ชัดนะ! "ดร.ก้องศักด" ยันเอง "เทนนิส, แต้ว" ไม่ต้องเสียภาษีเงินอัดฉีดเหรียญโอลิมปิก

ชัดนะ! "ดร.ก้องศักด" ยันเอง "เทนนิส, แต้ว" ไม่ต้องเสียภาษีเงินอัดฉีดเหรียญโอลิมปิก

ชัดนะ! "ดร.ก้องศักด" ยันเอง "เทนนิส, แต้ว" ไม่ต้องเสียภาษีเงินอัดฉีดเหรียญโอลิมปิก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก่อนหน้านี้ มีประเด็นที่ถูกพูดถึงในโลกโซเชียล กรณีที่มีการเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เก็บภาษี "เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ" ที่ได้รับเงินอัดฉีดจากการกีฬาแห่งประเทศไทย

ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องออกมาเคลียร์ประเด็นที่ชัดเจนและถูกต้อง เริ่มจาก นายสนธิญา สวัสดี เลขาสมาพันธ์ประชาธิปไตย ได้เดินทางไปที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. หลังจากที่มีผู้ที่เข้าใจผิดว่า เขาคือผู้ที่เสนอให้มีการตรวจสอบเพื่อเก็บภาษีสำหรับนักกีฬาที่ได้รับเงินอัดฉีดจากการแข่งขันโอลิมปิก โดยยืนยันว่า ข้อมูลที่มีการแชร์ออกไปนั้นเป็นข้อมูลเท็จ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งตนเองยังเป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัลให้ "พาณิภัค" เป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท  จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องออกมาเรียกร้อง

นอกจากนี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ยืนยันผ่านทาง Facebook ส่วนตัวว่า นักกีฬาที่ได้รับเงินอัดฉีดจากการคว้าเหรียญรางวัล ไม่ต้องเสียภาษี เพราะถือเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ใจความสำคัญมีดังนี้

"ตามที่มีประเด็นข่าวเกี่ยวกับกรณีนักกีฬาที่ได้รับเงินรางวัลหรือเงินอัดฉีดจากรัฐบาล จะต้องเสียภาษีหรือไม่นั้น ผมขอยืนยันว่านักกีฬาที่ได้รับเงินอัดฉีดจากรัฐบาล จากการได้เหรียญรางวัลในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก อย่างน้องเทนนิส (เหรียญทองจากกีฬาเทควันโด) และน้องแต้ว (เหรียญ...รอลุ้นในวันที่ 5 ส.ค.นี้) จะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องนำเงินรางวัลดังกล่าวมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ เพราะเราถือว่านักกีฬาเหล่านั้นเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ สร้างความสุขให้กับทุกคน และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนครับ"

ในเชิงของกฏหมาย มีการระบุในกฏกระทรวงระบุว่า กรณีได้เงินอัดฉีดเกิน 10 ล้านบาท ใจความสำคัญของกฏกระทรวงยืนยันว่า นักกีฬาที่ได้รับเงินอัดฉีดจากการแข่งขันโอลิมปิก จะได้รับการยกเว้นจะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดา

"โดยปกติแล้ว สำหรับบุคคลทั่วไป หากได้รับเงินเกิน 10 ล้านบาท จากบริษัทห้างร้าน โดยปกติ ผู้รับจะต้องเสียถาษีการรับให้ในอัตรา 5% ของส่วนที่เกินจากเงิน 10 ล้านบาท แต่ถ้าผู้รับเป็นนักกีฬา รวมถึงสตาฟฟ์โค้ช และเงินที่ได้รับเป็นเงินอัดฉีด จะได้รับการยกเว้นภาษีให้เป็นกรณีพิเศษ กล่าวคือ หากนักกีฬาได้รับเงินอัดฉีดเป็นรางวัลเนื่องจากเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา และรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ เช่น โอลิมปิก 2020 นักกีฬาและทีมผู้ฝึกสอนจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำเงินอัดฉีดส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท มาเสียภาษีบุคคลเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย ซึ่งวัตถุประสงค์ของนโยบายยกเว้นภาษีนี่คือ เพื่อเป็นการสนับสนุนนักกีฬาและผู้ฝึกสอนกีฬาที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook