ดาวรุ่ง.. พุ่งไปไหน?

ดาวรุ่ง.. พุ่งไปไหน?

ดาวรุ่ง.. พุ่งไปไหน?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในช่วงเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว "อัดนาน ยานาไซ" ยังถือเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ถูกคาดหมายว่าจะมีอนาคตไกลในวงการลูกหนังอยู่ แม้ว่าชื่อเสียงของเขาจะไม่หอมหวนเหมือนกับตอนแจ้งเกิดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงต้นฤดูกาลก็ตาม

ปีกวัย 18 ปี ในตอนนั้น ชิงพื้นที่สื่อไปได้เต็มๆ ในช่วงต้นซีซั่นแห่งการเปลี่ยนแปลงของปิศาจแดงเมื่อปีก่อน เพราะถึงแม้ เดวิด มอยส์ จะไม่สามารถนำทีมสร้างผลงานได้ดีพอย่างที่ถูกคาดหวังไว้ แต่ ยานาไซ ก็เหมือนจุดประกายความหวังเล็กๆให้กับทีม ด้วยลีลาการเล่นที่แพรวพราว หลังถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว

ยานาไซ ได้ร่วมทีมออกทัวร์ปรีซีซั่นของฤดูกาล 2012/13 หลังคว้าตำแหน่งนักเตะสำรองยอดเยี่ยมมาได้ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น และได้ประเดิมสนามในแมตช์ทางการในเกมคอมมูนิตี้ ชิลด์ ด้วยการเป็นตัวสำรองในช่วงไม่กี่นาทีสุดท้าย และลงเล่นในพรีเมียร์ลีกนัดแรกในวันที่ 14 กันยายน 2013 ด้วยการลงเป็นตัวสำรองในเกมกับ คริสตัล พาเลซ

เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมกับ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2013 และเกมนี้กลายเป็นเกมเปลี่ยนชีวิต ยานาไซ อย่างแท้จริง เมื่อเขาเป็นฮีโร่เหมา 2 ประตูในชัยชนะ 2-1 ที่สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์

จุดเปลี่ยนที่ว่ารวมถึงการเปลี่ยนจากนักเตะที่ได้ค่าเหนื่อยอาทิตย์ละ 1 พันปอนด์ มาเป็น 6 หมื่นปอนด์ ในอีก 2 สัปดาห์ หลังจากนั้น เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องรีบยื่นสัญญาใหม่ให้กับยานาไซ ก่อนที่สัญญาฉบับเดิมจะสิ้นสุดลงเมื่อจบฤดูกาลนั้น

นอกจากค่าเหนื่อยที่ว่ากันว่าอยู่ที่สัปดาห์ละ 5-6 หมื่นปอนด์ แล้ว ยานาไซยังได้เงินกินเปล่าอีกสัปดาห์ละ 2 หมื่นปอนด์ จากการผ่อนจ่ายเงินค่าต่อสัญญายาว 5 ปี ที่เขาได้รับด้วย เพราะผีแดงไม่อยากเสียดาวรุ่งอนาคตไกลอย่างเขาไปฟรีๆ หลังมีข่าวว่าหลายทีมดังจ้องตะครุบตัวเขา ไม่เว้นแม้แต่บาร์เซโลน่า


การลงทุนครั้งนี้ยังดูเหมือนจะคุ้มค่าอยู่ เมื่อยานาไซได้โอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นตัวหลักของทีม แม้ว่าผลงานของแมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่กระเตื้องจากเดิมซักเท่าไหร่ก็ตาม

ขณะที่ในระดับทีมชาติเองก็เกิดศึกแย่งชิงตัวยานาไซขึ้น เมื่อเขามีสิทธิเลือกเล่นให้ได้ทั้งกับแอลเบเนีย ซึ่งเป็นเชื้อชาติของเขา หรือจะเล่นให้เบลเยียมได้ในฐานะที่เกิดและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ไม่เว้นแม้แต่อังกฤษที่อยากเข้าไปแจม แต่ต้องรอให้เขาอยู่ในประเทศครบ 5 ปีก่อน

หลังจากไม่ยอมตอบรับคำเชิญของเบลเยียมในช่วงแรก สุดท้ายยานาไซก็ตอบตกลง แม้เจ้าตัวจะบอกว่าหัวใจของเขาอยู่กับแอลเบเนีย แต่เพื่อโอกาสที่จะได้ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ รวมถึงฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึง ทำให้เขาได้ไปแข่งที่บราซิล 2016 ด้วยในภายหลัง

แต่แทนที่จะพัฒนาฝีเท้าการเล่นให้โดดเด่นขึ้น ในแง่ของการลากเลื้อย รับส่งบอล เปิดบอล หรือยิงประตู ชื่อเสียงที่ยานาไซได้รับมาเมื่อฤดูกาลดำเนินไปได้ครึ่งทางก็คือ การเป็นนักเตะจอมพุ่งล้ม จนกลายเป็นผู้เล่นที่รับใบเหลืองมากที่สุดในข้อหานี้ไป

ฤดูกาลที่แล้วจบลงพร้อมกับอันดับ 7 ของแมนฯ ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก และการไม่มีโอกาสลุ้นแชมป์บอลถ้วยซักรายการเดียว แต่ในแง่ส่วนตัวแล้วยานาไซถือว่าประสบความสำเร็จ เมื่อได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 27 นัด และทำไป 4 ประตู ขณะที่ลงเล่นทุกรายการรวมกันถึง 35 นัด

ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้งในทีมแมนฯ ยูไนเต็ดหลังจบฤดูกาลที่แล้ว เมื่อหลุยส์ ฟาน กัล เข้ามาคุมทีมแทน มอยส์ ที่โดนเด้ง ส่วนยานาไซได้เปลี่ยนจากเสื้อเบอร์ 44 มาสวมเสื้อเบอร์ 11 ที่เคยเป็นของปีกระดับตำนานอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ แต่ช่วงแรกดูเหมือนสถานภาพของเขาจะเปลี่ยนไป

ยานาไซ เป็นแค่ตัวสำรองในเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกที่ผีแดงพ่าย สวอนซี คารัง 1-2 และกว่าจะได้ลงตัวจริงก็คือเกมที่ออกไปเสมอ เวสต์บรอมวิช 2-2 ในช่วงปลายเดือนตุลาคม แต่ใครจะเชื่อว่าด้วยฟอร์มที่แสนจะธรรมดาๆ แถมน่าขัดใจแฟนผีส่วนใหญ่ ยานาไซกลับได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องอีก 3 นัดหลังจากนั้น ซึ่งผีแดงลงเอยด้วยการเสมอ เชลซี ในบ้าน, แพ้ แมนฯ ซิตี้ นอกบ้าน และชนะ พาเลซ ในบ้านอย่างหืดจับ

เกมหลังสุดนี้เป็น ฆวน มาต้า ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองรองแทนยานาไซ ที่ทำประตูให้ทีมได้ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะติดต่อกัน 6 นัด ของผีแดงหลังจากนั้น ซึ่งไม่มียานาไซอยู่ใน 11 ตัวจริงอีกเลย แม้แต่นัดเดียว และจนถึงเกมล่าสุด เขาก็ไม่เคยกลับมาติดโผเป็นตัวจริงได้อีกเลย โดยเขาได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองอีกแค่ 2 นัด และมีเวลาในสนามรวมกันแค่ 27 นาทีเท่านั้น

การกลับไปอยู่ในสถานภาพนักเตะสำรองอย่างเต็มตัวของยานาไซ ทำให้มีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่าเขาจะถูกปล่อยยืมตัวในช่วงเปิดตลาดครั้งนี้ โดยมี เรอัล โซเซียดัด ที่ได้ มอยส์ เข้าไปเป็นโค้ชคนใหม่ได้ซักพักแล้ว สนใจอยากดึงศิษย์เก่าไปปลุกปั้นอีกรอบ

ไม่ว่ายานาไซจะได้กลับไปร่วมงานกับนายเก่าตามข่าวหรือไม่ แต่โอกาสที่เขาจะได้อยู่ในโอลด์ แทรฟฟอร์ดต่อในครึ่งฤดูกาลหลังก็ดูจะไม่สดใสนักในตอนนี้ เพราะยังมี เอฟเวอร์ตัน และ แอสตัน วิลล่า ที่อยากได้ตัวเขาได้

จากดาวรุ่งพุ่งแรงที่ถูกเหน็บแนมว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งล้ม ตอนนี้ ยานาไซ อาจต้องพุ่งไปหาทีมอื่นก่อน ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือถาวร เพื่อจะพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จได้จริงๆ อย่างที่ครั้งหนึ่งเคยถูกคาดหมายไว้

Babybear

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook