างานนี้อาจโดน “สวมเขา”

ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ปี 2015 และแลมพาร์ด ยังไม่ได้กลับมานิวยอร์ค ทำให้เรื่องนี้ถูกขุดคุ้ยอย่างหนัก มีการเรียกร้องให้ทำการตรวจสอบว่าเหตุใด แลมพาร์ด จึงยังอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้

นั่นนำมาสู่การเปิดเผยของพรีเมียร์ลีกที่ช็อกวงการอย่างยิ่ง

ตามการยืนยันของพรีเมียร์ลีก “แฟรงค์ แลมพาร์ด ลงทะเบียนในฐานะผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยจะอยู่กับทีมจนจบฤดูกาล และไม่มีเงื่อนไขใดๆที่เกี่ยวข้องกับนิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี เลย”

พูดง่ายๆคือเรื่องการย้ายทีมของแลมพาร์ด ไปยังนิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี เป็นเพียงเรื่อง “ลวงโลก” ที่ถูกจัดฉากอย่างแนบเนียนโดยฝ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้

แน่นอนว่าเมื่อความจริงปรากฏเช่นนี้ทำให้ฝ่ายแฟนบอลนั้น “เสียความรู้สึก” อย่างมาก

ในขณะที่ แลมพาร์ด หนึ่งในนักเตะสุภาพบุรุษที่แฟนฟุตบอลให้การยอมรับมากที่สุดเองก็เสีย “ภาพพจน์” ไปไม่น้อยในเรื่องนี้

และฝ่ายแมนฯ ซิตี้ เองนอกจากจะ “เสีย” ด้วยในฐานะตัวการของเรื่อง ยัง “เสียว” จะโดนเล่นงานด้วยจากการกระทำครั้งนี้

เรื่องโกหกและไร้สาระ?

การ “แอบกิน” ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่งผลกระทบรุนแรงอย่างมาก โดยหลังจากที่ถูกเปิดโปง สโมสรได้ออกแถลงการณ์ “สารภาพ” ว่าที่เคยให้ข่าวว่าซิตี้ ขอยืมแลมพาร์ด มาเป็นเวลา 6 เดือนตอนต้นฤดูกาล หรือแม้แต่ข่าวการเซ็นสัญญา 2 ปีของนักเตะจอมเก๋ากับนิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี นั้นเป็น “เรื่องโกหก”

ทั้งนี้แม้จะไม่มีการทำผิดกฏอะไรตามการยืนยันของพรีเมียร์ลีก แต่ยูฟ่า นั้นเตรียมจะสอบสวนแมนฯ ซิตี้ ว่ามีการลักลอบกระทำผิดเพิ่มเติมหรือไม่ จากกรณีดีลของแลมพาร์ด ที่นักเตะอยู่ในสัญญากับนิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี ที่บริหารโดยบริษัท ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป (CFG)

ยูฟ่า จะสอบสวนว่าบริษัทนี้มีส่วนเกี่ยวข้องในเชิงโครงสร้างกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยหรือไม่ ซึ่งหากพบความผิด ก็นับว่าน่ากังวลสำหรับซิตี้ เพราะพวกเขาต้อง “ทัณฑ์บน” เอาไว้แล้วจากกรณีกระทำผิดกฏการเงิน (FFP - Financial Fair Play Rule) ที่ทำให้โดนปรับเงินถึง 16 ล้านปอนด์ สั่งลดโควต้าผู้เล่นลงทะเบียนในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และถูกสั่งให้ควบคุมบัญชีการเงินอย่างเคร่งครัด

ถ้าครั้งนี้ผิดซ้ำ น่ากังวลว่าอาจโดนลงโทษหนัก เพียงแต่โฆษกสโมสรยืนยันว่าการตรวจสอบของยูฟ่า เป็นไปตามชั้นตอนปกติอยู่แล้ว

ทางด้านแลมพาร์ด ยังยืนกรานในความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าทีมที่เขาเซ็นสัญญาด้วยคือนิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี ไม่ใช่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และข่าวต่างๆที่กล่าวพาดพิงเขา โดยเฉพาะทฤษฎีสมคบคิดในการย้ายมาเอติฮัด สเตเดี้ยม นั้นเป็นเรื่อง “โกหกและไร้สาระ”

ในบทสัมภาษณ์ล่าสุด “ซูเปอร์แฟรงค์” ยังยืนยันคำเดิมว่าเขาตั้งใจจะไปนิวยอร์คจริงๆเพราะไม่เคยคิดจะร่วมทีมอื่นในพรีเมียร์ลีกนอกจากเชลซีมาก่อน พร้อมเปิดเผยที่มาที่ไปว่า

“ผมต้องการไปนิวยอร์ค 100 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ในระหว่างที่การเจรจาดำเนินไป มีการพูดถึงช่วง 5-6 เดือนต่อจากนั้น (หลังการเซ็นสัญญา) ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ แมนฯ ซิตี้ มาทัวร์พรีซีซั่นพอดี ผมได้คุยกับมานูเอล เปเญกรินี่ และเขาบอกว่าเขาอให้ผมมาช่วยในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล เรื่องมันมีแค่นี้จริงๆ ผมสาบานได้เลยว่านี่คือเรื่องจริง”

อย่างไรก็ดีเวลานี้แลมพาร์ด เซ็นสัญญากับ NYFC อย่างเป็นทางการ และมีกำหนดจะกลับไปร่วมทีมในเดือนกรกฎาคม

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อรับรู้แล้วจะเชื่อหรือไม่ อยู่ที่คุณตัดสินเองครับ

Welcome to New York, Frank!

ลูกแม่กิ่ง