9 นักกีฬาโอลิมปิกที่มีรายได้สูงสุดในโตเกียวโอลิมปิก 2020
วงการกีฬา ถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีการหมุนเวียนของเงินอย่างสะพัด เนื่องจากมีการลงทุน ซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนกันอยู่ตลอดเวลา จนปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการลงทุนของบริษัทอุปโภคบริโภคหลายรายในวงการกีฬานั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากตัวนักกีฬาเอง ที่หมั่นฝึกฝนให้ตนเองมีทักษะมากขึ้นไปเรื่อย ๆ อันจะนำมาซึ่งชื่อเสียงทั้งต่อตนเองและต่อทีม
มองอีกนัยหนึ่ง นักกีฬาเหล่านี้ก็คือภาพแทนให้แก่บริษัทผู้สนับสนุนนั้น ๆ ซึ่งนอกจากบริษัทผู้ลงทุนเหล่านี้จะได้มูลค่าทางการตลาดที่มากขึ้น ตัวนักกีฬาเองยังได้ค่าตอบแทนอีกมหาศาลเพื่อตอบแทนความทุ่มเทที่เขาลงแรงไปนั่นเอง
Main Stand ชวนมาดูรายได้ของนักกีฬาอาชีพที่มีชื่อเสียงจำนวน 9 คน จากการสำรวจของ Forbes สื่อการเงินและธุรกิจของสหรัฐอเมริกา ว่าพวกเขาได้รับเงินสนับสนุนจากการเข้าร่วมการแข่งขันในโตเกียวโอลิมปิก 2020 เป็นจำนวนเท่าไหร่ ? และนอกจากรายได้ในสนาม แต่ละคนยังได้รายรับจากทางไหนอีกบ้าง ?
(หมายเหตุ จากการสำรวจตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2020 ถึงเดือนพฤษภาคม 2021 โดยอาศัยการสอบถามจากคนในอุตสาหกรรมกีฬา รายรับทั้งหมดนี้เป็นเงินที่ได้จากการแข่งขันกีฬาในรูปแบบของเงินรางวัล เงินเดือน เงินโบนัส รวมถึงรายได้นอกสนามในรูปแบบของสปอนเซอร์ ค่าธรรมเนียมในการแสดงตัวแต่ละครั้งตามข้อตกลงในสัญญาของแต่ละบริษัท)
1. เควิน ดูแรนท์, $75M USD, บาสเกตบอล, 32 ปี, สหรัฐอเมริกา
นักบาสเกตบอลอาชีพ NBA แห่งทีมบรูคลิน เน็ตส์ ตำแหน่งฟอร์เวิร์ด จากทีมสหรัฐอเมริกา การเข้าร่วมโอลิมปิกครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ของเขา หลังจากที่คว้าเหรียญทองมาแล้วตลอด 2 ครั้งก่อนหน้า ในปี 2012 ที่ลอนดอน และ ปี 2016 ที่ริโอ เดอ จาเนโร
เควิน ได้ทำการลงทุนนอกสนาม โดยเขามีหุ้นในสโมสรฟุตบอล ฟิลาเดลเฟีย ยูเนี่ยน ในรัฐเพนซิลเวเนีย และยังลงทุนกับบริษัทสตาร์ทอัพของตนที่ชื่อ เทอร์ตี้ไฟฟ์เวนเจอร์ อีกด้วย ทำให้เขามีรายได้สูงกว่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,400 ล้านบาท) เลยทีเดียว
2. นาโอมิ โอซากะ, $60M USD, เทนนิส, 23 ปี, ญี่ปุ่น
นักเทนนิสหญิงลูกครึ่งญี่ปุ่น-เฮติ มือวางอันดับ 2 ของโลกคนปัจจุบัน แม้ว่าเธอจะมีอายุเพียง 23 ปี แต่เธอก็ได้ทำลายสถิตินักกีฬาหญิงที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก แซงหน้า เซเรน่า วิลเลียมส์ และ มาเรีย ชาราโปวา ไปแล้ว
นาโอมิได้เงินจากผู้สนับสนุนรวม 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,800 ล้านบาท) และอีก 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 164 ล้านบาท) เป็นเงินรางวัลจากการแข่งขันต่อเนื่องภายใน 12 เดือน เงินที่เธอได้รับมาจากการสนับสนุนของบริษัทใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ไนกี้, นิสสัน, กูเกิล, หลุยส์ วิตตอง, ลีวายส์ และ เวิร์กเดย์ บริษัทผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินของสหรัฐอเมริกา รวมแล้วรายรับของเธอมีมูลค่ารวม 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,900 ล้านบาท)
3. เดเมียน ลิลลาร์ด, $40.5M USD, บาสเกตบอล, 31 ปี, สหรัฐอเมริกา
นักบาสเกตบอลอาชีพ NBA ตำแหน่งพอยต์การ์ดทีมพอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรก เดเมียน ได้รับเงินสนับสนุนจากทั้ง อาดิดาส, เครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด, บริการสตรีมมิ่ง ฮูลู และวิดีโอเกมแฟรนไชส์ 2K
อีกทั้งเขายังเป็นศิลปินฮิปฮอป ภายใต้ชื่อ เดม ดอลลาร์ ภายใต้สังกัดที่เขาเป็นคนลงทุนตั้งขึ้นเองที่ชื่อ ฟรอนต์เพจ มิวสิก รายได้ของเขามีมูลค่ารวมกันกว่า 40.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,300 ล้านบาท)
4. โนวัค ยอโควิช, $34.5M USD, เทนนิส, 34 ปี, เซอร์เบีย
หนึ่งใน 3 นักเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงคนเดียวที่ปรากฏตัวขึ้นในโอลิมปิกปีนี้ เนื่องจากการถอนตัวของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ ราฟาเอล นาดาล โนวัค ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง ลาคอสต์, รถยนต์เปอโยต์, บริษัทเครื่องบินส่วนตัว เน็ตเจ็ตส์ และ เฮด บริษัทอุปกรณ์กีฬาจากออสเตรีย รวมเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 980 ล้านบาท)
เมื่อรวมกับการเข้าร่วมโอลิมปิกในครั้งนี้ ทำให้เขาได้เงินสนับสนุนเป็นจำนวนกว่า 34.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,100 ล้านบาท)
5. รอรี่ แม็คอิลรอย, $32M USD, กอล์ฟ, 32 ปี, ไอร์แลนด์เหนือ
นักกอล์ฟชาวไอร์แลนด์เหนือ ผู้มีชื่อเสียงอยู่ในระดับเดียวกับ ไทเกอร์ วู้ดส์ และ ฟิล มิคเคลสัน เขาเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาที่เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในตลาดการลงทุน เขายังเป็นผู้ก่อตั้ง กอล์ฟพาส บริการสตรีมมิ่งที่ร่วมกันสร้างกับ เอ็นบีซี สปอร์ต เพื่อผลิตรายการสำหรับคนรักกอล์ฟโดยเฉพาะ
แม็คอิลรอย ยังเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทดังหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ไนกี้, นาฬิกาโอเมก้า และ ยูไนเต็ด เฮลท์แคร์ บริษัทประกันแห่งสหรัฐอเมริกา การเข้าร่วมโอลิมปิกของเขาในครั้งนี้สร้างมูลค่าให้เขากว่า 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,054 ล้านบาท)
6. เดวิน บุ๊คเกอร์, $30.5M USD, บาสเกตบอล, 24 ปี, สหรัฐอเมริกา
ชูตติ้งการ์ดชาวอเมริกัน แห่งทีม ฟีนิกซ์ ซันส์ ที่เพิ่งบินตามไปสมทบเพื่อนร่วมทีมมาหมาด ๆ หลังจบการแข่งขัน NBA รอบชิงชนะเลิศ ฝีมืออันร้ายกาจของเขาถูกจับตามองอย่างต่อเนื่อง จนถึงขนาดมีคำกล่าวว่าเขาคือ โคบี้ ไบรอันท์ คนถัดไป การเข้าร่วมโอลิมปิกของเขาครั้งนี้กวาดเงินสนับสนุนไปได้ 30.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,005 ล้านบาท)
บุ๊คเกอร์ เป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวเยอะที่สุดในทีม ฟีนิกซ์ ซันส์ ด้วยการต่อสัญญาเล่นให้กับซันส์ต่อไปอีก 5 ปี เมื่อปี 2018 เป็นมูลค่ากว่า 158 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5,200 ล้านบาท) อีกทั้งเขายังได้เงินค่าสปอนเซอร์จากบริษัทอย่างไนกี้ และวิดีโอเกมส์ คอล ออฟ ดิวตี้ อีกด้วย
7. เคอิ นิชิโกริ, $30.5M USD, เทนนิส, 31 ปี, ญี่ปุ่น
นักเทนนิสชาวญี่ปุ่น ผู้สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะนักเทนนิสเอเชียคนแรก ที่เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ในการแข่งขันเทนนิสประเภทชายเดี่ยวในรายการแกรนด์สแลมได้
เคอิ ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์สินค้าของญี่ปุ่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สายการบินเจแปน แอร์ไลน์, บริษัทผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างลิซิล และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนิชชิน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้กับโตเกียวโอลิมปิก 2020
เคอิ นิชิโคริ ได้รับเงินจากการเข้าร่วมโอลิมปิกครั้งนี้เป็นจำนวน 30.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1,005 ล้านบาท)
8. คริส มิดเดิลตัน, $27M USD, บาสเกตบอล, 29 ปี, สหรัฐอเมริกา
อีกหนึ่งนักบาสเกตบอลตำแหน่งพอยต์การ์ดจาก มิลวอกี้ บัคส์ ที่บินตามไปสมทบทีมชาติหลังจากคว้าแชมป์บาสเกตบอล NBA ซีซั่นล่าสุด
มิดเดิลตัน ต่อสัญญากับบัคส์เพิ่มอีก 5 ปี เป็นมูลค่า 178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5,600 ล้านบาท) ในปี 2015 และเขายังได้รับการสนับสนุนจากไนกี้, เครือข่ายโทรศัพท์เวอไรซัน, การ์ดสะสมนักกีฬาปานีนี่ บริษัทสินค้าอุปโภคยูนิลิเวอร์ และการเข้าร่วมโอลิมปิกของเขาครั้งนี้รวมเป็นเงินกว่า 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 890 ล้านบาท)
9. จรู ฮอลิเดย์, $23M USD, บาสเกตบอล, 31 ปี, สหรัฐอเมริกา
นักบาสเกตบอลตำแหน่งพอยต์การ์ด เพื่อนร่วมทีมของมิดเดิลตัน ที่บินตามมาด้วยกันหลังจากได้แชมป์ NBA เขาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในนามทีมชาติสหรัฐอเมริกา
ฮอลิเดย์ ได้เงินจากการต่อสัญญากับบัคส์อีก 4 ปี เป็นจำนวน 134 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,400 ล้านบาท) และได้เงินผู้สนับสนุนร่วมจากไนกี้, ไมโครซอฟท์ และการ์ดปานีนี่ เขาได้เงินสนับสนุนเป็นจำนวนกว่า 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 760 ล้านบาท) จากการเข้าร่วมโตเกียวโอลิมปิก 2020
นักกีฬาที่มีรายได้มากที่สุด 9 คนนี้ มีรายรับรวมกันทั้งหมดเป็นจำนวนประมาณ 353 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยก็จะประมาณ 11,635 ล้านบาท เลยทีเดียว