ปลดแอกอาร์เซนอล ด้วย “แพลน B”
เชื่อว่าคงจะมีสาวก “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล จำนวนไม่น้อยที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังเกมบุกชนะแมนฯซิตี้ ได้ถึงเอธิฮัด สเตเดี้ยม 2-0
ชนะเกมนอกบ้าน!, ชนะโดยเก็บคลีนชีต!, ชนะทีมใหญ่ “บิ๊กทรี” เชลซี/แมนฯซิตี้/แมนฯยูฯ!
อย่างน้อย 3 เหตุผลข้างต้นครับที่น่า “พอใจ” ไม่นับเรื่องอันดับบนตารางที่ยามนี้ขยับขึ้นอันดับ 5 ตามหลังแมนฯยูไนเต็ด ในอันดับ 4 เพียง 1 คะแนน
หรือเป็นการเก็บแต้มที่ 10 จาก 51 แต้มเต็มเท่านั้นในการเจอ เชลซี, แมนฯซิตี้ และแมนฯยูฯ จนแฟน “เดอะ กันเนอร์ส” ถอดใจ
เพราะคิดว่า “ชาตินี้” หรือจนกว่า อาร์เซน เวนเกอร์ จะเลิกคุมทีม อาร์เซนอล คงไม่มีทางหาวิธีการเล่น “รับมือ” กับบรรดาบิ๊กทีมได้
จนเป็นเหตุผลหลักให้ยอดทีมจากลอนดอน “หมดลุ้น” และสู้ไม่ได้ หรือยืนระยะไม่ไหวในการลุ้นแชมป์หากเทียบกับ “บิ๊กทรี” ข้างต้น
ฉะนั้น “ชัยชนะ” แบบมีนัยยะเหนือ มานูเอล เปเญกรินี่ และลูกทีม จึงถือเป็น “มิติใหม่” ของเหล้าเก่าผสมสูตรใหม่โดยกุนซือเวนเกอร์
ครับ เมื่อใช้ “วิธีการเดิม” หรือบุกแลกแบบถนัดอันเป็นเครื่องหมายการค้าของทีมปืนใหญ่ยุคเวนเกอร์แล้วทำแต้มหล่นถึง 41 คะแนนจาก 48 คะแนน หรือทำได้แค่ 7 แต้มจาก 16 นัดในการเจอกับ “บิ๊กทรี”
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจึงถือว่า “วิธีการใหม่” โดยเน้นเกมรับเป็นทีม และโต้กลับเมื่อมีโอกาสเหมาะเจาะเท่านั้นให้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยม
ต้นเกมครึ่งแรก และครึ่งหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 45 หลังก่อนเสียประตูที่ 2 ในนาทีที่ 67 แมนฯซิตี้ เล่นได้ดีกว่า บุกมากกว่า และมีโอกาสเพียงพอจะทำประตูได้
โดยเฉพาะ นาทีที่ 60 เฆซุส นาบาส เปิดเข้ากลางแต่ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ ยื่นขามาสกัดก่อนบอลจะถึง กุน อเกวโร่ และสเตฟาน โยเวติช
ครับ ในวันที่ “โชคร้าย” ดอกนี้สามารถเป็นลูกยิงเข้าประตูตัวเองได้ หรือมีทั้ง กุน และโยเวติช รอซ้ำดาบสอง
ทว่า พอยิงไม่ได้ และเกมรับพลาดง่าย ๆ เช่น แวงซองต์ กอมปานี ไปขวาง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ จนเสียจุดโทษในครึ่งแรก และแฟร์นานโด ตามประกบชิรูด์ไม่ดีในฟรีคิกครึ่งหลัง
แมนฯซิตี้ จึงเสีย 2 ประตูง่าย ๆ ในช่วงเวลาที่มีโอกาสดีกว่าในการทำประตูจนสุดท้ายจากคะแนนเท่ากับเชลซีเมื่อเร็ว ๆ นี้กลายเป็นจะตาม 8 แต้มหากนัดต่อไปบุกไปแพ้เชลซีที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ 31 ม.ค.
นอกจากนี้คงต้องยอมรับว่า แมนฯซิตี้ เป็นทีม “คาแร็กเตอร์” แบบนี้จริง ๆ หรือไม่โดน ไม่เร่ง, ไม่โดน ไม่เล่น
ครั้น เมื่อเจออาร์เซนอลที่เตรียมตัวมาดี รับแล้วโต้ และจังหวะจบใช้ไม่เปลือง สกอร์ไลน์จึงเป็นอย่างที่เห็น
ตรงกันข้าม หากอาร์เซน เวนเกอร์ บุกมา “ลุยสู้” โอกาสจะไม่ได้แต้มกลับลอนดอนจะมีสูง เพราะการเจอทีมใหญ่ที่ดีกว่า หรือไม่เป็นรอง
แถมต้องมาเยือน อาร์เซนอลจะเล่นเหมือนเจอทีมเล็กในบ้านตัวเองได้อย่างไร!?
ผมเขียนถึงตรงนี้ก็หมายความว่า ที่ผ่านมา อาร์เซนอลไม่เคยมี “แพลน B” หรือ “แผน 2”
แต่จะใช้เพียง “แผน 1” หรือ “แพลน A” ในการเล่นกับคู่แข่งเหมือนกันหมด
ทีมเล็กหลายทีมจึง เน้นรับเต็มรูปแบบ ปล่อยให้อาร์เซนอลต่อบอลแต่ไม่เปิดโอกาสให้จบสกอร์แล้วคอยตีหัวเข้าบ้าน
ซึ่งก็มีหลายครั้งหลายหนที่อาร์เซนอลต้องทำ “แต้มหล่น”
ยามเจอทีมใหญ่ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะหาก “หมัดหนัก” น้อยกว่าแล้วไปแลก ผลก็คือ “แพ้น็อค” กลับมาดังที่จะมีหลายหนที่อาร์เซนอลจะแพ้ “สกอร์สูง” ตอนเจอกับทีมใหญ่
ดังนั้น “ชัยชนะ” เหนือแมนฯซิตี้จึงไม่ใช่แค่ชัยชนะธรรมดา ๆ นัดเดียว
แต่เป็น 3 แต้ม “ปลดแอก” ความดื้อด้านในการยืนกรานใช้ “ปรัชญา” การเล่นแบบเดิม ๆ แบบเดียวของ อาร์เซน เวนเกอร์ ตลอดเวลาการคุมทีมอาร์เซนอล 18 ปีอีกด้วย
เรื่องโดย : ไข่มุกดำ