สมยอมไหม ? … ไม่สำคัญ : กรณีศึกษาจาก อดัม จอห์นสัน ในคดีคุกคามทางเพศเด็ก

สมยอมไหม ? … ไม่สำคัญ : กรณีศึกษาจาก อดัม จอห์นสัน ในคดีคุกคามทางเพศเด็ก

สมยอมไหม ? … ไม่สำคัญ : กรณีศึกษาจาก อดัม จอห์นสัน ในคดีคุกคามทางเพศเด็ก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สโมสรเอฟเวอร์ตัน แถลงการณ์ว่าพวกเขาตัดสินใจลงดาบนักเตะคนหนึ่งในทีมที่กำลังเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี "ล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กเเละเยาวชน" ด้วยการ "แบน" ในระหว่างการสอบสวนคดี

ทำไมสโมสรจึงต้องเล่นไม้เเข็งด้วยการขับออกจากทีมทันที ทั้ง ๆ ที่นักเตะคนนี้ยังเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย และเป็นนักเตะที่ถูกสื่อมองว่า "สำคัญ" ต่อทีมในช่วงเวลาที่ผ่านมา 

เราจะอธิบายเหตุการณ์นี้ด้วยการย้อนอดีตไปยังคดีความของ อดัม จอห์นสัน นักเตะทีมชาติอังกฤษที่หมดอนาคตเพราะคดีล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กเเละเยาวชนมาเล้ว 

เกิดอะไรขึ้นในคดีนั้น และทำไมสังคมอังกฤษจึงยอมไม่ได้ และไม่มีการถอยให้คนผิดแม้แต่ก้าวเดียว ?  ติดตามได้ที่ MainStand  

สตาร์ดัง vs Moneygrabbers 

นักฟุตบอลอาชีพ คืออาชีพในฝันของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะที่อังกฤษนั้น หากเป็นนักเตะระดับแถวหน้าได้ เงินทอง ชื่อเสียง และเกียรติยศก็จะหลั่งไหลเข้ามา เช่นเดียวกันกับอีกสิ่งหนึ่งนั่นคือ "ผู้หญิง" 


Photo : nehandaradio.com

ผู้หญิงในที่นี้ หมายถึงผู้หญิงทุกรูปแบบ คนที่รักกันจริงพร้อมเข้ามาเป็นภรรยาและแม่ของลูกที่จะใช้ชีวิตครอบครัวไปด้วยกัน รวมถึงแบบที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Moneygrabbers และ Gold Digger ซึ่งเป็นคำเปรียบเทียบสำหรับคนที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากคนรวยและมีชื่อเสียง ซึ่งในกลุ่มของ Gold Digger ก็มีจำนวนไม่น้อยที่สามารถทำภารกิจสำเร็จ นั่นคือการเข้าถึงตัวนักฟุตบอลและปอกลอกพวกเขาได้สำเร็จ 

สำนักข่าว BBC เคยเขียนเรื่องราวของ Moneygrabbers และ Gold Digger มืออาชีพที่ทำกันเป็นขบวนการ และลึกซึ้งยิ่งกว่าการเข้าไปปอกลอกด้วยเสน่หาอย่างเดียว นั่นคือการเข้าหาและหักหลัง แจ้งความในคดีข่มขืนหรืออนาจาร ซึ่งคดีนี้แม้แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส ก็เคยโดนเล่นงานมาแล้วเหมือนกัน และส่วนใหญ่มักจะจบในชั้นศาล ฝ่ายไหนผิด ฝ่ายไหนถูกก็ว่ากันไปตามคำตัดสิน แต่โดยมากเหล่านักเตะมักต้องเสียทรัพย์จำนวนไม่น้อยเป็นค่าชดเชย

เรื่องผู้หญิงกับนักฟุตบอลนั้นเป็นของคู่กัน พวกเขาเป็นเหมือนคนปกติที่มีความรัก โลภ โกรธ หลง แต่การที่พวกเขาเป็นคนมีชื่อเสียง ย่อมดึงดูดทั้งคนดีและคนไม่ดีเข้ามาหาตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างไร พวกเขาต้องวางตัวให้ดี ยับยั้งชั่งใจให้ได้ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ อันเป็นสิ่งสำคัญต่องานของพวกเขาด้วย 

หากไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ก็จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียในอาชีพ โดยเฉพาะกรณีที่ "แพ้คดีในชั้นศาล" พวกเขาจะเหมือนกับเทวดาที่ตกสวรรค์ไปเลย เหมือนกับที่ อดัม จอห์นสัน อดีตนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ซันเดอร์แลนด์ ผู้เคยติดทีมชาติอังกฤษไป 12 นัด ต้องประสบพบเจอด้วยตัวเองมาแล้ว 

 

หุบเหวของ อดัม จอห์นสัน 

อดัม จอห์นสัน ในวันที่โดนคดีทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ มีอายุแค่ 27 ปีเท่านั้น ซึ่งนั่นถือเป็นช่วงชีวิตที่ดี เพราะแฟนสาวก็กำลังตั้งครรภ์ลูกของเขา นอกจากนี้ในเส้นทางอาชีพ เจ้าตัวยังได้รับค่าเหนื่อยราวสัปดาห์ละ 40,000 ปอนด์ (1.7 ล้านบาท) 


Photo : www.mirror.co.uk

จอห์นสัน เองก็เป็นเหมือนนักเตะทั่วไปที่มีแฟนตัวยงคอยติดตามอย่างใกล้ชิด กลุ่มแฟนบอลกลุ่มนี้คือคนที่สามารถเข้าใกล้นักเตะได้มากกว่าแฟนบอลทั่วไป อารมณ์คล้าย ๆ กับแฟนคลับไอดอลเกาหลีดัง ๆ ที่ได้สิทธิพิเศษในกิจกรรมต่าง ๆ ... ในรายของ จอห์นสัน กลุ่มแฟนตัวยงของเขาจะมีกลุ่มแชท WhatsApp ที่มีตัวของเขาอยู่ในนั้นด้วย จนกระทั่งมาสนิทสนมกับแฟนคลับคนหนึ่ง จนมีการคุยแช็ตแยกแบบส่วนตัว

ทุกอย่างเป็นไปตามประสาของแฟนบอลที่ได้คุยกับนักเตะ แต่ จอห์นสัน กลับใช้ความเหนือชั้นและประสบการณ์ในการคุยกันแบบ "ผู้ชาย - ผู้หญิง" จึงทำให้ทั้งสองคนเริ่มถลำลึกในแบบที่ไม่ควรจะเป็น

ช่วงเวลาที่แฟนบอลสาวกับ จอห์นสัน ได้คุยกันผ่านแช็ต เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์ แน่นอนว่าจุดนี้มันเริ่มต้นจากการไม่ยับยั้งชั่งใจของเขา และสิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้คือโลกแห่งความจริงที่โหดร้าย ในแบบที่หาก จอห์นสัน ย้อนเวลากลับไปได้ เขาคงไม่คิดจะทำมันอย่างแน่นอน 

การส่งข้อความคุยกันเป็นเรื่องปกติ แต่ จอห์นสัน นั้นเริ่มใช้การหว่านล้อมสารพัดกับแฟนคลับคนนี้ และรู้ตัวอีกที เธอก็คล้อยตามจนยอมขึ้นรถ เรนจ์ โรเวอร์ ของเขาแบบสองต่อสอง โดยตัวของแฟนคลับรายนี้เล่าในภายหลังว่า จอห์นสัน เสนอให้เธอขึ้นไปบนรถและเขาจะเซ็นชื่อบนเสื้อแข่งที่เธอมี รวมถึงมีของที่ระลึกแบบต่าง ๆ ที่จะมอบให้เธอเป็นพิเศษด้วย 

หลังจากนั้นความสัมพันธ์แบบปล่อยใจคล้อยตาม (ตามคำอ้างของ จอห์นสัน) ก็เริ่มขึ้น เขาและเธอพบกันอีก 2-3 ครั้ง และเริ่มมีการเข้าถึงเนื้อถึงตัว เช่นมีการจูบ และการสัมผัสที่อวัยวะเพศ ... ถึงนาทีนั้นผู้เสียหายเริ่มรู้สึกว่ามันมีบางสิ่งแปลกไปและเธอคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เธอจึงเอาเรื่องทั้งหมดไปเล่าให้กับผู้ปกครองฟัง และนั่นทำให้เรื่องราวใหญ่โตระดับเชือดไก่ให้ลิงดูของวงการฟุตบอลอังกฤษได้เริ่มขึ้น 

เธอคนนั้นอายุแค่ 15 ปี เท่านั้น และ จอห์นสัน เริ่มคุยและเข้าหาเธอตั้งแต่อายุ 14 ปีแล้ว ก่อนจะใช้การหว่านล้อมและตีสนิทกันเรื่อยมา 

เรื่องดังกล่าวถึงหูตำรวจ จากนั้นสวรรค์ของ อดัม จอห์นสัน ก็ล่มลงทันที เมื่อมีการตรวจหลักฐานเบื้องต้นจากผู้เสียหาย หมายเรียกตัวอันเป็นสัญญาณว่า "เขาเกมแล้ว" ก็มาถึง 


Photo : www.express.co.uk

จอห์นสัน ถูกตั้งข้อหาฐานล่วงละเมิดทางเพศเด็กและเยาวชนทันที ขณะที่ ซันเดอร์แลนด์ ต้นสังกัดของเขาในตอนนั้น ก็รับลูกด้วยการยืนยันว่า ได้ทำการยกเลิกสัญญาโดยไม่มีการรีรอคำตัดสินของศาล 

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะในประเทศที่เจริญแล้ว เรื่องดังกล่าวถือเป็นความผิดร้ายแรง และการที่สโมสรให้ท้ายกับนักฟุตบอล ถือเป็นตราบาปที่สนับสนุนคนผิดด้วย  

จอห์นสัน ตกงาน และต้องเริ่มสู้คดี ซึ่งเป็นทางเดียวที่เขาจะรอดได้ โดยปกติแล้วนักฟุตบอลคนอื่น ๆ ที่โดนคดีล่วงละเมิดทางเพศมักจะมาชนะในชั้นศาล เพราะหลักฐานของฝ่ายผู้เสียหายน้อยเกินไป (เคสของ โรนัลโด้ เป็นต้น) ทว่าในกรณีของ จอห์นสัน มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะในช่วงเวลาที่เขาโดนจับคดีดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่ประเทศอังกฤษหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องการคุกคามทางเพศต่อเยาวชนพอดิบพอดี 

 

ผิดหรือไม่ ที่เด็กก็เล่นด้วย ? 

จอห์นสัน เล่าว่าการพบเจอกับหญิงสาววัย 15 ปี รายนี้ เกิดขึ้นจากการที่เธอต้องการให้เขาเซ็นเสื้อ และของที่ระลึกต่าง ๆ โดยการขึ้นมาเซ็นบนรถส่วนตัวเนื่องจากมีความสนิทสนมกัน จากนั้นเมื่อเซ็นแล้ว จอห์สัน ก็มอบจูบให้กับเธอ ซึ่งในจุดนี้เองเป็นจุดที่พ่อ-แม่ของเด็กคนนั้นเอามาร้องเรียนต่อศาลเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาว 

เมื่อขึ้นถึงชั้นศาล จอห์นสัน เตรียมข้อมูลและหลักฐานมาแบบจัดเต็ม เขาเปิดเผยข้อความใน WhasApp ซึ่งในการสนทนานั้น เหมือนจะไม่ใช่การคุกคามหรือล่วงละเมิด เพราะข้อความแช็ตของฝั่งหญิงสาว ก็ดูมีทีท่าเอาจริงเอาจังและใช้คำฉันท์หนุ่ม-สาวกับ จอห์นสัน ทั้งสิ้น เช่น 


Photo : www.mandatory.com

"ขอบคุณสำหรับจูบที่แลกกับเสื้อนะ หวังว่ารอบหน้าฉันจะได้อะไรที่มันพิเศษยิงกว่านี้" ข้อความดังกล่าวของ จอห์นสัน ถูกเผยแพร่โดย Sky News

ขณะที่ เด็กสาว ตอบกลับว่า "อย่างเช่นอะไรล่ะ ?" และข้อความปิดท้าย จอห์นสัน ก็ตอบกลับไปว่า "บางอย่างที่ให้ความรู้สึกดีกว่านี้ รอดูแล้วกัน แล้วก็อย่าลืมลบข้อความนี้ด้วยล่ะ"  

ข้อความดังกล่าวเป็นเหมือนการสมยอมกันของเด็กสาว และ จอห์นสัน เองก็พยายามแสดงหลักฐานตรงจุดนั้น สิ่งสำคัญคือเขาพยายามบอกกับศาลว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธออายุไม่ถึง 18 ปี นอกจากนี้ยังมีการยืนยันจาก จอห์นสัน อีกว่า เธอคนนี้คือคนที่ส่งข้อความมาให้เขามาเจอกันอีกเป็นหนที่ 2 และข้อความในการเชิญชวนก็ยังออกแนวรัก ๆ ใคร่ ๆ เช่น "เจอกันครั้งหน้า หวังว่ากางเกงยีนส์ของคุณจะถูกถอดออก" เป็นต้น

จอห์นสัน ยอมรับในชั้นศาลว่าเขาได้จูบกับเธอจริง และมีการใช้มือจับอวัยวะของหญิงสาวจริง แต่ไม่ได้มีการข่มขืนแต่อย่างใด และเขาย้ำอีกครั้งว่าเจตนาของเขาไม่ได้ต้องการคุกคามทางเพศกับเยาวชน เพราะเขาไม่รู้อายุของเธอ ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นเด็ก แต่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่พยายามเข้าหานักฟุตบอล "เหมือนกับที่เขาเจอมาก่อนหน้านี้อีกหลาย ๆ คน"  

"ผมมองข้ามเรื่องอายุของเธอไปแล้ว ผมสนใจแต่เรื่องเพศและเซ็กส์ เธอเป็นเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ และเธอมีเสน่ห์มากพอที่จะดึงดูดผมด้วย" คำพูดส่วนหนึ่งของ จอห์นสัน ว่าไว้เช่นนั้น อย่างไรก็ตาม นี่คือประเทศอังกฤษยุคใหม่ เรื่องปัญหาทางเพศของเด็กจะไม่โดนมองข้ามอีกต่อไป 

อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น นี่ไม่ใช่เรื่องของการชู้สาวหรือนอกใจ แต่มันคือการทำผิดกฎหมายโดยตรง กับเด็กที่ยังไม่มีวิจารณญาณในการตัดสินใจที่มากพอ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด การจูบ ล่อลวง และสัมผัสอวัยวะเพศนั้น ถูกตีความว่าเป็นการคุกคามทางเพศต่อเด็กและเยาวชนอยู่ดี ไม่ว่าเด็กจะเต็มใจหรือไม่ไม่ใช่ประเด็น เพราะเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ มีประสบการณ์ และผ่านมุมมองอะไรมามากกว่า การจะ "หลอกเด็ก" ด้วยวิธีต่าง ๆ ก็ง่ายกว่ามาก 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ จอห์นสัน เป็นนักเตะอาชีพและเป็นไอดอลของเด็กสาวคนนั้นด้วยแล้ว การเกิดการคล้อยตามก็มีโอกาสจะเกิดขึ้นสูง และการที่เด็กคนหนึ่งได้ใกล้กับคนที่ตัวเองชื่นชอบนั้น มันยากที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว และแน่นอนที่สุด หากเขาไม่เริ่มและยับยั้งชั่งใจได้ เรื่องนี้ก็ไม่มีทางเกิดขึ้น 

กฎหมายสำหรับประเทศพัฒนาแล้วคือก็กฎหมายไม่มีการซิกแซ็ก หลังจากต่อสู้บนชั้นศาล 1 ปี อดัม จอห์นสัน ถูกติดสินจำคุก 6 ปี ขณะที่แฟนสาวของเขาก็ตัดสินใจแยกทาง พร้อมหอบลูกน้อยวัยเพียง 1 ขวบกว่า ๆ ออกไปจากชีวิตเขาในทันที ชีวิตของเขาพังทลาย แม้หลักฐานของเขาจะบอกว่าเป็นการสมยอม แต่นี่เป็นโลกยุคใหม่ เรื่องแบบนี้ใช้อ้างในความผิดไม่ได้  ... และตัวของ จอห์นสัน ก็โชคร้ายหน่อย ๆ ด้วย เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวอังกฤษกำลังเอาจริงเอาจังอย่างมากกับเรื่องนี้ 

 

เรื่องใหญ่ในสังคมโลก 

มาถึงตรงนี้ก็มองข้ามเรื่องชู้สาวหรือนอกใจไปได้เลย เพราะกฎหมายทางเพศเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนในประเทศอังกฤษหรือประเทศแถบยุโรปตะวันตกนั้นรุนแรงไม่ธรรมดา เนื่องจากนี่คือปัญหาใหญ่ที่กำลังก่อตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ 

ในช่วงปี 2015 มีการยืนยันจากมูลนิธิอินเทอร์เน็ต ว็อตช์ (IWF) ว่า ในทวีปยุโรปกลายเป็นพื้นที่ที่มีการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กแซงหน้าสหรัฐอเมริกาไปแล้ว โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 19% นอกจากนี้ชาติในยุโรปยังปล่อยให้ปัญหาเรื่องดังกล่าวแก้ไขได้ยาก โดยอ้างอิงจากเนื้อหาในโลกอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวกับเรื่องการคุกคามทางเพศของเด็กและเยาวชน ซึ่งส่วนใหญ่เนื้อหาเหล่านี้มาจากประเทศในแถบยุโรปทั้งสิ้น  


Photo : www.thesun.co.uk

ด้านประเทศอังกฤษเองก็เข้มงวดกับเรื่องนี้มาก มีการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กให้กับโรงเรียนและชุมชมต่าง ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มี เดวิด คาเมรอน เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ได้มีการยกให้ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ตำรวจแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใครที่ทำผิดจะต้องรับโทษสถานหนักและยอมความกันไม่ได้

นั่นคือเหตุผลว่าทำไม จอห์นสัน ถึงเกม และเป็นการเกมแบบจริงจังไม่มีการผ่อนผันข้อกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น 

ก่อนหน้านี้ เดวิด คาเมรอน เคยเสนอให้มีการคว่ำบาตรบรรดาข้าราชการชายระดับอาวุโสที่เกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจ หรือกระทั่งไม่ใส่ใจที่จะป้องกันปัญหานี้ เหตุผลเดียวที่รัฐบาลอังกฤษต้องเอาจริง นั่นก็เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรม ที่ต้องมองว่าการล่วงละเมิดทางเพศผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เหมาะสม ซึ่งทุกคนไม่ควรปล่อยผ่านไป 

ไม่ว่าคุณจะรู้สึกว่าเด็กนั่นเล่นกับคุณหรืออย่างไรก็แล้วแต่ ก็ต้องคำนึงด้วยว่าเด็กไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่พวกเขาสามารถประเมินสถานการณ์ คิดถึงผลดีและผลเสียที่ตามมาได้ ดังนั้นง่ายที่สุดคือการต้องเอาผิดผู้ใหญ่ที่รู้ทั้งรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ยังเริ่มต้นเรื่องนี้ 

เรื่องดังกล่าวสามารถดูกรณีศึกษาจากเจ้าทุกข์ของคดี จอห์นสัน ได้เป็นอย่างดี เพราะผู้เสียหายได้เปิดเผยภายหลังว่าตัวเธอเองแม้จะชื่นชอบในตัวของ จอห์นสัน ในฐานะนักเตะคนหนึ่งจนดูเหมือนเธอจะเผลอใจ แต่ความจริงแล้วจากคำที่เธอสารภาพกับผู้ปกครองของเธอ กลับพบว่า จอห์นสัน ตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ให้เข้าไปอยู่สถานการณ์ที่เรียกว่า "บรรยากาศพาไป" ตัวของเด็กสาวถูกพาไปเที่ยว ไปยังที่ต่าง ๆ และหว่านล้อมด้วยการใช้ชื่อเสียงเป็นตัวนำของ จอห์นสัน จนทำให้เธอเผลอใจ และอยู่ในสภาพไร้การต่อต้าน จนกระทั่งมีการจูบและสัมผัสที่อวัยวะเพศกัน 

ซึ่ง จอห์นสัน เองก็รู้ดีและคาดการณ์เรื่องทั้งหมดนี้ได้ เพราะทุกครั้งที่เขาคุยกับเธอ เขาพยายามขอให้เธอลบข้อความทิ้งให้หมด นั่นเท่ากับเป็นการแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า เขานั้นไม่ได้มาแบบใจซื่อ แต่ใช้วาทะและการหลอกล่อที่ทำให้เด็กเผลอใจไปอย่างไม่สามารถต้านทานได้ 

ทุกครั้งที่ขึ้นศาล พ่อและแม่ของเด็กพยายามชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดกับลูกสาวของพวกเขา ยิ่งเมื่อเป็นข่าวแล้ว เธอยิ่งโดนบูลลี่อย่างหนัก โดยเฉพาะในโรงเรียนนั้นมีการล้อเลียนกันว่าเธอผ่านการมีเซ็กส์กับผู้ชายมาแล้วมากกว่า 50 คน และมีโอกาสที่จะเป็นโสเภณี ซึ่งนั่นทำให้เธอต้องร้องไห้และเคยบอกกับพ่อและแม่ว่า "อยากจะฆ่าตัวตาย" 

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือหลังจากที่คดีความสิ้นสุดลง เธอในฐานะเหยื่อก็แทบไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้เลย เพราะมีการข่มขู่ ล้อเลียนจากเพื่อน ๆ แม้เวลาจะผ่านไปแล้ว ขณะที่ จอห์นสัน ก็โดนจับเข้าคุกตามความผิดที่ได้กระทำไปแล้ว


Photo : www.mirror.co.uk

ชีวิตของเด็กผู้หญิงที่มีจุดเริ่มต้นจากการชอบดูฟุตบอล และปลื้มนักฟุตบอลตัวเก่งของทีม นำมาสู่หลุมดำของชีวิตเธอ ในแบบที่ จอห์นสัน ไม่สามารถชดใช้ได้ แม้ว่าจะต้องติดคุกรับโทษตามคำสั่งของศาลก็ตาม 

เพราะเมื่อรับโทษครบกำหนด เขาก็จะกลับมามีอิสระ แต่สำหรับเด็กสาวที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดผวาและวิตกกังวล มันทำให้เธอสูญเสียความเป็นคน อาจจะถึงขั้น "ตลอดไป" หากเธอไม่สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ 

ประสบการณ์เหล่านี้ทำร้ายเด็กโดยตรงและมันส่งผลกระทบต่อการเติบโตขึ้นมาในฐานะคน ๆ หนึ่งหากไม่สามารถก้าวข้ามปมนั้น ๆ ได้ ซึ่งที่สุดแล้วมันก็เป็นการทำร้ายชีวิตคน ๆ หนึ่งที่รอแค่เวลาเหมือนกับระเบิดเวลาว่าจะทำงานเมื่อไหร่ เพราะเด็กไม่รู้และไม่มีประสบการณ์ กฎหมายจึงต้องดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ... และต้องกันคนที่พยายามคิดร้ายออกห่างจากพวกเขาด้วยกฎหมายและข้อห้ามที่รุนแรงที่สุดแบบที่ใครไม่กล้าเสี่ยง 

หากไม่กลัวผลที่ตามมา สิ่งที่จะได้รับคือการเสียทุกอย่างที่เคยสร้างมา เหมือนที่ อดัม จอห์นสัน ได้รับในเวลานี้ ... เขาพ้นโทษออกจากคุกไปแล้วตั้งแต่ปี 2019 แต่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสื่ออีกเลย ถึงอิสรภาพจะกลับมา แต่ตราบาปยังคงติดตัวเขาไปตลอดกาล 

เขาจะแคร์หรือไม่นั่นไม่สำคัญ ... เพราะในสายตาคนอื่น ๆ เขาหมดคุณค่าความเป็นคนไปแล้วเรียบร้อย 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook