ลอเรนโซ่ อินซินเย่ : นักเตะที่สูงแค่ 163 ซม. แต่กลายมาเป็นจอมทัพเบอร์ 10 ของอิตาลี
ชัยชนะของ อิตาลี เหนือ ตุรกี แบบขาดลอย 3-0 ที่สนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม ทำให้แฟนฟุตบอลทั่วโลกได้เห็นเกมรุกอันดุดันของขุนพลจากแดนรองเท้าบูท
แม้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จะตกอยู่กับผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังอย่าง เลโอนาร์โด้ สปินัซโซล่า แต่นักเตะที่สร้างความฮือฮาให้กับแฟนบอล จนเป็นที่กล่าวถึงในนัดดังกล่าว กลับเป็นนักเตะที่มีความสูงเพียง 163 เซนติเมตร นามว่า ลอเรนโซ่ อินซินเย่ จากลีลากระชากลากเลื้อย เลี้ยงกินตัว ครองบอลแน่น จ่ายบอลดี แถมยังเป็นคนทำประตูปิดกล่องให้ทีมในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมด้วย
และนี่คือเรื่องราวคร่าว ๆ ของชาติและชายผู้ร้อนแรงที่สุดในนัดเปิดสนาม
นิวบอร์น อัซซูรี่
"มันแตกต่างจากที่เคยเป็นมาแบบสิ้นเชิง หลังจากไม่ผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก 2018 ทีมชาติ อิตาลี สามารถจะลองอะไรก็ได้ที่พวกเขาอยากจะลอง เพราะไม่มีอะไรจะตกต่ำไปได้มากกว่านั้นแล้ว" โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ กล่าวหลังเกมเมื่อคืนนี้จบลง
"อิตาลี ชุดนี้แสดงให้เห็นถึงความหัวขบถ พวกเขาทำลายวัฒนธรรมประเพณีที่เราเคยเห็นมาจนหมดสิ้น เราไม่เคยกล้าหาญที่จะเล่นฟุตบอลบนพื้นแบบนี้มาก่อน เราเล่นฟุตบอลในแบบที่แฟน ๆ พูดได้เต็มปากว่า นี่คือ โมเดิร์น ฟุตบอล"
"เราไม่เคยไว้ใจนักเตะเยาวชนหรือแข้งเลือดใหม่มากเท่าครั้งนี้มาก่อน ผลงานของ อิตาลี ในเกมกับ ตุรกี แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและคุณภาพของนักเตะอายุน้อยที่มาจาก เซเรีย อา และทีมชาติชุดยู 21" ดิ มัตเตโอ กล่าว
สิ่งที่ ดิ มัตเตโอ พูดถึงทีมชาติ อิตาลี ชุดนี้ ถือเป็นหนึ่งในคำตอบที่ชัดเจนอย่างที่สุดว่าทำไม โรแบร์โต้ มันชินี่ ถึงกล้าทำให้ทีมเล่นในแบบที่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อนในอดีต พวกเขาไม่กลัวที่จะแตกต่าง เพราะไม่มีอะไรจะเสีย และความเสี่ยงนี้ มาพร้อมกับระบบการเล่น 4-3-3 แบบ โมเดิร์น ฟุตบอล กล่าวคือไล่บี้คู่แข่งตั้งแต่หน้าปากประตูฝั่งตรงข้าม เล่นเกมรับร่วมกันทั้งทีม และเมื่อได้บอล พวกเขาจะผ่านบอลไปข้างหน้าโดยเร็วที่สุด
มันชินี่ ไม่ใช่แค่กล้าลองระบบการเล่นใหม่ แต่เป็นการกล้าใช้นักเตะตำแหน่งริมเส้นเป็นหัวใจของเกมรุก และหน้าที่นั้นตกเป็นของ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ปีกวัย 28 ปี จาก นาโปลี ที่มีความสูงเพียง 163 เซนติเมตรเท่านั้น
และการใช้ อินซินเย่ ในการขึ้นเกมรุกนี่เอง ที่ทำให้เกมบุกของ อิตาลี ดุดันหลากหลายมากกว่าที่เคย เรียกได้ว่าปิดยุคสมัยตั้งรับลึกแล้วรอสวนกลับแบบตีหัวเข้าบ้านไปโดยปริยาย
"ผมเข้ามารับงานในทีมชาติอิตาลีด้วยสถานการณ์ที่ล้มเหลวและตกต่ำที่สุดในรอบ 50 ปี และผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องทำอะไรที่มันแตกต่างออกไปจากสิ่งเดิม ๆ ที่เราเคยทำ" โรแบร์โต้ มันชินี่ ว่าไว้เช่นนั้น
เบอร์ 10 ในตำแหน่งปีก
เจ้าของหมายเลข 10 ทีมชาติอิตาลีคนปัจจุบันรายนี้ นับเป็นนักเตะหมายเลข 10 ที่แตกต่างจากผู้ที่เคยสวมใส่เครื่องแบบของทีมเจ้าของฉายา “อัซซูรี่” คนก่อน ๆ อย่าง โรแบร์โต้ บาจโจ้, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่, ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, อันโตนิโอ คาสซาโน่ หรือแม้กระทั่ง ธิอาโก้ มอตต้า ที่เป็นเพลย์เมคเกอร์ หรือจอมทัพของทีม แต่ อินซินเย่ คือผู้เล่นในตำแหน่งปีก
ย้อนกลับไปนับตั้งแต่ปี 2006 ที่พวกเขาได้แชมป์โลก อิตาลี มักจะลงเล่นด้วยระบบที่ไร้ตัวริมเส้นที่เล่นเกมรุก 100% อย่าง อินซินเย่ หรือถ้ามี ก็ไม่มีใครสร้างความแตกต่างและสามารถเรียกได้ว่าเป็นคนสำคัญแบบที่เขาเป็นได้เลย
เครดิตที่ทำให้ อินซินเย่ เป็นตัวเด่นได้ขนาดนี้ ต้องขอบคุณ มันชินี่ อีกครั้ง เพราะเขารู้ตั้งแต่วันที่เขาเข้ามาคุมทีมชาติแล้วว่า จะทำอย่างไรให้นักเตะที่สูงแค่ 163 เซนติเมตร อันตรายและส่งผลแง่บวกต่อทีมได้มากที่สุด โดย มันชินี่ เคยกล่าวถึง อินซินเย่ ก่อนการแข่งขันครั้งนี้ว่า "ต้องเอาเขาไปวางให้ถูกที่"
"ผมได้ดูเกมที่ นาโปลี (ต้นสังกัดของ อินซินเย่) เจอกับ ยูเวนตุส เกมนั้นผมได้เห็นว่า นาโปลี มีเกมสวนกลับที่อันตราย ในเกมนั้น อินซินเย่ทำผลงานส่วนตัวได้ดีมาก แต่ไม่มีอิทธิพลต่อทีมมากนัก และผมรู้ว่าเพราะอะไร"
"เขาโดนสั่งให้ทำงานหนักเกินไป เขาโดนสั่งให้ต้องถอยมาไล่บอลตั้งแต่แดนของตัวเอง สร้างเกมรุกตั้งแต่ตรงนั้น แต่ความจริงคือเขามีภาระรับผิดชอบพื้นที่ในสนามมากเกินกว่าเหตุ นักเตะอย่างอินซินเย่ จะอันตรายกว่านี้มาก หากเน้นให้เขาโจมตีพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่ง เพราะเขาเกิดมาเพื่อสิ่งนั้น" มันชินี่ กล่าว
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ มันชินี่ บอก สัมพันธ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม อิตาลี ชนะ ตุรกี 3-0 ... ตุรกี ลงไปยืนรับต่ำเต็มพื้นที่ และนั่นส่งผลให้นักเตะที่ตัวเล็ก ปราดเปรียว และเทคนิคดีที่สุดในทีมชุดนี้อย่าง อินซินเย่ ฉายแสงออกมาได้ชัดเจนที่สุด ไม่มีใครแย่งบอลจากเท้าเขาได้ง่าย ๆ อีกทั้งเขายังเร็วและมีไหวพริบมากพอในการตัดสินใจทำอะไรในเสี้ยววินาที เรียกได้ว่าในพื้นที่ที่เต็มเอี๊ยดไปด้วยคู่แข่ง นักเตะที่สูง 163 เซนติเมตรคนนี้ สำคัญกับพวกเขามากยิ่งกว่าใคร
กว่าจะถึงวันนี้
กว่าที่จะได้สวมหมายเลข 10 และเป็นหัวใจเกมรุกของทีม อินซินเย่ ต้องต่อสู้กับคำปรามาสมาไม่น้อย ความที่เป็นคนตัวเล็ก ทำให้เขาโดนตัดโอกาสเข้าร่วมสโมสรต่าง ๆ มาตั้งแต่ยังเด็ก และสิ่งนั้นคือภาพจำฝังใจที่เขาอยากจะก้าวข้ามมันให้ได้
"ผมเคยโดน อินเตอร์ มิลาน ปฏิเสธเพราะพวกเขาคิดว่าผมตัวเล็กเกินไป หลังจากนั้นผมก็ไปทดสอบฝีเท้ากับ โตริโน่ อีกหน ... คำตอบก็ยังคงเดิม ส่วนสูงของผมเป็นปัญหากับคนอื่น ๆ มาโดยตลอด" อินซินเย่ เล่าความหลัง
การโดนปฏิเสธโดยสโมสรระดับเซเรีย อา ทำให้ อินซินเย่ ต้องเล่นให้ทีมท้องถิ่นที่มีชื่อว่า Olimpia Sant'Arpino ก่อนที่ นาโปลี สโมสรจากเมือง เนเปิลส์ บ้านเกิดของเขาจะให้โอกาสสำคัญ และหลังจากนั้น อินซินเย่ ก็ไม่เคยทำให้นาโปลีต้องผิดหวังที่เชื่อใจในฝีเท้าของเขามากกว่าส่วนสูง
ช่วงที่ อินซินเย่ เล่นในระดับเยาวชนทีมชาติ อิตาลี เขาเคยถูกเรียกว่า "นิว เมสซี่" มาก่อน แต่เขาก็พยายามหลีกเลี่ยงฉายานั้นมาโดยตลอดเพราะคิดว่ามันเกินความจริงไปมาก เมสซี่คือเบอร์ 1 ของโลก ... ส่วนสิ่งที่เขาหวังคือการเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสโมสรนาโปลีก็พอแล้ว
"ได้โปรดอย่าพูดเกินจริง เมสซี่ เก่งเกินกว่าจะเอาผมไปเปรียบเทียบ มันคงดีกว่าถ้าผมจะขอไม่รับคำชมนั้น เมสซี่ เก่งแค่ไหนใคร ๆ ก็รู้ แต่หนึ่งเดียวในใจของผมคือ มาราโดนา นักเตะที่เป็นสัญลักษณ์ของสโมสร นาโปลี และสักวันผมจะเป็นแบบนั้นบ้าง" อินซินเย่ กล่าวไว้ตอนที่เขาอายุ 20 ปี
ถึงตอนนี้เขาลงเล่นให้กับ นาโปลี มาแล้วกว่า 484 เกม นั่นอาจจะประสบความสำเร็จตามเป้าที่เขาเคยตั้งไว้แล้ว ทว่าในการออกสตาร์ต ยูโร 2020 ครั้งนี้ ทุกคนจะต้องมองเขาใหม่อีกครั้ง และเริ่มพูดถึงชื่อของ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ในแนวทางใหม่ของตำแหน่งหมายเลข 10 ที่พร้อมจะยิ่งใหญ่กว่าการเป็นไอคอนในระดับสโมสรเท่านั้น
ภายใต้วิธีการเล่นฉบับ "โมเดิร์น อิตาเลียน" อินซินเย่ คงได้เป็นจุดเด่นไปจนปลายทางของทัวร์นาเมนต์ ซึ่งหนนี้เขาพร้อมรับคำชมนั้นแล้ว และพร้อมจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่านักเตะเจ้าของความสูง 163 เซนติเมตรอย่างเขา ก็สามารถอันตรายได้ในทุกจังหวะ หากจับเขาไปอยู่ให้ถูกที่
"จุดแข็งของ อิตาลี ชุดนี้คือคำว่าทีม เราทุกคนพร้อมก้าวไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนผมน่ะเหรอ ... ผมพร้อมแล้วที่จะพยายามทำตัวให้พร้อมเสมอเพื่อเป็นตัวอันตรายให้กับทีมของเรา" อินซินเย่ กล่าวทิ้งท้าย