Black Lives Matter ในวงการฟุตบอล (คอลัมน์สนุกมือ / ธีรพัฒน์ อัครเศรณี)

Black Lives Matter ในวงการฟุตบอล (คอลัมน์สนุกมือ / ธีรพัฒน์ อัครเศรณี)

Black Lives Matter ในวงการฟุตบอล (คอลัมน์สนุกมือ / ธีรพัฒน์ อัครเศรณี)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอลยูโร 2020 ผ่านพ้นไปแล้วนะครับ แต่ควันหลงดูจะยังไม่จางหาย เมื่อกระแสความไม่พอใจในการเลือกนักเตะผิวสีอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, จาดอน ซานโช่ และ บูกาโย่ ซาก้า ทำหน้าที่ 3 คนสุดท้ายในการสังหารจุดโทษตัดสินให้กับทีมชาติอังกฤษแล้วเกิดความผิดพลาดขึ้น ดราม่าเลยพาลเกิดกับทั้ง 3 นักเตะ ทั้งที่ แกเร็ธ เซาต์เกต หัวหน้าโค้ชออกมายอมรับแล้วแท้ๆว่า ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของเขาเองล้วนๆ

จะวิเคราะห์วิจารณ์ตำหนิกันในเรื่องความเหมาะสมหรือประสบการณ์ในเกมการแข่งขันคงไม่มีใครว่า แต่นี่ลามปามไปจนถึงขั้นเหยียดสีผิว ประมาณว่าสาเหตุที่ทีมอังกฤษไม่ได้แชมป์เพราะตัวประหลาด 3 คนนี้

ไม่น่าเชื่อนะครับว่า ค.ศ. นี้แล้วยังมีคนคิดได้แค่นี้อยู่เป็นจำนวนเยอะพอสมควรเลยทีเดียวในสังคม!

หรือเพียงต้องการระบายอารมณ์จากความพ่ายแพ้ โดยไม่ได้สนใจเหตุผลหรือความแตกต่างในการเป็นมนุษย์ใดๆทั้งสิ้น?

qที่จริง "สิงโตคำราม" ทีมนี้ก็ใช้นักเตะผิวสีหลายคนในการสร้างผลงานจนเข้ามาได้ถึงรอบชิงชนะเลิศ อาทิเช่น ไคล์ วอล์คเกอร์, คีแรน ทริปเปียร์, ราฮีม สเตอร์ลิง และ คัลวิน ฟิลลิปส์ ทีอย่างนี้ไม่คิดบ้าง

ถ้าขาดนักบอลอย่าง สเตอร์ลิง ที่ทัวร์นาเมนต์นี้ ยิงไป 3 ซึ่งเป็นประตูสำคัญทั้งนั้น จ่ายอีก 1 ป่านนี้ไม่รู้ว่าแฮร์รี เคน จะเล่นออกหรือไม่ แล้วอังกฤษจะหยุดอยู่แค่รอบไหน?

สุดท้ายทุกอย่างจบลงที่การพิพากษา บูกาโย่ ซาก้า เด็กวัยเพียง 19 ซึ่งเสียสละทำหน้าที่ยิงคนสุดท้าย แบกรับความกดดันทั้งปวง ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทำพลาดน่าผิดหวังอะไร เพียงแต่ผู้รักษาประตูคู่ต่อสู้เซฟได้ สุดท้ายกลายเป็นเหยื่อของแฟนบอล

ไม่อยากจะถามกลับว่า ถ้ามีคนอื่นที่ชัวร์กว่า นิ่งกว่า แล้วทำไมโค้ชถึงต้องมาเลือกซาก้าเป็นคนยิง?

tแค่ความทรงจำในการยิงจุดโทษไม่เข้า แล้วทำให้ทีมแพ้ก็คงตามหลอกหลอน ซาก้า เลวร้ายอยู่แล้ว แต่นี่มาเจอทับถมหนักเข้าไปอีก น่าเป็นห่วงว่าเด็กวัยเท่านี้จะมีสภาพจิตเป็นอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

อย่างไรก็ดี ยังมีแฟนบอลที่อังกฤษอีกจำนวนหนึ่งนะครับ ที่เข้าใจและเห็นใจนักเตะเหล่านี้ และได้ให้กำลังใจกลับไปยังทั้ง 3 คนแบบอบอุ่น

น่าสังเกตว่าการที่พรีเมียร์ลีกรณรงค์ตามแคมเปญ "Black Lives Matter" นักบอลคุกเข่ากันก่อนเตะเพื่อแสดงการต่อต้านการเหยียดสีผิวไม่ทราบว่าได้ผลสักกี่มากน้อย และฤดูกาลใหม่จะมีภาพเหล่านี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่

ในเมื่อมีบางกระแสมองว่าการแสดงออกในลักษณะเหล่านี้บางครั้งมันดูเยอะเกินไป เอาใจคนผิวสีมากไปหน่อย แถมไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่เพราะคนที่เห็นต่างไม่ได้ยอมมาคุกเข่าด้วย

เรื่องนี้คงยังไม่จบง่ายๆ เข้าทำนอง "เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว" ต้องติดตามดูว่าทางพรีเมียร์ลีกอังกฤษจะตัดสินใจประการใดครับ

kอยากจะถามว่าต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรืออย่างไร ถ้ามนุษย์เราไม่ดูถูกกันเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีผิว เชื้อชาติ ฐานะ หรือ ปมด้อยไหนๆ มันก็คงไม่มีปัญหา ไม่ต้องมาเรียกร้องอะไร แถมยังไม่ต้องมาต่อต้านการรณรงค์ที่ว่านั้นอีกด้วย

ไม่น่าเชื่อครับว่า นับจากวันที่ วิฟ แอนเดอร์สัน นักเตะผิวสีคนแรกที่เล่นในตำแหน่งแบ็กขวา มีโอกาสลงรับใช้ทีมชาติอังกฤษพบกับเชคโกสโลวาเกีย เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 1978 แล้วมีเสียงต่อว่าระงม จนถึงวันนี้ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนไป

จากวันที่แฟนบอลโยนกล้วยลงมาในสนามยามที่เห็น จอห์น บาร์นส์ เล่นเมื่อทศวรรษ 80 ต่อให้ บาร์นซี่ เก่งขนาดไหน และทุกวันนี้เรายังต้องมาปรามเรื่องเหล่านี้กันอยู่อีก

ถ้าสิ้นเสียงนกหวีดทุกอย่างจบลงแค่ในสนามเขียวขจี คงจะดีกว่านี้ไม่น้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook