เครื่องหมายคำถาม.. ของเกมรับเกาหลีใต้
และแล้ว เกาหลีใต้ ของกุนซือชาวเยอรมัน อูลี่ สเตลิเก้ ก็ปฏิบัติภารกิจคืนความสุขให้แก่แฟนฟุตบอลชาวโสมขาว หลังจากต้องผิดหวังกับผลงานที่ล้มเหลวของ เกาหลีใต้ ในฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมาใกล้จะสำเร็จครบถ้วนสมบูรณ์แล้วนะครับ
จากการสามารถทะยานผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ “เอเชี่ยนคัพ” บนแผ่นดินออสเตรเลียได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1988 เป็นต้นมา
หรือกว่า 27 ปีมาแล้ว!!!
ทว่าจากระยะเวลาที่ห่างหายจากรอบชิงชนะเลิศไปอย่างยาวนาน เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนคงสงสัยไม่น้อยว่า ด้วยเหตุผลกลใดขุนพล “แทกุกวอริเออร์ส” ชุดนี้ถึงได้หวนย้อนคืนกลับเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ “เอเชี่ยนคัพ” ได้อีกคราในรอบ 27 ปี และมีลุ้นแชมป์ครั้งแรกในรอบ 55 ปีหลังจากได้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1960
"โสมขาว" ทะลุเข้าชิงฯ โดยเล่นไป 5 นัด ยังไม่เสียสักประตู
โดยบรรดานักวิจารณ์ที่คร่ำหวอด และไม่คร่ำหวอดมากมายของวงการฟุตบอลเอเชียต่างลงความเห็นว่า “เกมรับ” ของ เกาหลีใต้ นี่แหละ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทะยานมาไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ และอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ ทีมโสมขาวคว้าแชมป์ “เอเชี่ยนคัพ” บนแผ่นดินออสเตรเลียด้วย
โดยกูรูทั้งหลายต่างหยิบยกผลงาน “เกมรับ” ของขุนพล “แทกุกวอริเออร์ส” ที่พวกเขายกย่องว่า “เหนี่ยวแน่น” จนสร้าง “คลีนชีต” ไม่เสียประตูเลยตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มยันมาถึงรอบชิงชนะเลิศ แม้จะต้องพบเจอกับทีมที่แข็งแกร่งของทัวร์นาเมนท์หลายต่อหลายทีม โดยเฉพาะ “เจ้าภาพ” ออสเตรเลีย เป็น “เบื้องหลัง” ชั้นดีของความสำเร็จในการผ่านเข้าสู่รอบชิงดำกระทั่งลุ้นแชมป์ของ เกาหลีใต้ ครั้งนี้
กระนั้นแม้ “เกมรับ” ของ เกาหลีใต้ จะสร้างผลงานได้อย่างเยี่ยมยอด จนซื้อใจบรรดากูรูได้มากมาย กระทั่งถูกหยิบยกให้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ทีมโสมขาวผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนแผ่นดินเอเชียได้อีกครั้ง หลังจากรอมานานกว่า 27 ปี แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ไร้เทียมทานพอที่จะถูกตั้งข้อสงสัยไปได้
ทูราเยฟ ตัวเก่งอุซเบกิสถาน ทำหน้าเบื่อโลกเมื่อพลาดโอกาสทองถึง 2 หน
เพราะยังมีกลุ่มคนขี้สงสัยบางคนบางคน (ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น) ตั้งแง่กับ “เกมรับ” ของขุนพล “แทกุกวอริเออร์ส” ในทัวร์นาเมนท์นี้อยู่ดี
ก็แม้ว่าจะสร้าง “คลีนชีต” ได้ แต่นั่นเป็นเพียงตัวเลขทางสถิติที่บ่งบอกว่าพวกเขาไม่เสียประตู ซึ่งมันคงไม่สามารถนำมาใช้ชี้ชัดได้เลยว่า คู่ต่อสู้ไม่มีโอกาสจะทำประตูพวกเขา
เนื่องจากในความเป็นจริงคู่ต่อสู้ที่พบเจอกับ เกาหลีใต้ เกือบทุกทีม ต่างมีโอกาสกระซวกประตูใส่ขุนพล “แทกุกวอริเออร์ส” แทบทั้งสิ้น และไม่ได้มีครั้งเดียวตลอดทั้งเกมด้วย เรียกได้ว่ามีหลายต่อหลายครั้ง
อย่าง โอมาน, คูเวต และ ออสเตรเลีย ที่เจอกันในรอบแบ่งกลุ่มต่างได้โอกาสเหน่งๆเจาะประตูทีมโสมขาว ทั้งสิ้น หรือ อุซเบกิสถาน คู่ต่อสู้ในรอบควอเตอร์ไฟนอล นี่ก็มีโอกาสทองไม่ต่ำกว่า 4–5 ครั้งที่จะปิดบัญชี เกาหลีใต้ โดยเฉพาะ ลัทฟุลลา ทูราเยฟ ที่มีโอกาสได้โหม่งจ่อๆหน้ากรอบ 6 หลา ถึง 2 ครั้ง 2 ครา รวมถึง อิรัก คู่ต่อสู้ล่าสุดในรอบรองฯ ก็มีโอกาสงามๆที่จะเบิกสกอร์ขุนพล “แทกุกวอริเออร์ส” เช่นกัน
หากแต่บรรดาคู่ประชันของทีมโสมขาวทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่รู้ว่าเกิดอาการเกร็งปนตื่นเต้นหรืออย่างไร ถึงได้ยิงทิ้งยิงขว้างกันไปหมด จนทำให้ทีมโสมขาวรอดพ้นการเสียประตูและรักษา “คลีนชีต” มาได้ถึงบัดนี้
นัดชิงฯรับรองความมันส์แน่นอน เมื่อ ทิม เคฮิลล์ และผองเพื่อนออสซี่พร้อมทวงแค้นในรอบแรก!
ด้วยเหตุนี้มันจึงยังคงทำให้ “เกมรับ” ของ เกาหลีใต้ ในศึก “เอเชี่ยนคัพ” ครั้งนี้ ดูจะมีเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ตามหลังอยู่ดีว่าแท้ที่จริง “เหนียวแน่น” และเป็นปัจจัยสำคัญจนนำพวกเขามาไกลถึงเพียงนี้หรือไม่
คำถามนี้มีเพียงขุนพล “แทกุกวอริเออร์ส” เท่านั้นที่จะตอบได้ว่า “เกมรับ” ที่ได้สถิติ “คลีนชีต” ของพวกเขานั้นเป็น “เรื่องจริง” หาใช่เพียง “ภาพลวงตา” ไม่
และพวกเขาจะตอบมันในนัดสุดท้ายของทัวร์นาเมนท์ ซึ่งก็คือรอบชิงชนะเลิศในวันเสาร์สุดสัปดาห์นี้ กับ ขุนพล "ซอคเก้อรูส์" ออสเตรเลีย เจ้าภาพนั่นเอง
Boom