เมื่อโควตา "ดวง" ฟาน ฮัล หมดลง!

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ชมเกมฟุตบอล 4 คู่: ซันเดอร์แลนด์ – ลิเวอร์พูล, เชลซี – นิวคาสเซิล, เรอัล มาดริด – เอสปันญ่อล และแมนฯยูไนเต็ด – เซาธ์แฮมป์ตัน

3 คู่แรก พูดถึงไปแล้วเมื่อวานนี้ ส่วนคู่ 5 ทุ่มเมื่อคืน “ซูเปอร์ซันเดย์” ระหว่างแมนฯยูฯ – เซาธ์แฮมป์ตัน จัดว่า “พลิกล็อก” พอประมาณในแง่ผลการแข่งขัน

แต่จะไม่ถือว่า เซอร์ไพรส์ใดๆ หากใครได้ชมแรกของทั้ง 2 ทีมเมื่อ 9 ธ.ค. ซึ่งทีมปิศาจแดงบุกไปชนะ 2-1 ถึงถิ่นเซนต์ แมรี่ส์ ในเกมที่ “ทุกสถิติ” เป็นรอง และหากจำไม่ผิด ยิง 2 หนเข้ากรอบ ได้ 2 ประตู

“ภาพรวม” ที่ไม่แพ้ใคร 11 นัดในทุกถ้วยยังมีการพูดถึงมาตลอดว่า ดาวิด เด เกอา “อุ้มทีม” อยู่ประมาณหนึ่งไม่นับ “เทพีแห่งโชค” เข้าข้าง หลุยส์ ฟาน ฮัล อย่างยิ่ง

เช่น นัดบุกชนะอาร์เซนอล 2-1, ชนะลิเวอร์พูล 3-0 หรือเสมอสเปอร์ส 0-0 และสโต๊ค 1-1 แบบเจียนไปเจียนอยู่

ครับ หลังจากครองบอลได้เยอะในแมตช์นี้ 61% แต่ไม่สามารถสร้างโอกาสยิงประตู “เข้ากรอบ” ได้แม้แต่ครั้งเดียว

โอกาสยิง “เข้าเป้า” ครั้งเดียวในเกมของทีมนักบุญจาก ดูซาน ทาดิช จึงเปลี่ยนประตูชัยทำให้ โรนัลด์ คูมัน และลูกทีมบุกมา “ล้างแค้น”

พร้อมแซงขึ้นอันดับ 3 ได้อย่างน่าชื่นชม และทำให้การลุ้น “ท็อปโฟร์” สนุกมากๆ ในปีนี้ เพราะจะมีอย่างน้อย 6 ทีม กำลังแย่ง “2 เก้าอี้” หากตัดเชลซี และแมนฯซิตี้ ออกไป

รายงานตัวเลขการ “สูญเสีย” คร่าวๆ ยังแจ้งมาแล้วว่า แมนฯยูฯ เตรียมเสียรายได้ราว 150 ล้านปอนด์ หากไม่สามารถผ่านไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ซึ่งความเป็นไปได้นั้นมี และอะไรก็เกิดขึ้นได้หาก “เกมรับ” ยังมีบ่อน้ำมันเต็มไปหมด ขณะที่เกมรุกแม้จะวูบวาบ หวือหวา แต่เหมือนขาดอะไรบางอย่างไป

หรืออย่างน้อยๆ “ความสมดุล” ยังไม่ลงตัวในทีมที่ใช้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, เวย์น รูนี่ย์, อังเคล ดิ มาเรีย และฆวน มาต้า เป็น 4 ประสาน

ชื่อของ ราดาเมล ฟัลเกา ซึ่งไม่ถูกส่งแม้กระทั่งในรายชื่อสำรองจึง “โผล่” ขึ้นมาเป็นคำถามหลังเกม แต่กุนซือดัตช์ก็ยืนยันว่า “ไม่เกี่ยว” กับผลการแข่งขัน

“ภาพรวม” ที่น่าสนใจ และกลายเป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ เกม” ไปเลยก็คือ การที่ ฟาน ฮัล เก็บแต้มรวมได้ 37 คะแนน เท่ากับ เดวิด มอยส์ หลังผ่านไป 21 นัด เหมือนกัน

แต่ที่ไม่เหมือน คือ แมนฯยูฯ อยู่อันดับ 4 ตอนนี้ และอันดับ 7 ตอนนั้น

เหนือสิ่งอื่นใด คือ มอยส์ คือ คนต่อหลัง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ ฟาน ฮัล คือ คนต่อจากมอยส์ ผู้ซึ่งพาทีม “เสียสถิติ” แล้วสถิติเล่า

กระทั่ง ฟาน ฮัล แทบไม่เหลืออะไรให้เสียอีก ทว่าก็ยังพลาดเสียสถิติแพ้ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ครั้งแรกในรอบ 27 ปี ให้นักบุญ และก่อนหน้านี้นับจากปี 1972 ให้สวอนซีเท่านั้น!!!

เขียนถึงตรงนี้ ระบบ “แบ็ก 3” หรือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 คน ผมเชื่อว่า ทุกคนในโลกเห็นเหมือนกันว่า ยิ่งทำให้ คริส สมอลลิ่ง, ฟิล โจนส์ และจะใครอีกคนก็แล้วแต่ดู “ทุเรศ” มากๆ

ผมเชื่อว่า หากปรับมาเล่น กองหลัง 4 คนอย่าง “ถาวร” ไม่ทะลึ่งเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทีมชุดนี้ซึ่งผมยังยืนยันว่า ตัวเองพร้อมจะ “ซื้อตั๋ว” เข้าดู เพราะมี “ซุปตาร์” ให้เชียร์เยอะ

ยังมีดีมากกว่านี้!

ขณะเดียวกัน ความพ่ายแพ้ของทีมปิศาจแดงต้อง “ชื่นชม” คูมัน และลูกทีมเซาธ์แฮมป์ตันด้วยอย่างมาก

มอร์ก็อง ชแนเดร์แล็ง คือ นักเตะที่ “ใกล้เคียง” เนมันย่า มาติช มากที่สุดแล้ว ณ เวลานี้ เฉพาะอย่างยิ่งหากได้เล่นร่วมกับ วิคเตอร์ วันยาม่า และ สตีเว่น เดวิส ที่แย่งบอลเก่งทั้ง 3 คน เหมือนเกมนี้

ผมเองเคยเขียนถึงเซาธ์แฮมป์ตันช่วงประมาณนัดที่ 10 ของซีซั่นตอนทีมนักบุญเป็นรองจ่าฝูง และยังยืนยันเหมือนเดิมว่า คูมัน “เก่งมาก” กับการเสียนักเตะถึง 10 คน ทั้งขาย และยืมตัว

แต่กลับ “ปั้นทีม” ขึ้นมาใหม่ และไม่ใช้เวลาเลยในการ “ปรับตัว” ซึ่งดูแล้วเป็น mission impossible เอามากๆ

ถึงเวลานี้ ผม “เลิกห่วง” ทีมนักบุญแล้ว โดยเฉพาะหากตัวหลัก และตัวรองมีเกรด เช่น ดูซาน ทาดิช, กาเซียอาโน่ เปลเล่, กัปตันทีม โจเซ่ ฟอนเต้, นายทวาร เฟรเซอร์ ฟอสเตอร์, นาธาเนียล ไคลน์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ฯลฯ จะยัง “ไม่เจ็บ” ไปเรื่อยๆ แบบนี้

และโรนัลด์ คูมัน จะเป็นตัวเต็งกุนซือยอดเยี่ยมอีกคน แม้จะไม่ได้แชมป์ใดๆ ก็ตาม

ส่วน แมนฯยูฯ นอกเหนือจากเกมรับแล้ว ผมยังอยากให้ ละ ลด เลิก อาการ “สิ้นคิด” โยนให้ มารูยาน เฟลไลนี่ ไปลุ้นได้แล้วเช่นกัน

ผมว่า มัน “เสียฟอร์ม” และควรทำช่วงท้ายเกมจริงๆ เช่น 5-10 นาทีสุดท้าย ไม่เกินนั้น หาใช่ “บอมบ์” ตั้งแต่นาทีที่ 72 ที่ดาวเตะเบลเยียมลงไปเป็นตัวสำรองแบบนี้

ครับ และเมื่อรวมกับการใช้โควตา “ดวง” และ “โชค” จนหมดแล้วก่อนหน้านี้ นับจากนี้ไปเราน่าจะได้เห็นอะไรดีๆ หรือไม่ดีจาก หลุยส์ ฟาน ฮัล กันมากกว่านี้...

เรื่องโดย : ไข่มุกดำ