ไล่เท่าไรก็(คง)ไม่ไป.. กดยังไงก็ไม่ลง!!
ปกติแล้ว เวลานักเตะซักคนประกาศจุดยืน แสดงความจงรักภักดีต่อสโมสร ด้วยการยืนกรานว่าไม่คิดจะย้ายไปไหน ขออยู่ประสบความสำเร็จกับทีมแล้วล่ะก็ มันควรจะเป็นเรื่องที่น่าปลาบปลื้มยินดี ทั้งสำหรับสโมสรและแฟนบอล
แต่ส่วนใหญ่แฟนๆ มักจะช้ำใจกับการเห็นดาวเตะขวัญใจออกมาปฏิเสธสัญญาใหม่ที่สโมสรยื่นให้บ้างล่ะ ออกมาเปรยหรือขู่ว่าจะย้ายบ้างล่ะ
และบางทีก็อาจจะปวดใจไม่แพ้กัน ถ้านักเตะที่อยากให้ย้ายเต็มที อยากให้โละออกไปไวๆ ดันประกาศว่าให้ตายก็ไม่ย้าย!!
มาริโอ บาโลเตลลี่ คือนักเตะที่น่าจะทำให้เหล่าเดอะค็อปรู้สึกแบบหลังอยู่
การที่ตลาดนักเตะนักเตะหน้าหนาวกำลังจะปิดลงในวันจันทร์ที่จะถึง หมายความว่าแต่ละทีมมีเวลาเหลืออีกแค่ไม่กี่วันที่จะซื้อหรือขายนักตะให้เสร็จสิ้นก่อนเส้นตาย ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอไปจนกว่าฤดูกาลจะสิ้นสุดลง
และนั่นหมายถึงการพลาดโอกาสปรับเปลี่ยนอะไรให้ทันกาลสำหรับครึ่งที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้
สำหรับ ลิเวอร์พูล แล้วเป้าหมายหลักในการเสริมทัพอยู่ที่การมองหาศูนย์หน้ามาแทนที่การอำลาไปของ หลุยส์ ซัวเรซ และการเจ็บยาวของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
คาริม เบนเซม่า กับ เอเซเกล ลาเวซซี่ เป็นสองดาวเตะที่มีชื่อตกเป็นข่าวกับหงส์แดงเป็นพิเศษ หลังจากกองหน้าตัวใหม่ในช่วงซัมเมอร์อย่าง ริคกี้ แลมเบิร์ต และ บาโลเตลลี่ ทำผลงานได้ไม่ดีอย่างที่ถูกคาดหวัง
แลมเบิร์ต ยังพอมีข้อแก้ตัวได้ว่าไม่ถูก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เรียกใช้หรือให้โอกาสมากพอ เพราะถูกจับนั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่ ต่างกับ บาโลเตลลี่ ที่ถูกทุ่มเงิน 16 ล้านปอนด์ ซื้อมาเสริมทีมหลังเปิดฤดูกาลไปแล้ว โดยหวังว่าจะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในแนวรุกให้กับทีม
บาโลเตลลี่ กลายเป็นตัวเลือกในแนวรุกอันดับแรกไปในทันที หลังจาก สเตอร์ริดจ์ เจ็บไปตั้งแต่นัดที่ 3 ของฤดูกาล ซึ่งเป็นเกมเดียวที่ทั้งคู่ได้ลงเล่นร่วมกันจนถึงตอนนี้
แต่หลังได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง บาโลเตลลี่ ก็ยังเบิกสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีกในสีเสื้อของลิเวอร์พูลไม่ได้ จนสุดท้ายร็อดเจอร์สก็ไม่ดันทุรังอีกต่อไป ด้วยการปลด เกรียนโอ้ ออกไปเป็นสำรองในที่สุด
การหลุดทีมไปของเขาส่วนหนึ่งมาจากปัญหาสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ และมีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง รวมถึงแผนการเล่นใหม่ที่ให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มายืนป็นเบอร์ 9 หลอกแทนดูจะได้ผลดี จนทำให้ผลงานของหงส์แดงในช่วงหลังกระเตื้องขึ้นมา
และนั่นย่อมหมายความว่าโอกาสของบาโลเตลลี่คงจะลดน้อยลงไปอีก โดยเฉพาะเมื่อสเตอร์ริดจ์พร้อมจะคัมแบ็กแล้ว
บาโลเตลลี่ ได้ลงเล่นในเกมล่าสุดด้วยการเป็นตัวสำรองในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ของลีกคัพรอบตัดเชือกนัดที่สอง กับ เชลซี เมื่อวันอังคาร ซึ่งบทบาทของเขายังคงเป็นการไม่มีบทบาทใดๆในการช่วยทีมเหมือนเคย
แถมยังมีส่วนทำให้ทีมเสียฟรีคิกจนนำไปสู่ประตูชัยของ เชลซี ในเกมนี้ด้วย จากการจ่ายบอลพลาดจนเพื่อนต้องไปตัดฟาวล์
ฟอร์มของบาโลเตลลี่ในนัดนี้ยิ่งทำให้กระแสข่าวที่ว่าเขาจะถูกหงส์แดงโละทิ้งมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น แม้เจ้าตัวจะเคยออกมาบอกว่าพร้อมจะสู้เพื่อตำแหน่งและพิสูจน์ตัวเองต่อไปก็ตาม
ล่าสุด มิโน่ ไรโอล่า เอเยนต์ของบาโลเตลลี่ ออกมาตอกย้ำถ้อยคำที่บาดหัวใจเหล่าเดอะค็อปหนักขึ้นไปอีก เมื่อบอกว่าเขาได้บอกเกรียนโอ้ไปแล้วว่าให้ลืมเรื่องย้ายทีมไปได้เลย เพราะมีสัญญาอยู่ตั้ง 4 ปี ให้นั่งรับค่าเหนื่อยก้อนโตสบายๆ
ในมุมของเอเยนต์แล้ว ปกติจะชอบยุให้นักเตะย้าย เพราะตัวเองจะได้กินเปอร์เซ็นต์จากการซื้อขาย แต่ถ้าขายในช่วงที่ราคาตก ก็หมายความว่าส่วนแบ่งตรงนั้นจะลดน้อยลงไปด้วย
จึงไม่แปลกที่เอเยนต์ชื่อดังชาวอิตาเลียนรายนี้ จะยื่นคำขาดไปว่าจะไม่เจรจากับทีมไหนทั้งนั้นในช่วงนี้ ถ้าจะพูดเรื่องย้ายก็ต้องรอให้บาโลเตลลี่ทำผลงานให้ดีก่อน จนค่าตัวพุ่งไปซัก 45-50 ล้านปอนด์ ตอนนั้นค่อยมาว่ากัน
แล้วถ้าเกรียนโอ้ทำแบบนั้นไม่ได้ล่ะ? เอเยนต์ผู้ปรารถนาดีแนะนำนิ่มๆ ว่าก็อยู่ไปเรื่อยๆ ให้มันแห้งตายคาแอนฟิลด์นี่แหละ ให้มันรู้กันไปว่า ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่ย้าย ถึงไล่ก็ไม่เลิก
ฟังแบบนี้แล้วลิเวอร์พูลคงต้องคิดหนักว่าควรจะให้ บาโลเตลลี่ ลงมาเล่นหรือเปล่า? เผื่อจับพลัดจับผลูเล่นดีขึ้นมา จะได้รีบหาทีมมารับเซ้งได้ง่ายขึ้น หรือจะเก็บไว้เป็นสีสันและความบันเทิงให้กับแฟนๆ ต่อไปดี
Babybear